เลิกเจรจาธรรมกายแล้ว อธิบดีดีเอสไอสั่งเคลื่อนกำลังทหาร-ตร. ลั่นปฏิบัติการเต็มรูปแบบหลังวัดยืนกรานไม่ยอมให้เข้าค้นอีก พระลูกศิษย์ 7 รูป นั่งสวดมนต์อดอาหารประท้วง จี้ยกเลิกคำสั่งคสช. มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่ ให้เข้า-ออกได้ตามเดิม ขณะที่ประตู 5 และ 6 ทั้งพระและศิษย์ฆราวาสยังคงปักหลักขวางเจ้าหน้าที่ ด้านผู้ว่าฯ ปทุมฯ เรียกตัว 6 ผู้บริหารท้องถิ่นเข้ารายงานตัว สอบถามเรื่องสนับสนุน มวลชนเข้าไปในวัด รมว.ยุติธรรม เผยได้กราบทูล “สมเด็จพระสังฆราช” ทรงต้องการให้เรื่องยุติลงด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่รุนแรง

ยังตรึงกำลังรอบธรรมกาย

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. สถานการณ์โดยทั่วไปโดยรอบและที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ช่วงกลางดึกวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา จนถึงช่วงเช้า บริเวณหน้าโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ถนนสายบางขัน-หนองเสือ เป็นจุดสกัดคัดกรองจุดแรกมีเจ้าหน้าที่ทหารตรวจตรายานพาหนะทุกคันที่จะผ่านไปยังประตู 7 โดยที่ประตูดังกล่าวมีทหารและตำรวจเฝ้าตรวจตรา ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้า แต่จะเปิดโอกาสให้คนภายในวัดออกมาเท่านั้น

สำหรับประตู 5 และ 6 ถนนสายบางขัน-หนองเสือ เชื่อมต่อกับถนนคลองแอล 2-3 ยังคงมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจตรึงกำลังอยู่เป็นจำนวนมาก แต่บรรยากาศไม่ตึงเครียด ค่อนข้างผ่อนคลาย ขณะที่พระสงฆ์และลูกศิษย์ฆราวาสบางส่วนที่เข้าไปภายในวัดไม่ได้ ยังคงปักหลักอยู่ภายในเต็นท์ ตรงข้ามทางเข้าถนนเลียบคลองแอล 2-3 ลูกศิษย์ฆราวาสถวายภัตตาหารพระสงฆ์ และบางส่วนก็สวดมนต์อย่างต่อเนื่อง

เจรจาวัดขอตรวจค้นอีก

เวลา 09.30 น. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และพระมหานพพร บุณยไชโย ผู้ช่วยผอ.สื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ประชุมร่วมกันเกี่ยวกับการเข้าตรวจค้นภายในวัดบริเวณโซนเอ และบี รวมถึงห้องติดต่อสอบถามของวัด ตั้งอยู่บริเวณประตู 7

พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่าเจ้าหน้าที่อาจเข้าตรวจค้นภายในพื้นที่วัดบริเวณโซนเอและบีอีกครั้ง แต่คงไม่เสร็จภายในวันเดียว จำเป็นต้องตรวจค้นอย่างละเอียด เนื่องจากวัดมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ประกอบกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมีอุปสรรค จึงอยากให้เข้าใจในส่วนนี้ด้วย ส่วนกรณีที่วัดร้องขอให้ยกเลิกมาตรา 44 นั้น ไม่สามารถทำได้ เพราะขนาดมีมาตรา 44 การปฏิบัติหน้าที่ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร จึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายนี้ควบคุมพื้นที่ ถ้าวัดและลูกศิษย์ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และคืนพื้นกลับคืนได้เร็ว

คาดมวลชนในวัด 3-4 พันคน

รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวต่อว่า ส่วนที่วัดอ้างว่าการที่เจ้าหน้าที่ปิดทางเข้าออก ทำให้สามเณรไม่สามารถเดินทางไปสอบบาลีได้นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะหากจะเดินทางไปสอบจริง ทำไมไม่ออกทางประตู 7 ที่เข้าออกได้ตลอดเวลา ทำไมเลือกออกที่ประตู 5

ต่อข้อซักถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรึงกำลังบริเวณพื้นที่ด้านนอกตลาดสด และหวั่นเกรงอาจมีความรุนแรงเกิดขึ้น พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่าไม่มีการใช้ความรุนแรงแน่นอน มีแต่ข่าวลือที่วัดปล่อยออกมาเพื่อปลุกระดมมวลชนต่อต้านเจ้าหน้าที่ ขณะนี้คาดว่ามีมวลชนประมาณ 3,000-4,000 คนอยู่ในวัด ส่วนจะยกระดับปฏิบัติการหรือไม่คงอยู่ที่ผลการประเมินวิเคราะห์สถานการณ์ในแต่ละวัน แต่สถานการณ์ขณะนี้ยังปกติดี ส่วนที่ลือกันว่าพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) จะขอเข้ามอบตัวที่วัดพิชยญาติการาม กทม.นั้น ยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด

วัดยืนกรานไม่ให้เข้าค้น

ด้านพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย กล่าวว่าวัดยังยืนยันเจตนาเดิม คือไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปภายในวัดอีก เนื่องจากตรวจค้นวัดเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งยังลงเป็นบันทึกให้รับทราบ และวัดก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร อีกทั้งคณะศิษย์ต้องการให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคสช. ตามมาตรา 44 เพราะพระและประชาชนเดือดร้อน จึงอยากขอให้ชาวพุทธออกมาปกป้อง

“วัดให้ความร่วมมือมาตลอด แต่เนื่องจากวัดนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือญาติโยม หากจะบอกว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางวัด และจะให้ออกนอกพื้นที่ พวกเขาจึงมองว่าไม่ถูกนัก ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่เองก็เข้าตรวจค้นในทุกพื้นที่แล้ว ถือว่าเสร็จสิ้นแล้วก็ควรจะยกเลิกมาตรา 44 ได้แล้ว และไม่ทราบด้วยว่าหลวงพ่อธัมมชโยติดต่อเข้ามอบตัว” พระสนิทวงศ์กล่าว

เรียกตัว 6 ผู้บริหารท้องถิ่น

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายสุรชัย ขันอาสา ผวจ.ปทุมธานี มีหนังสือด่วนคำสั่ง อาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคสช. และมาตรา 44 เรียกบุคคลมารายงานสถานการณ์ในพื้นที่ และรับนโยบายเพิ่มเติม ภายในวันที่ 22 ก.พ. เวลา 10.00 น. ประกอบด้วย นายไท ทองปราง นายกเทศมนตรีเมืองท่าโขลง อ.คลองหลวง, นายปกรณ์ ทองปราง รองนายกเทศมนตรีเมืองท่าโขลง, นายวีระศักดิ์ ฮาดดา นายก อบต.คลองสาม, นางทุเรียน ปุ่นพิทักษ์ สมาชิก อบต.คลองสาม, นายสถาพร มาทรัพย์ กำนัน ต.คลองสาม และนายวีระ วงษ์มั่งมี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.คลองสาม

ต่อมานายไท นายปกรณ์ นายวีระศักดิ์ และนางทุเรียน เข้าพบว่าที่ ร.ต.ธานินทร์ ริ้วธงชัย ท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี และจะเข้าพบ นายสุรชัย ผวจ.ปทุมธานี ต่อไป ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา มี เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสนับสนุนมวลชน และรถสุขาเข้าไปในวัด ผวจ.ปทุมธานี จึงเรียกผู้บริหารท้องถิ่น หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามารายงานตัว และซักถามข้อเท็จจริงแล้ว

“สังฆราช”ทรงต้องการให้ยุติ

ที่กระทรวงยุติธรรม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่าได้กราบทูลหารือสมเด็จพระสังฆราช ทั้งทางโทรศัพท์ และประสานงาน สมเด็จพระสังฆราชทรงต้องการให้เรื่องวัดพระธรรมกายยุติลงด้วยความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่เกิดเหตุรุนแรง ผู้ปฏิบัติน้อมรับข้อห่วงกังวลทุกด้านมา สิ่งที่ทำอยู่ในขณะนี้คือยึดหลักความอดทน ไม่ให้เกิดความรุนแรง ทุกอย่างเดินไปตามข้อกฎหมายและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยกำหนดเส้นตายแต่อย่างใด ส่วนเจ้าหน้าที่ต้องมีวิธีการปฏิบัติไปตามความเหมาะสม

รมว.ยุติธรรมกล่าวต่อว่ามหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะต้องเข้ามามีส่วนดำเนินการเรื่องนี้ในอนาคตที่จะต้องหารือกันต่อไป ทุกฝ่ายก็ต้องการอย่างนั้น เป็นเรื่องของการบริหารจัดการที่ต่อไปทางมหาเถรสมาคม พศ. จะต้องเข้ามาช่วย แต่ขอให้จบการดำเนินการในส่วนของกระทรวงยุติธรรมให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

ลูกศิษย์ร้อง”บิ๊กตู่”เลิกม.44

ที่ศูนย์บริการประชาชน ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล นายอัยย์ เพชรทอง พร้อมตัวแทนลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ยื่นหนังสือถึงพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ คสช.ทบทวนคำสั่งตามมาตรา 44 ที่ให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม และมี เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังกว่า 5,000 นาย เข้าล้อมให้พระสงฆ์ สามเณร ประชาชน ออกจากพื้นที่ โดยมีรถฉีดน้ำแรงดันสูง และแก๊สน้ำตาเข้าควบคุมพื้นที่ อาจทำให้เกิดการ กระทบกระทั่ง ประชาชนและเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ

เครือข่ายสมาพันธ์ชาวพุทธทุกระดับ อ้างชื่อว่าเป็นสมาพันธ์ชาวพุทธยุโรป, สมาพันธ์ชาวพุทธเอเชีย, สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์ชาวพุทธอเมริกา, สมาพันธ์ชาวพุทธศรีลังกา, สมาพันธ์ชาวพุทธออสเตรีย และสมาพันธ์ชาวพุทธภาค กทม.และปริมณฑล ออกแถลงการณ์เรียกร้องยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 5/2560 พร้อมทั้งระบุว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นแล้วไม่พบ พระเทพญาณมหามุนี จึงควรยกเลิกคำสั่ง ฉบับนี้ ถอนกำลังออกจากพื้นที่ และคืนพื้นที่ให้พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนใช้ประกอบกิจกรรมทางศาสนาทันที แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่กลับใช้โอกาสนี้ปิดอาคารต่างๆ ไม่ให้พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนใช้อาคาร อาจทำให้เข้าใจว่าเป้าที่แท้จริง คือยึดวัดยึดทรัพย์สิน เงินทอง ไม่ให้พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนใช้อาคารประกอบพิธีกรรมต่างๆ

เจรจาล่ม-จนท.เคลื่อนกำลัง

เวลา 14.30 น. ที่ บก.ตชด.ภาค 1 พ.ต.ต. วรณัน เปิดเผยผลการเจรจากับวัดว่า ไม่สำเร็จ พระราชภาวนาจารย์ (เผด็จ ทัตตชีโว) รักษาการเจ้าอาวาสวัด ไม่ยอมให้ตรวจค้น หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะไม่เจรจาอีก อธิบดีดีเอสไอจงสั่งเคลื่อนกำลังเข้าปฏิบัติการตามแผนที่กำหนดไว้แล้ว เข้าสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ เป็นกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทหาร และตำรวจ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีอำนาจเต็มในการดำเนินการ แต่พยายามใช้วิธีการจากเบาไปหาหนักมาโดยตลอด และหากพบผู้ ขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ จะถูกจับกุมดำเนินคดีตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 5/2560 และเมื่อถามว่าหวั่นปะทะกันหรือไม่ พ.ต.ต. วรณันกล่าวว่ามีข้อห่วงใยทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งวัดและเจ้าหน้าที่

พระอดข้าวประท้วง”ม.44″

ต่อมาเวลา 15.45 น. เจ้าหน้าที่นำตู้คอน เทนเนอร์วางปิดกั้นบริเวณประตู 8 และ 9 ป้องกันไม่ให้มวลชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในวัดอีก ส่วนบริเวณประตู 5 และ 6 ยังคงมีพระสงฆ์และศิษย์ฆราวาสรวมตัวอยู่กันมาก โดย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภาค 1 ระบุว่ากรณีประตู 5 และ 6 ทางอธิบดีดีเอสไอมีแผนการปฏิบัติสำรองไว้แล้ว ส่วนบุคคลใดที่ต้องการออกจากวัด ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้ พร้อมอำนวยความสะดวกตลอดเวลา

เวลา 16.30 น. ที่ตลาดกลางคลองหลวง มีพระสงฆ์ 7 รูป ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย นั่งสมาธิอดอาหาร เรียกร้องรัฐบาลยกเลิกมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัด แล้วให้พระสงฆ์และลูกศิษย์เข้าออกวัดได้ตามปกติ

“วิษณุ”แจงพื้นที่ควบคุมธรรมกาย

วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รอง นายกฯ กล่าวอธิบายถึงการใช้ ม.44 ประกาศพื้นที่ควบคุมวัดพระธรรมกายว่า การไม่ปฏิบัติ ตามประกาศมีความผิดอยู่แล้ว และยังผิดพ.ร.บ.อื่นๆ อีกด้วย ในคำสั่งระบุโทษอยู่ว่าหากฝ่าฝืนจะโดนอะไร แต่เป็นโทษเบา ปรับไม่เท่าไหร่ และคำสั่งคสช.ฉบับดังกล่าวไม่ได้ออกมาเพื่อกรณีวัดพระธรรมกายอย่างเดียว จะเห็นว่าตั้งแต่บรรทัดแรกจนเกือบสุดท้าย ไม่ได้เอ่ยถึงวัดพระธรรมกายเลย

นายวิษณุกล่าวว่า ฉะนั้นที่บอกว่าให้ยกเลิก ในความเป็นจริงไปใช้กับวัดอื่นก็ได้ ใช้กับการก่อปัญหาที่อื่นก็ได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศกฎอัยการศึก เพราะเป็นมาตรการที่เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ในภาวะปกติ แต่ในบทเฉพาะกาลท้ายของคำสั่งเขียนไว้ว่า คำสั่งนี้ให้เริ่มใช้กรณีแรกคือวัดพระธรรมกาย และพื้นที่คลอง 2 คลอง 3 คลอง 4 หมู่ 7 หมู่ 8 ตามที่ระบุไว้เท่านั้น แต่อันอื่นยังไม่เกี่ยว ซึ่งจะใช้กับอันอื่นต่อเมื่อจนกว่าจะมีคำสั่งดีเอสไอ หรือคำสั่งรมว.ยุติธรรมให้เป็นพื้นที่ควบคุม แต่ขณะนี้ไม่มีการสั่งให้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่ควบคุม นอกจากพื้นที่ตามบทเฉพาะกาลในคำสั่ง ระบุว่าคือบริเวณรอบวัดพระธรรมกาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน