แฉ หมอร่วมขบวนการ ยาสวยสังหาร ลอบเอายาออกนอกระบบ ส่งขายข้ามโลก!

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยถึงกรณี ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.) จับกุมอดีตนางแบบ 2 ราย ที่ร่วมกัน จำหน่ายยาลดความอ้วน แต่มีการลักลอบเติมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทนั้น ว่า จากข้อมูลการสืบสวนพบว่า มีกลุ่มนายทุนร่วมมือกับแพทย์ในเครือข่าย ลักลอบนำวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวออกจากระบบการควบคุมของ อย. โดยไม่ได้มีการจ่ายให้แก่ผู้ป่วยในสถานพยาบาลที่เป็นสถานที่รับอนุญาตฯ

อ่าน บุก ค้นบ้านอดีตแม็กซิม พรีเซ็นเตอร์ยาสวยสังหาร ขายยาลดอ้วนกินแล้วตาย

สำหรับวัตถุออกฤทธิ์ที่นำออกนอกระบบนี้ ส่วนหนึ่งมีการขายผ่านทางอินเทอร์เน็ต และอีกส่วนหนึ่งขายให้กับผู้ค้ารายย่อยนำไปขายต่อผ่านทางแอปพลิเคชัน ไลน์ ไอจี และเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ มีการส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น จีน แคนาดา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการสมคบ ร่วมกัน แบ่งหน้าที่กันทำงาน เพื่อเอาวัตถุออกฤทธิ์ออกนอกระบบโดยอาศัยใบอนุญาตขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ของแพทย์เป็นใบเบิกทางนำมาหลอก อย. ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 – 2,000,000 บาท

“ยาลดน้ำหนัก” หรือ “ยาลดความอ้วน” มักจะประกอบไปด้วยยาหลายชนิดเพื่อให้เห็นผลเร็วในการลดน้ำหนัก เช่น ยาลดความอยากอาหาร ยาไทรอยด์ฮอร์โมน ยาขับปัสสาวะ และยาระบาย ซึ่งการรับประทานยาเหล่านี้ด้วยกัน อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อร่างกายได้ สำหรับยาลดความอยากอาหาร “เฟนเตอร์มีน” เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและทำให้เกิดการติดยาได้

ดังนั้น จึงถูกจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ภายใต้ พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 ซึ่งมีการควบคุมการขาย โดย อย. และจะขายให้เฉพาะสถานพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เพื่อจ่ายให้กับผู้ป่วยที่แพทย์ได้ตรวจวินิจฉัยแล้วเท่านั้น ยานี้ควรใช้ในระยะสั้น คือ 4 – 6 สัปดาห์ ไม่เกิน 12 สัปดาห์หรือ 3 เดือน เนื่องจากมีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งผลข้างเคียงอื่น ๆ

เช่น นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ความดันโลหิตสูง กระวนกระวาย หัวใจเต้นเร็ว หากใช้ไปนาน ๆ อาจถึงขั้นติดยาได้ หรือทำให้น้ำหนักที่ลดลงคืนกลับมาอีก นอกจากนี้ ยังอาจพบอาการอื่น ๆ อีก เช่น ปากแห้ง อาเจียน ท้องผูก เหงื่อออก ตื่นเต้น ม่านตาขยาย ประสาทหลอน อาจทำให้เกิดโรคจิตได้ ในรายที่มีอาการรุนแรง จะพบว่ามีไข้สูง เจ็บหน้าอก การไหลเวียนของเลือดล้มเหลว ชัก โคม่า และตายได้

จะเห็นได้ว่าการใช้ยาเฟนเตอร์มีนอาจก่อให้เกิดอันตรายโดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคต้อหิน ผู้ที่มีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน มีประวัติการใช้ยาในทางที่ผิด เป็นโรคจิตหรือโรคทางจิตเวชอื่น ๆ ผู้ป่วยที่กำลังได้รับยากลุ่ม monoamine oxidase inhibitors (MAOI) รวมทั้งที่เคยได้รับ MAOI มาก่อนหน้านี้ไม่เกิน 14 วัน ซึ่งภาวะเหล่านี้ ถือเป็นข้อห้ามใช้ของยาเฟนเตอร์มีน เนื่องจากผลข้างเคียงจากยา จะมีผลทำให้โรคประจำตัวของผู้ป่วยมีสภาวะเลวลง

เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า การรับประทานยาลดความอ้วนเฟนเตอร์มีนติดต่อกันเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการทางจิตและประสาทได้ คล้ายกับคนเสพยาบ้า ดังนั้นจึงต้องใช้ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น ประชาชนไม่ควรหาซื้อมารับประทานเอง เพราะมีผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ การรักษาโรคอ้วนที่ดี ประหยัด และปลอดภัยที่สุด คือ การลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารอย่างถูกวิธี การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน