ทหารระดมกำลังกว่า 100 นายลุยบุกกระชับพื้นที่วัดพระธรรมกายเคลื่อนประชิดประตู 1 วางลวดหนามใกล้อาคารบุญรักษา แต่เจาะไม่เข้า ด้านพระ-ศิษยานุศิษย์กว่า 200 ฮือตั้งแผงสวดมนต์ต้านจนเผชิญหน้าตึงเครียดผลักกันไปมา สุดท้ายฝ่ายเจ้าหน้าที่ยอมถอยพร้อมรื้อลวดหนามออกและเคลื่อนกำลังกลับที่ตั้ง ตร.บุกคุมตัวพระ 6 รูป ฆราวาสอีก 22 คนนำไปสอบสวนที่บก.ตชด.ภาค 1 ก่อนจะปล่อยตัวออกมาแล้วห้ามเข้ามาในพื้นที่อีก ส่วนพระส่งกลับวัดต่างจังหวัด 3 รูป เพราะไม่ได้สังกัดวัดพระธรรมกาย เจ้าของตลาดกลางคลองหลวงแจ้งตำรวจ ขอให้ศิษย์ธัมมชโยที่ชุมนุมออกนอกพื้นที่ ด้านพระประกาศไม่ยอมจะอยู่จนกว่าจะยกเลิกมาตรา 44 คุมวัด ขณะที่บิ๊กป้อมย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่าจะสำเร็จ

พระธรรมกายที่อดอาหารเหลือ 5

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 23 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวบริเวณตลาดกลางภายในเต็นท์ มีป้ายข้อความวางไว้เป็นระยะ มีพ่อค้าแม่ค้า นำสิ่งของออกเตรียมจำหน่าย โดยมีประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยตักบาตรทำบุญพระสงฆ์ที่เริ่มออกบิณฑบาตแล้ว ขณะที่ฝั่งขวามือของตลาด ซึ่งเป็นจุดที่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 7 รูป ประกาศประท้วงอดอาหาร ขอให้รัฐบาลยกเลิกการบังคับใช้มาตรา 44 ควบคุมวัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ซึ่งจากการสังเกตพบพระสงฆ์ เหลือเพียง 5 รูปเท่านั้น เมื่อสอบถามบุคคลในพื้นที่ทราบว่า พระสงฆ์อีก 2 รูปติดกิจนิมนต์ และไม่ทราบรายละเอียด

เผยทหารพังประตู-วางลวดหนาม

ส่วนบริเวณด้านหน้าของตลาดกลาง ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร คอยดูแลความเรียบร้อยรอบๆ พื้นที่ ริมถนนทางเข้า ประตูที่ 5 และ 6 วัดพระธรรมกาย พบว่าเจ้าหน้าที่ได้นำแผงรั้วเหล็กมากั้นจุดทางเข้าออกเพิ่มเติมอีก 5-6 ชั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจภูธรภาค 1-2 เข้ามาสับเปลี่ยนกระจายกำลังทั้งด้านหน้าถนนในระยะประชิด

ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น.บริเวณแนวกั้นฝั่งวัดพระธรรมกาย พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ได้ออกมาแถลง 4 ประเด็น ประเด็นเเรก เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น.เจ้าหน้าที่ทหารได้พังประตูบริเวณอาคารบุญรักษา ซึ่งเป็นอาคารที่เจ้าหน้าที่เคยเข้าไปตรวจสอบแล้ว เมื่อพังเข้าไปทางเจ้าหน้าที่เองได้นำลวดหนามมาวางไว้เป็นแนวกั้น ทางพระที่ดูแลอาคารนั้นอยู่ได้เข้าไปยื้อยุดรั้วลวดหนามจนทำให้พระสงฆ์ได้รับบาดเจ็บหลายรูป

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงหยุดปฏิบัติหน้าที่และได้นำรั้วลวดหนามดังกล่าวออกไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่และพระที่ดูแลบริเวณนั้น ตอนนี้ก็มีชาวบ้านและลูกศิษย์วัดส่วนหนึ่งไปเสริมตรงจุดนั้นแล้ว สำหรับอาคารบุญรักษาเจ้าหน้าที่เคยเข้าตรวจโดยนำไปเต็มกำลังและขึ้นตรวจทั้งหมด 6 ชั้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็ได้นำสื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบซึ่งจะเห็นได้ว่าอาคารดังกล่าวยังสร้างไม่เสร็จมีแต่อาคารโล่งๆ อยู่ในขั้นตอนการตกแต่ง

โต้แทนพระทัตตชีโว-เปล่าขวาง

ประเด็นที่สองที่มีข่าวว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว ปฏิเสธไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่าหลวงพ่อไม่ได้ปฏิเสธ ทางวัดให้ความร่วมมือโดยส่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสและพระมหานพพร ซึ่งเป็นผู้ช่วยสำนักสื่อสารองค์กรเข้าไปประสานงานและเจรจาพูดคุยมาโดยตลอด แต่เมื่อนำข้อเสนอมาแจ้งให้กับทางลูกศิษย์ทราบ ทางลูกศิษย์ได้ขอว่ายังไม่สบายใจและรู้สึกกังวลที่จะให้เข้าค้นอีกครั้งหนึ่ง โดยลูกศิษย์ได้ให้เหตุผลหลายๆ ประการด้วยกัน ซึ่งลูกศิษย์ได้นำไปลงโซเชี่ยลไปบ้างแล้วหลักๆ ก็จะมีในช่วง 2-3 สัปดาห์ถูกดำเนินคดี 300 กว่าคดี หรือวัดนี้พวกเขาเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง พอมีข่าวว่าจะมาตัดน้ำตัดไฟก็เกิดความกังวลจึงมาอยู่กันอย่างต่อเนื่อง

ขอให้เลิกม.44 ควบคุมพื้นที่วัด

ประเด็นที่สี่กรณีที่มีข่าวว่าจะมีการตัดน้ำตัดไฟ ไม่ใช่แค่วัดที่เดือดร้อน แต่จะทำให้ ประชาชนเดือดร้อนไปด้วย และด้วยประเด็นเหล่านี้มันจึงทำให้รู้สึกว่าการที่บอกว่าจะมาประนีประนอมและสร้างความมั่นใจให้กับญาติโยม อีกทั้งจะเข้ามาตรวจสอบด้วยความเรียบร้อย ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังมาเสริมให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทำไมไม่ใช้แนวทางสันติปรองดอง ถ้าเจ้าหน้าที่ยกเลิก ม.44 แล้วถอนกำลังออก แล้วไม่ต้องประกาศว่าจะมาค้นวัด ญาติโยมก็จะไม่รู้ หากต้องการมาค้นเมื่อไหร่ก็ประสานมาแล้วก็ค้นได้เลยการที่ไปประกาศว่าจะมาค้นวัดกลับเป็นการเชื้อเชิญพระจากที่อื่นเข้ามาแทน ทางที่ดีที่สุดคือยกเลิก ม.44 แล้วหันมาใช้สันติวิธีพูดคุยกัน หากต้องการเข้าค้นทางวัดพร้อมจะให้เข้าตรวจค้นได้ตลอดเวลา

พระสนิทวงศ์ยังกล่าวด้วยว่า ช่วงเช้า มี เจ้าหน้าที่ทหาร เข้าตรวจค้นอาคารบุญรักษา โดยมีการพังประตูเข้าไป เกิดการปะทะเล็กน้อย ทำให้มีศิษยานุศิษย์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ทหาร-พระพร้อมศิษย์เผชิญหน้า

ต่อมาเวลา 08.00 น. มีกำลังทหารจำนวนกว่า 100 นาย เข้ารื้อประตูฝั่งทางเข้าอาคารบุญรักษา (ฝั่งหน้าโบสถ์) โดยบอกว่าเป็นคำสั่งดีเอสไอ ให้ทหาร ตำรวจ เข้าตรวจค้นรื้อประตูและเข้าพื้นที่เป้าหมายในวัดพระธรรมกาย เพื่อค้นหาตัวพระเทพญาณมหา มุนีหรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสพระธรรมกาย ทำให้พระสงฆ์และศิษย์กว่า 200 รูป/คน นำกำลังตั้งแถวหน้ากระดานเข้ามา เนื่องจากไม่พอใจที่ทางเจ้าหน้าที่ทหารนำรั้วลวดหนามเข้ามาปิดกั้นไม่ให้ใครเข้าและออกมาจากพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งยังจะเข้าค้นอาคารบุญรักษา ซึ่งเป็นสถานที่รักษาตัวของคนไข้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่และพระพร้อมศิษย์เกิดเผชิญหน้าผลักดันกันไปมาระหว่างฝ่ายของพระภิกษุสงฆ์และเจ้าหน้าที่ทหาร ที่เข้ามารื้อประตูกระทั่งออกมาถึงในบริเวณที่กำลังจะปลูกสร้างเป็นอาคารบุญรักษา ด้านข้างวัดธรรมกาย โดยพระสงฆ์ได้ร่วมกันสวดมนต์แล้วเดินหน้าไปเรื่อยๆ ทีละก้าวเพื่อผลักดันให้ทหารออกนอกพื้นที่กลับไปที่ตั้งตามเดิม ทำให้ทหารต้องยอมถอยหลังทีละก้าวและออกจากพื้นที่จุดดังกล่าวไปตามเดิม โดยไม่มีการปะทะอะไรรุนแรงหรือมีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ พระภิกษุสงฆ์และลูกศิษย์วัดพระธรรมกายยังได้นำท่อระบายน้ำขนาดใหญ่เข็นมาขวางทาง เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าผ่านไปด้านในได้อีก ซึ่งถึงขนาดนี้พระภิกษุสงฆ์พร้อมศิษยานุศิษย์ได้เดินหน้าเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารถอยหลังกลับไปในฐานที่ตั้งของตนเอง

ตร.คุมตัวพระ 6 รูป-22 ฆราวาส

เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารตัดกุญแจประตูทางเข้าบุกเข้าอาคารบุญรักษา ถนนเลียบคลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และใช้ขดลวดหีบเพลงกั้นทางเข้าไว้ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 1 กองร้อยได้เคลื่อนตัวเข้าไปในในบริเวณวัดพระธรรมกาย แต่ได้ถูกพระภิกษุสงฆ์และศิษยานุศิษย์ตั้งแถวขวางเอาไว้ไม่ให้ทหารเข้าไปได้พร้อมกันนี้พระภิกษุสงฆ์และลูกศิษย์วัดพระธรรมกายยังได้นำท่อระบายน้ำขนาดใหญ่เข็นมาขวางทางเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าผ่านไปด้านในได้อีกชั้นหนึ่ง

ทางด้านกลุ่มของศิษยานุศิษย์ และพระภิกษุสงฆ์ได้พร้อมใจการสวดมนต์และดัน เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปในอาคารบุญรักษาได้ จึงถอยร่นกลับออกไป พร้อมเก็บขดลวดหีบเพลงขึ้นรถกลับไปยังฐานที่ตั้ง ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ของวัดธรรมกายได้ปิดประตูรั้วทางเข้าอาคารบุญรักษาไว้เหมือนเดิม

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่บก.ตชด.ภ.1 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวพระภิกษุสงฆ์ 6 รูป และควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย 22 คน จากบริเวณที่อยู่ใกล้กับอาคารบุญรักษา ประตู 4 วัดพระธรรมกาย มาสอบปากคำ เนื่องจากต้องสงสัยและขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

ศิษย์ฮือไล่รถขยายเสียงเจ้าหน้าที่

ที่บริเวณกำแพงติดกับประตู 1 ถนนเลียบคลองสาม หมู่ที่ 7 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ได้มีพระและศิษย์ยานุศิษย์ ช่วยกันนำดินและท่อมาปิดกั้นถนนด้านในไว้ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปยังอาคารบุญรักษา โดยมีพระภิกษุสงฆ์และศิษยานุศิษย์ นั่งอยู่กันเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอถอนกำลังออกจากอาคารบุญรักษาแล้ว ส่วนบริเวณตลาดกลางคลองหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้นำรถขยายเสียงเข้าไปจอดใกล้กับศิษยา นุศิษย์ของวัดพระธรรมกายนั่งสวดมนต์อยู่ ทำให้บรรดาศิษยานุศิษย์ตกใจลุกฮือขึ้นป้ายออกมาประท้วงขับไล่ให้ออกไป นานกว่า 30 นาที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำรถขยายเสียงออกจากพื้นที่มาจอดบริเวณริมถนนหนองเสือ-บางขันแทน

ขอพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง

เมื่อเวลา 13.40 น. ที่บก.ตชด.ภ.1 พล.ต.ท. ชาญเทพ เสละเวช ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 5/2560 และทางเจ้าของตลาดได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่าได้รับความเดือดร้อน เบื้องต้นชุดปฏิบัติการพิเศษจะเน้นการเจรจาเพื่อขอคืนพื้นที่ก่อน หากพระภิกษุสงฆ์และมวลชนของวัดพระธรรมกายยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ดังกล่าว ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณาถึงขั้นตอนการดำเนินการขั้นต่อไป สำหรับกองกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนี้ ยังคงใช้เท่าเดิมคือ 18 กองร้อย ส่วนจะเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ต้องขอดูสถานการณ์

พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวถึงกรณีควบคุมตัวพระภิกษุสงฆ์ 6 รูป และบุคคลต้องสงสัยอีก 22 คน ที่บริเวณอาคารบุญรักษา ประตู 4 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น เบื้องต้นตนได้รับรายงานว่าพบวิทยุสื่อสารและอยู่ในพื้นที่ควบคุมพิเศษ จึงต้องควบคุมตัวมาสอบปากคำ

ปล่อยตัว 28 พระ-โยมธรรมกาย

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกลุ่มบุคคลที่นำมาสอบปากคำที่บก.ตชด.ภ.1 นั้น หลังพูดคุยทำความเข้าใจ เจ้าหน้าที่ได้จัดรถตู้ 7 คัน ส่งตัวออกนอกพื้นที่ โดยมวลชนรับปากว่าช่วงที่ดำเนินการตามมาตรา 44 เพื่อนำตัวพระธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็จะไม่กลับเข้ามาในพื้นที่ ส่วนพระ 6 รูป จากการตรวจสอบหนังสือสุทธิพบว่าเป็นพระของวัดพระธรรมกาย 3 รูป และพระจากต่างจังหวัด 3 รูป ซึ่งเจ้าหน้าที่จากสำนักพระพุทธศาสนา ได้มาร่วมพูดคุยและขอความร่วมมือให้หยุดกระทำการที่ส่อไปในทางขัดขวางการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการดำเนินคดีกับพระสงฆ์หรือบุคคลอื่นๆ เพราะไม่ใช่เป้าหมาย จากนั้น จึงนิมนต์พระ 3 รูปของวัดพระธรรมกายกลับวัด ส่วนอีก 3 รูปนิมนต์กลับไปจำวัดที่วัดต้นสังกัดที่จ.อุตรดิตถ์และกาญจนบุรี

นอภ.กล่อม-พระลั่นไม่คืน

เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ตลาดกลางคลองหลวง ฝั่งตรงข้ามีประตู 5 และประตู 6 ของวัดพระธรรมกาย นายศิริชัย ไตรสารศรี นายอำเภอคลองหลวง พร้อมปลัดจังหวัดปทุมธานี ในฐานะตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี และดีเอสไอ เข้าประชาสัมพันธ์ขอคืนพื้นที่ตลาดหลังเจ้าของตลาดเข้าแจ้งความว่าได้รับความเดือดร้อนจากการรวมตัวกันของพระสงฆ์ และลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย

นายศิริชัยกล่าวว่าเจ้าของตลาดได้เข้าแจ้งความที่สภ.คลองหลวงว่าไม่ประสงค์จะให้ใช้ตลาดแห่งนี้เป็นที่ชุมนุม จึงต้องมาขอความร่วมมือให้ผู้ชุมนุมย้ายไปชุมนุมในพื้นที่อื่น พร้อมกันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเข้ามาตรวจสุขภาพพระที่อดอาหาร โดยจะให้เวลา 2 วันในการเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามนำรถติดเครื่องขยายเสียงเข้ามาประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ แต่ถูกพระสงฆ์ 2 รูปและลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ยืนขวางหน้ารถ ไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ตลาด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เครื่องขยายเสียงประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ พร้อมอธิบายถึงเหตุผลในการขอคืนพื้นที่ ก่อนถอยรถออกไป โดยไม่ได้เข้าตรวจสุขภาพพระสงฆ์ที่อดอาหารแต่อย่างใด

จากนั้นพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่ระบุว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อพระธัมมชโย กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงว่า จะไม่ยอมคืนพื้นที่ตรงนี้โดยเด็ดขาดจนกว่ารัฐบาลจะยุติใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย และให้พระสงฆ์ พร้อมญาติโยมกลับเข้าไปยังวัดได้ตามปกติ

ทั้งนี้ ยังมีพระสงฆ์ที่นั่งอดอาหารประท้วงอยู่ 5 รูป จากเดิมที่มี 7 รูป มีพระสงฆ์ประมาณ 30 รูป พร้อมญาติโยม นั่งให้กำลังใจ และสวดมนต์อยู่ตลอดเวลา

ศิษย์ฮืออีกระดมเสบียงเข้าวัด

เมื่อเวลา 16.10 น. กลุ่มลูกศิษย์ธรรมกาย ภายใต้ชื่อกลุ่มอารยะ 072 พระภิกษุ สามเณร ถือป้ายพร้อมสวมเสื้อแสดงสัญลักษณ์คัดค้าน ม.44 มารวมตัวกันหน้าตลาดกลางคลองหลวง เพื่อรวมตัวก่อนเดินขบวนออกมาจากที่ตั้ง พร้อมนำข้าวสาร พืชผักผลไม้ อาหารแห้ง ของใช้ที่จำเป็น เพื่อเตรียมถวายให้พระสงฆ์ และมอบให้ประชาชนที่อยู่ภายในวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีลูกศิษย์วัดพระธรรมกายนำเสื้อสีขาว สกรีนตัวเลข 44 อยู่ในรูปมือลักษณะชู 5 นิ้ว ทั้งสีส้มและสีดำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย มาแจกจ่ายให้กับผู้ชุมนุม จากการสอบถามผู้ที่ได้รับเสื้อทราบว่า เสื้อดังกล่าวจะนัดหมายกันใส่แสดงพลังไม่เห็นด้วยกับมาตรา 44 เนื่องจากทำให้ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายไม่สามารถเข้าไปทำบุญ และถวายภัตตาหารภายในวัดได้เหมือนปกติ

จากนั้นเวลา 16.30 น. นายอัยย์ เพชรทอง ร่วมแถลงข่าวโดยเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย และอยากให้ดำเนินการกับวัดพระธรรมกายตามกฎหมายปกติอย่างยุติธรรม พร้อมกันนี้ขอแก้ข่าวว่ามีการนำสามเณรมาใช้เคลื่อนไหวนั้น ขอยืนยันว่าสามเณรทั้งหมดเป็นเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย ไม่ได้หลอกลวงให้มาเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่ว่ามีแกนนำเสื้อแดงเข้ามาร่วมชุมนุมกับวัดพระธรรมกายนั้น ยืนยันว่าการชุมนุมที่นี่มีทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง และนกหวีด ทุกคนมาชุมนุมเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาทั้งหมด

ตร.ขวางห้ามเข้า-ฝากตร.ไว้แทน

ด้านพระลูกศิษย์ธัมมชโยกล่าวว่า จะให้สามเณรออกบิณฑบาตรัฐบาลให้ยกเลิกการใช้ ม.44 และให้พระสงฆ์ สามเณร และญาติโยมสามารถกลับเข้าไปในวัดพระธรรมกายทันที ไม่ฉะนั้นจะยังปักหลักอยู่ในพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง ไม่ไปไหนอย่างแน่นอน

ต่อมาขบวนสามเณร พระสงฆ์ และประชาชนออกเดินรอดสะพานมายังประตู 5 โดยมีแนวเจ้าหน้าที่ตำรวจ วางกำลังขวางไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ ทำให้ตัวแทนของผู้ชุมนุม ต้องขอเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยพล.ต.ต.สมบัติ ยืนยันว่าไม่สามารถให้เข้าไปในพื้นที่ได้ ผู้ชุมนุมต้องไปเจรจากับดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่เพียงป้องกันพื้นที่เท่านั้น

พล.ต.ต.สมบัติกล่าวว่า การเอาของเข้าออกต้องเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ที่จะอนุญาต ตอนนี้ไม่สามารถให้เอาเข้าไปได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องป้องกัน ไม่ให้เข้าไปข้างในได้และต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งแถวของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากข้างในเป็นพื้นที่ควบคุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทั้งนี้การเจรจาใช้เวลากว่า 20 นาที และทั้งสองฝ่ายตกลงและคุยกันด้วยดี ก่อนที่กลุ่มลูกศิษย์และพระสงฆ์รวมถึงสามเณร กับทางเจ้าหน้าที่จะสั่งการให้ทางกลุ่มลูกศิษย์นั้นนำข้าวสารอาหารแห้งดังกล่าวฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ ก่อนจะให้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอพิจารณาว่าจะสามารถนำเข้าไปข้างในวัดพระธรรมกายได้หรือไม่

รองอธิบดีดีเอสไอรับปากส่งให้

ต่อมา พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดี ดีเอสไอเดินทางมาที่บริเวณดังกล่าว ก่อนพูดคุยเจรจากับกลุ่มพระสงฆ์และทางลูกศิษย์ที่เป็นผู้นำอาหารมาให้ กล่าวว่า ทั้งนี้ตนรับทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว และจะเป็นคนพิจารณาและรับผิดชอบอาหารทั้งหมดเองว่าเหมาะสมหรือไม่ หากเหมาะสมจะนำอาหารทั้งหมดไปส่งให้ที่ประตู 7 เพื่อดำเนินการส่งไปตรวจสอบก่อนที่จะแจ้งให้พระสงฆ์เดินทางมารับอาหารดังกล่าว อย่างไรก็ตามทั้งนี้ต้องขอให้นำข้าวของวางไว้บริเวณจุดดังกล่าวก่อน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ดูแล ข้าวของไม่ให้มีความเสียหาย

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากมีการเจรจาโดยใช้เวลากว่า 20 นาทีก่อนที่จะส่งเสียงสาธุ สาธุ และยินยอมข้อเสนอของทางพ.ต.ต.สุริยา และแยกย้ายกลับไปที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวงเพื่อร่วมสวนมนต์ต่อไป

ตร.ชี้ถ้าค้นไม่พบ-ก็ถอนกำลัง

เมื่อเวลา 18.20 น.ที่ บก.ตชด.ภ.1 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา สบ10 พร้อม พล.ต.ท.ชาญเทพ และและนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี แถลงสรุปผลการปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าวว่าประเด็นที่มีพระสงฆ์ไปนั่งอดอาหารนั้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานกับเจ้าคณะจังหวัดให้เข้ามาดูแล และเจ้าหน้าได้เพิ่มการควบคุมขึ้นไปอีกระดับ เนื่องมีข้อมูลว่าอาจมีการก่อเหตุวุ่นวายขึ้นในบริเวณใกล้เคียง จึงต้องเพิ่มกำลังในการรักษาความสงบเรียบร้อย

บิ๊กตู่ขอสื่ออย่าเสนอข่าวธัมมชโย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินคดีกับพระเทพญาณมหามุนีที่ขณะนี้ยังมีปัญหาบานปลายว่า ไม่อยากให้นำเสนอเรื่องความขัดแย้ง เรื่องวัดพระธรรมกายนั้น เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอจะต้องดำเนินการ ขอร้องว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเลย ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน ประชาชนและพระต้องให้ความร่วมมือ เพราะถือเป็นการทำงานภายใต้กฎหมาย ตนไม่ต้องการให้ใช้กฎหมู่มากดดันเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะทำงานยาก สุดท้ายจะเกิดการกระทบกระทั่งบาดเจ็บสูญเสีย ฉะนั้นใครที่กำลังเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขณะนี้อย่าลืมว่า หากมีลูกหลานของตัวเองอยู่ในสถานการณ์และพื้นที่นั้นจะรู้สึกอย่างไร ไม่ว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ พระ หรือประชาชน ที่เชื่อถือศรัทธา หากเกิดบาดเจ็บสูญเสียล้มตายลงไป จะทำอย่างไร ก็ต้องเสียใจ

“ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับคนที่กระทำความผิด หรือไม่ผิด ก็ต้องออกมาแสดงความบริสุทธิ์ให้ได้ แค่นั้นทุกเรื่องก็จะจบลง ไม่ต้องเสียเวลา พลังงาน หรืองบประมาณ ในส่วนของภาครัฐไม่ทำก็ไม่ได้ ผมจึงอยากขอร้องสื่อมวลชนให้ลดการเสนอข่าวในเรื่องนี้ลงไปบ้าง เพราะถ้าสามารถลดการเสนอลงไปได้ การสร้างแนวร่วม การสร้างมวลชนก็จะลดลง และผมเองก็เป็นคนที่รักชีวิตของคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร จะถูกหรือผิด เพราะเขาเป็นคนไทย และผมรักทุกคน เพียงแต่ต้องรักษากฎหมาย กฎกติกาของบ้านเมือง” นายกฯ กล่าว

บิ๊กป้อมย้ำจนท.ต้องทำต่อจนจบ

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่าถ้าตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังทำไม่ได้ ก็ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าไปได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลากี่วัน เป็นสัปดาห์หรือเป็นปี แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่ใช้ความรุนแรงและไม่ให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าฯ ดำเนินการร่วมกันทั้งหมด โดยไม่ใช้ความรุนแรง แต่จำเป็นต้องทำตามกฎหมาย

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดการยั่วยุ รองนายกฯ กล่าวว่า สื่อมวลชนควรช่วยนำเสนอ ไปบอกอีกฝ่ายว่าอย่ายั่วยุเจ้าหน้าที่หรือสร้างความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน ส่วนกฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย ถ้าไม่ใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็ทำงานต่อไปไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช้กฎหมายแล้วเจ้าหน้าที่ทำงานได้ ก็คงไม่ต้องเสนอให้นายกฯใช้กฎหมายพิเศษ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะไม่ทบทวนข้อเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 5/2560 เรื่องมาตรการควบคุมพื้นที่เพื่อการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังต้องใช้คำสั่งนี้ต่อไปเพราะเรื่องยังไม่จบ ยังหาตัวพระธัมมชโยไม่ได้ เมื่อถามถึงดีเอสไอออกคำสั่งให้พระธัมมชโย พร้อมพระในวัดพระธรรมกาย รวม 14 รูป รายงานตัว ตอนนี้ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการออกหมายจับแล้วหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่ทราบ คิดว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ทราบว่ามีคนมารายงานตัวบ้างแล้ว

มท.สั่งด่วนทุกจว.-จับตาม็อบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจค้นวัดได้อีกครั้ง ได้รายงานขอปรับเปลี่ยนแผนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “คุณอยากรู้แผนหรือ เจ้าหน้าที่ทำได้ คุณจะรู้ไปทำไม ผมขอถามหน่อย คุณจะไปจับเขาเหรอ แผนเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ชอบถามอยู่เรื่อยว่าเปลี่ยนแผนไหม เรื่องแผนไม่ใช่หน้าที่คุณ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ คุณต้องถามเรื่องความก้าวหน้าว่าทำสำเร็จไหม จะทำอย่างไรต่อไป คุณมาถามแผน แล้วใครจะเอาแผนมากางให้ดู”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าฯทุกจังหวัด ให้ตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่กลุ่มเป้าหมายบางจังหวัดที่พยายามเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่หวงห้ามตามคำสั่งมาตรา 44 จึงให้จังหวัดตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่งว่ากลุ่มเป้าหมายเข้ามาในพื้นที่หวงห้ามหรือไม่ หรือยังคงมีความพยายามที่จะกระทำผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนคำสั่งตามมาตรา 44 ก็ขอให้จังหวัดร่วมกับ กกล.รส.ดำเนินการตามมาตรการที่ได้สั่งการไปแล้วให้เข้มงวดมาก

ยึดที่ธรรมกายที่กระบี่อีก77ไร่

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 23 ก.พ. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินคดี หลังได้รับร้องเรียนว่ามีการบุกรุกถือครองป่าสงวนแห่งชาติคลองกาโหรดและป่าคลองหิน รวมทั้งพื้นที่ป่าชายเลน หมู่ที่ 6 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ โดยมิชอบ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปทำกินและไม่สามารถจอดเรือสำหรับทำประมงได้

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีการบุกรุกถือครองเขตป่าสงวนแห่งชาติคลองกาโหรดและป่าคลองหิน มีการสร้างอาคาร ลักษณะ 3 ชั้น เนื้อที่ 2-1-53 ไร่ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการบุกรุกถือครองป่าสงวนแห่งชาติคลองกาโหรดและป่าคลองหิน โดยการปลูกสวนปาล์ม เนื้อที่กว่า 77 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าสงวน 43 ไร่ ป่าชายเลนอีกกว่า 33 ไร่ จึงได้ตรวจยึดและดำเนินคดี

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ที่มาซื้อเกี่ยวข้องในลักษณะนอมินีของมูลนิธิวัดพระธรรมกาย ในการเข้ามาเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน เป็นลักษณะมือปืนรับจ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยากได้ตัวมากและได้พยายามติดตามตัวอยู่ เชื่อว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ตำรวจต้องการ และจากหลักฐานเชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่ และยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งการกระทำ ดังกล่าวเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่งตนกำชับทางพื้นที่เร่งดำเนินคดีต่อ

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ เวิลด์พีซมุกตะวัน 3 แห่ง ของเครือข่ายวัดพระธรรมกาย หลังพบก่อสร้างรุกที่ป่าสงวนแห่งชาตินั้น ล่าสุดวันเดียวกันนี้ศาลจังหวัดพังงาได้อนุมัติหมายจับพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เลขหมายที่ จ.17/2560 และ 19/2560 พร้อมกับนายเพชร์ แก่นทรัพย์ เลขหมายที่ จ.18/2560 และ จ.20/2560 นายหน้าที่มารับซื้อที่ดิน

ส่งเสบียง – พระและลูกศิษย์วัด พระธรรมกายถือข้าวปลาอาหารพยายามฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ เพื่อส่งเสบียงเข้าไปให้คนในวัด บริเวณประตู 5 แต่ถูกตำรวจขัดขวาง ก่อนเจรจาและฝากให้เจ้าหน้าที่ส่งเข้าไปแทน เมื่อวันที่ 23 ก.พ.

ยึดตลาด- ตร.เข้าเจรจาพระและลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่ถูกเจ้าหน้าที่ขวางไม่ให้เข้าวัดแล้วมาปักหลัก ภายในตลาดตรงข้ามประตู 5 วัดพระธรรมกาย หลังมีพ่อค้าแม่ค้า ร้องเรียนค้าขายไม่ได้ แต่การเจรจาไม่เป็นผล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน