สลดลุงแขวนคอประท้วง ม.44 ตายสยองต่อหน้าคนนับพัน หลังปีนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์สูงกว่า 30 ม. ข้างวัดพระธรรมกายเรียกร้องให้ยกเลิก ม.44 พระเกลี้ยกล่อมนานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล ปลิดชีพตัวเองในเวลา 3 ทุ่มตามที่ขีดเส้นตายไว้ “บิ๊กตู่” สั่งปลดผอ.สำนักพุทธฯ ให้ดีเอสไอคุมแทน ธรรมกายโวยดีเอสไอส่งคนป่วน ขับรถชนประตู-ทุบวงจรปิด ยันพระธัมมชโยไม่มีโทรศัพท์มือถือ ตำรวจภาค 1 จ่อจับแกนนำกลุ่มลูกศิษย์ที่เคลือนไหวในตลาดคลองหลวง ฮึ่มไล่ล่า 12 พระสงฆ์เบี้ยวรายงานตัว ชาวบ้านคลองหลวงเดินขบวนขอให้จนท. เปิดทางสัญจร

ตร.-ทหารยังคุมเข้ม

จากกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ประกาศใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฯ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ให้พื้นที่วัดและบริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่ควบคุม และให้อำนาจดีเอสไอดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ต่อเนื่องเป็นวันที่สิบ เพื่อติดตามจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 25 ก.พ. ความเคลื่อนไหวตลอดทั้งคืนจนถึงเช้านี้เหตุการณ์ยังปกติ ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ากระชับพื้นที่แต่อย่างใด มีเพียงการรักษาความปลอดภัยของ ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดรอบวัด และ รอบตลาดกลางคลองหลวงเข้มงวดมากขึ้น ไม่อนุญาตใครผ่านเข้าไปในพื้นที่ควบคุม ในยามวิกาลเด็ดขาด พร้อมประกาศประชา สัมพันธ์ให้ผู้ที่ยังอยู่ในวัดพระธรรมกายออกจากจุดชุมนุมตลอดเวลา

โวยดีเอสไอทุบกล้องวัด

เวลา 07.30 น. ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายกว่า 500 คนจัดกิจกรรมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งที่ตลาดกลางคลองหลวง นำอาหารแห้งและผลไม้ผักสดที่ได้ช่วยกันทำบุญนำไปให้พระภิกษุสงฆ์สามเณรและลูกศิษย์ที่อยู่ภายในวัด และนำไปให้พระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีพระภิกษุสงฆ์และสามเณรเข้ารับบาตรกว่า 100 รูป โดยทหารและตำรวจชุดควบคุมฝูงชนคอยอำนวยความสะดวกและช่วยยกของให้กับประชาชนที่นำสิ่งของมาทำบุญ นอกจากนั้นบรรดาลูกศิษย์ยังนัดตักบาตรยารักษาโรคในวันที่ 26 ก.พ. เวลา 10.00 น.

ต่อมาที่บริเวณประตู 5 พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีผู้ขับรถชนประตู 1 และมีกลุ่มคน แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทุบกล้องวงจรปิดของวัด 3 ตัว สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของวัด สร้างความก่อกวนขอเรียกร้องความรับผิดชอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเหตุการณ์ และอยากทราบถึงเจตนาของผู้ลงมือก่อเหตุ

ท้าจนท.โทร.หาธัมมชโย

พระสนิทวงศ์ยังกล่าวถึงกรณี กสทช.ระงับสัญญาณโทรศัพท์มือถือบริเวณโดยรอบวัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถใช้การได้ โดยศิษยานุศิษย์เครือข่ายวัดพระธรรมกายจากต่างประเทศจะเป็นผู้รวบรวมข่าวสารจากสื่อมวลชน และนำมาเผยแพร่ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของพระสนิทวงศ์ ทั้งนี้ เป็นการกระทำที่น่ากลัว และปิดหูปิดตาพระในวัด ทั้งนี้ ขอความเห็นใจเลิกตัดสัญญาณโทรศัพท์โดยด่วน

 

สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ที่มาวางขวางบริเวณประตู 15 นั้น พระสนิทวงศ์กล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือของลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย แต่ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเป็นผู้ใช้รถเครนยกมาวางปิดประตูไว้

ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ระบุว่า ตรวจพบว่ามีการโทรศัพท์ออกจากวัดบริเวณอาคารดาวดึงส์ ไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านพระรามเก้า ช่วงเวลา 04.00 น. วันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมคาดเดาว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของพระธัมมชโย ขอชี้แจงว่าหลวงพ่อไม่มีโทรศัพท์ส่วนตัว ที่ผ่านมาทางวัดไม่มีการติดต่อกับร.พ.ย่านพระรามเก้า นอกจากนี้ในวันที่ 18 ก.พ. เวลา 16.30 น. ดีเอสไอเข้าตรวจค้นอาคารดาวดึงส์ แต่ไม่พบว่ามีอะไรข้างในนั้น โดยหลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดซีลด้วยเทปชนิดพิเศษทุกวันนี้ยังคงอยู่ในลักษณะเดิม

“ทางวัดขอถามกลับว่าต้องการอะไร หรือต้องการให้สังคมมองว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เข้าตรวจค้น ทั้งที่ความจริงได้ตรวจค้นไปแล้วถึง 3 ครั้ง และการที่เจ้าหน้าที่ตัดสัญญาณแล้วให้ข่าวที่สับสนแบบนี้ ทางวัดตั้งคำถามว่าเหมือนเป็นการปิดกั้นข้อมูลเพื่อให้เกิดความสับสนหรือไม่ จึงขอความเมตตาให้เจ้าหน้าที่ช่วยชี้แจงด้วย หากคิดว่าเป็นเบอร์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เหตุใดเจ้าหน้าที่ไม่ลองโทรศัพท์ไปที่เบอร์นั้น จะได้รู้ความจริงกันไปเลย การที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นถึง 3 รอบ ถ้าในทางธรรมเรียกว่าตะติยัมปิ ซึ่งถือว่าสิ้นสุดแล้ว ในวันที่ 18 ก.พ.การตรวจค้นก็มีสื่อมวลชนเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย” พระสนิทวงศ์กล่าว

ภ.1 ฮึ่มจัดการศิษย์นอกวัด

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการพบสัญญาณหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของพระธัมมชโยว่า เป็นข้อมูลจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลว่าบุคคลใดเป็นผู้ครอบครองมือถือหมายเลขดังกล่าว เพราะไม่ได้หมายความว่าพระธัมมชโยจะเป็นผู้โทร. อาจจะมีลูกศิษย์คนสนิทใกล้ชิดครอบครองเพื่อสื่อสารแทน ดังนั้น เพื่อความชัดเจนดีเอสไอต้องตรวจสอบและเข้าตรวจค้นยังจุดที่ปรากฏสัญญาณ

“ข้อมูลบางอย่างดีเอสไอเปิดเผยไม่ได้ว่ากำลังดำเนินการอะไรบ้าง เพราะเจ้าหน้าที่กำลังทำงาน หาข้อมูลทุกด้าน และขอยืนยันว่าการเข้าตรวจค้นวัดไม่ได้ต้องการทำลายวัด แต่ต้องการพิสูจน์ความชัดเจนในการค้นหาตัวบุคคลเท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่นผมยืนยัน” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว

ที่บก.ตชด.ภาค 1 พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภาค 1 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ยังยืนยันว่าจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายในการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องมีการทบทวนแผนการปฏิบัติงาน เพราะพบว่าอุปสรรคสำคัญคือการนำพระและศิษย์เข้ามาเป็นด่านหน้า และให้ทุกหน่วยเฝ้าระวัง หลังพบว่ามีกลุ่ม พระสงฆ์หลายจังหวัดเคลื่อนไหวเรียกร้อง ยกเลิกม.44 ส่วนกลุ่มพระสงฆ์และศิษย์ที่รวมตัวอยู่ตลาดกลางคลองหลวง เจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีย้อนหลังแน่นอน ขณะนี้ให้ฝ่ายสืบสวนเข้าไปเก็บภาพข้อมูลต่างๆ ในกลุ่มผู้ชุมนุมแล้ว

ด้านพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า การเข้าค้นวัดพระธรรมกายในช่วงแรกนั้นวัดพระธรรมกายให้ตรวจค้นเฉพาะบางจุดที่ทางวัดยินยอมเท่านั้น เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นเหมือนการพาเข้าเยี่ยมชมภายในวัดเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจค้นอย่างที่ต้องการ เพราะวัดอ้างเหตุผลต่างๆ ในการไม่ให้เข้าค้นบางจุด ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปิดพื้นที่เพื่อเข้าตรวจค้นอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้หมดข้อสงสัย แต่ขณะนี้วัดพระธรรมกายยังไม่ยอมให้ค้นอีกต้องดำเนินการต่อไปโดยประเมินชั่วโมงต่อชั่วโมง

จ่อจับ”อัยย์ เพชรทอง”แกนนำ

ส่วน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภาค 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ได้ร้องขอกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการหรือมีแนวทางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปรับเปลี่ยนหรือเสริมกำลังพลเพิ่มเติมแต่อย่างใด ส่วนตัวมองว่าขณะนี้กำลังพลที่มีอยู่เพียงพอและสามารถรับกับสถานการณ์ได้สบาย และส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าจะมีการดีเดย์เข้าตรวจค้นวัดภายในวันที่ 27 ก.พ.นี้อีกครั้งหรือไม่ ส่วนการประเมินสถานการณ์ในวันนี้ยังไม่มีคนเข้ามาเพิ่มเติมจนผิดสังเกต ขณะเดียวกันยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการปลุกระดมให้มวลชนเข้ามาเพิ่มเติมในพื้นที่ด้วย เพราะการตัดสัญญาณโทรศัพท์อาจจะทำให้แกนนำหรือผู้นำกลุ่มมวลชนลูกศิษย์ ไม่สามารถติดต่อใคร

พล.ต.ต.สมบัติกล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวงซึ่งเป็นที่ปักหลักของพระและศิษย์วัดพระธรรมกายที่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ โดยมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มเข้าไปรวมอยู่ในพื้นที่ จึงให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปแฝงตัวสำรวจและเก็บข้อมูลเพื่อให้ดีเอสไอได้พิจารณา ขณะเดียวกันบริเวณดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลการเข้าออก บุคคลที่เข้ามาต้องทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมตาม ม.44

“ส่วนจะมีการจับกุมนายอัยย์ เพชรทอง ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย แกนนำหลักในพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง จะเก็บข้อมูลให้ดีเอสไอพิจารณาอีกครั้งว่ามีการยุยงระดมปลุกปั่นหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการเน้นเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ เพราะจุดประสงค์หลักของเจ้าหน้าที่คือการเข้าไปตรวจค้นวัด เพื่อนำพระธัมมชโยไปดำเนินคดีตามหมายจับเท่านั้น” พล.ต.ต.สมบัติกล่าว

ล่า 13 พระหนีรายงานตัว

ต่อมาเวลา 14.30 น. พ.ต.ต.วรณัน พร้อมนายมหิธร กลั่นนุรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ร่วมแถลงข่าวกรณีที่มีภาพรถทหารขับไปชนประตู 1 วัดพระธรรมกาย หลังจากดีเอสไอตรวจสอบข้อมูลแล้วขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยมีจุดสังเกตว่าหากเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติการจะแต่งเครื่องแบบบอกฝ่ายไปหรือไม่ ภาพที่เห็นปรากฏว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยนั้นหน่วยนี้ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกพระวัดพระธรรมกายมา รายงานตัวจำนวน 14 รูป ประกอบด้วย 1.พระธัมมชโย หรือพระเทพพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) 2.พระทัตตชีโว หรือเผด็จ ทตตชีโว 3.พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ 4.พระปลัดสุธรรม สุธัมโม หรือพระวิเทศ ภาวนาจารย์ 5.พระครูถวัลศักดิ์ ยติสโก

6.พระครูใบฎีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก 7.พระครูสังฆรักษ์อนุรักษ์ โสตถิโก หรือพระครูแอ 8.พระสนิทวงศ์ วุฑธวโส 9.พระมหานพพร ปุญญชโย 10.พระภาสุระ ทนตมโน (ใจวงศ์) 11.พระนภดล สิริวโส 12.พระมหาบุญชัย จารุทัตโต 13.พระครูสุวิทย์ สุวิชชาโก และ 14.พระแสนพล เทพเทพา โดยกำหนดให้มารายงานตัวที่บก.ตชด.ภาค 1 ในวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีเพียงพระมหานพพรมารายงานตัวเพียงรูปเดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังไร้วี่แวว

“เจ้าหน้าที่จึงนำหนังสือคำสั่งปิดประกาศที่วัดไปแล้ว ซึ่งต้องขอเรียนให้ทราบว่าไม่ว่าเหตุการณ์สงบแล้วบุคคลเหล่านี้จะถูกดำเนินคดี เพราะว่ามีการร้องทุกข์ตามคำสั่งที่ชัดเจนแล้ว” พ.ต.ต.วรณันกล่าว

ต่อมาช่วงเย็นพ.ต.ต.วรณันแถลงชี้แจงความคืบหน้าเพิ่มเติมว่า ตรวจสอบปริมาณพระและสามเณร ภายในวัดพระธรรมกายมีประมาณ 800 รูป มวลชนภายในวัดประมาณ 1,500 คน รวมแล้วภายในวัดมีประมาณ 2,300 คน ส่วนบริเวณตลาดกลางคลองหลวงมีพระสงฆ์ สามเณร และประชาชน ประมาณ 1,000 คน ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่มีประมาณ 3,000 นาย ส่วนความคืบหน้ากรณีที่มีหมายเรียกพระจำนวน 14 รูป ขณะนี้มีมารายงานตัวแล้วจำนวน 2 รูป คือ พระมหานพพร ปุญญชโย และพระแสนพล เทพเทพา แต่ว่ามารายงานตัวหลังพ้นเวลาแล้ว

สำหรับน้ำมันที่พบบริเวณหลังวัดพระธรรมกาย เจ้าหน้าที่ร่วมกับพลังงานจังหวัดนำรถมาขนถ่ายน้ำมัน 65,000 ลิตร ย้ายจากบริเวณดังกล่าวไปเก็บรักษา เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง พบว่าเข้าข่ายพ.ร.บ.ความผิดควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง

ม็อบชาวบ้านขอเปิดทางสัญจร

ต่อมาเวลา 15.30 น. บริเวณตลาดกลางคลองหลวง มีกลุ่มชาวบ้าน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง กว่า 100 คน ถือป้ายข้อความต่างๆ เดินลอดใต้อุโมงค์สะพานข้ามฝั่งไปยังถนนเลียบคลองแอล ประตู 5 และ 6 วัดพระธรรมกาย เพื่อเรียกร้องให้เปิดเส้นทางสัญจรเข้าออกเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ไม่สามารถเดินทางไปทำงานหรือส่งลูกหลานไปเรียนหนังสือได้ บางคนต้องนั่งรถอ้อมทุ่งนาออกทางหลังวัดพระธรรมกายทำให้ไปทำงานสาย เรื่องดังกล่าวพวกตนไม่เกี่ยวข้องกับทางวัด แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ไม่เปิดทางให้ ก่อนกลุ่มชาวบ้านจะเดินขบวน ต่อไปยังประตู 7 วัดพระธรรมกาย โดยมีการส่งประธานชุมชนเป็นตัวแทนเจรจา ซึ่งทาง ดีเอสไอรับว่าจะรับไว้พิจารณาก่อนแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีเหตุรุนแรง

ม.44 เด้งด่วนผอ.พศ.

วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 12/2560 ดังต่อไปนี้

1.ให้ นายพนม ศรศิลป์ พ้นจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ตรวจราชการหรือปฏิบัติหน้าที่อื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

2.ให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ้นจากตำแหน่ง และให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

3.ให้ข้าราชการผู้มีรายชื่อตามข้อ 1 และข้อ 2 พ้นจากตำแหน่งเดิมและไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายหลัง วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ ให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีพิจารณา

4.ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าว และให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง หรือพ้นจากตำแหน่งตามคำสั่งนี้ ตามมาตรา 24 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557

5.คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ไก่อูชี้แจงม.44

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงเรื่องการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ต่อวัดพระธรรมกายว่า ไม่ใช่เรื่องการเมืองหรือศาสนา แต่เป็นเรื่องของพระสงฆ์ที่กระทำความผิดเป็นอาชญากรแต่ไม่ยอมรับกฎหมาย และยังพยายามนำเรื่องของตนเองไปผูกโยงกับศาสนา เพื่อสร้างกระแสปลุกระดมมวลชนให้ออกมาปกป้องตนเองและกดดันเจ้าหน้าที่ไม่ให้สามารถเข้าจับกุมตัวในวัดได้ จึงต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างเรื่องศาสนากับการกระทำผิดกฎหมาย

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลของทางการยังพบด้วยว่า มีการเกณฑ์พระสงฆ์จากต่างจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเป็นกำลังเสริมเพื่อต่อต้านเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างดีที่สุด ตั้งแต่การเจรจาและขอเข้าตรวจค้นตามคำสั่งศาล แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือหนำซ้ำยังถูกขัดขวางทุกวิถีทางจนสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง จึงมีความจำเป็นต้อง ใช้กฎหมายพิเศษเข้าควบคุมพื้นที่ เพื่อให้ เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างราบรื่นและป้องกันผล กระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจยังคงใช้กฎหมายปกติเข้าตรวจค้น โดยมีทหารเป็น ผู้รักษาความเรียบร้อยอยู่ภายนอกเท่านั้น

วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ว่า กรณีมีข่าวว่าผู้นำองค์กรพุทธและเครือข่ายผู้นำองค์กรพุทธในประเทศต่างๆ ซึ่งร่วมประชุมสมาคมชาวยุวพุทธศาสนิกชนทั่วโลกที่ประเทศเกาหลีใต้ เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกมาตรา 44 ต่อวัดพระธรรมกาย รวมถึงงดการควบคุมสื่อและให้ปฏิบัติต่อพระภิกษุด้วยความเคารพนั้น สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ตรวจสอบแล้วทราบว่า สมาคมชาวยุวพุทธศาสนิกชนทั่วโลกมาร่วมประชุมที่วัดฮงปอบ จ.ปูซาน แต่ไม่พบว่าหยิบยกเรื่องวัดพระธรรมกายมาพูดในที่ประชุม

ส่วนที่มีองค์กรพุทธและเครือข่ายชาวพุทธในต่างประเทศ ยื่นหนังสือแสดงความห่วงกังวลและเรียกร้องในกรณีเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศสั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศ ชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

สลดลุงฆ่าตัวประท้วง ม.44

ต่อมาเวลา 18.00 น. เกิดเหตุชายอายุประมาณ 60 ปี ปีนขึ้นไปบนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ความสูงประมาณ 30 เมตร ภายในชุมสายโทรศัพท์คลองหลวง ซึ่งอยู่ด้านหลังตลาดกลางคลองหลวง โดยชายคนดังกล่าวได้เขียนข้อความลงกระดาษขนาดใหญ่ 3 แผ่น ข้อความว่า “ขอความเมตตากรุณายกเลิกมาตรา 44 หากทำไม่ได้ภายในเวลา 21.00 น. เก็บศพได้เลย” “พระเณรคนแก่ ถูกข่มเหง รังแก กลั่นแกล้ง ด้วยวิธีต่างๆ นาๆ สังคมปัจจุบันคนดีอยู่ยาก” “ภายใต้ดวงนี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ยังไม่สงบไป ช่วยชาติหน่อยครับ ทำเพื่อชาติ” สร้างความหวาดเสียวและตื่นตระหนกให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์

ทหาร พระสงฆ์ และหน่วยกู้ชีพพยายามใช้โทรโข่งเจรจาเกลี้ยกล่อม แต่ชายคนดังกล่าวไม่มีทีท่าว่าจะยอมเจรจา กระทั่งเวลา 21.00 น. ตามที่ประกาศไว้ ชายคนดังกล่าวโรยเชือก ลงมาจากจุดที่นั่งด้านบนประมาณ 5 เมตร ท่ามกลางเสียงของชาวบ้านที่ตะโกนให้ เปลี่ยนใจลงมาด้านล่าง จากนั้นชายดังกล่าวเริ่มไต่ลงจากยอดเสา ท่ามกลางความโล่งใจของ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่คิดว่าเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ

แต่เมื่อไต่มาถึงปลายเชือก กลับใช้เชือกแขวนคอก่อนทิ้งตัวกระโดดลงจากเสาจนห้อยคาอยู่ ท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพยายามรีบปีนขึ้นไปช่วยเหลือแต่ชายคนดังกล่าวสิ้นใจไปแล้ว

หลังเกิดเหตุสลด พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย แจ้งกับสื่อมวลชนว่า ชายคนดังกล่าวไม่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย แต่เป็นความคิดส่วนตัว เนื่องจากวัดไม่สนับสนุนวิธีการ ดังกล่าว

ต่อมาเวลา 22.22 น. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยถึงกรณีที่ชายสูงอายุผูกคอตายหลังเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งตามมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายไม่สำเร็จ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย โดยนายกฯกล่าวว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดเช่นนี้ โดย เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการเจรจาและเตรียมการช่วยเหลือ แต่ไม่อาจป้องกันได้เพราะเกิดเหตุสุดวิสัย

อยากให้สติแก่สังคม โดยเฉพาะผู้ที่สนับสนุนวัดพระธรรมกายทั้งพระสงฆ์และศิษยานุศิษย์ว่า ไม่ควรปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และไม่ควรใช้ศรัทธาความเชื่อมั่นของผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือปกป้องผู้กระทำผิดเพียงไม่กี่คน แต่ท้ายที่สุดกลับออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกศิษย์ของตน รวมทั้งขอเรียกร้องว่า ไม่ควรกล่าวโทษคำสั่งตามมาตรา 44 ว่าเป็นสาเหตุ เพราะที่ผ่านมาผู้กระทำผิดไม่ยอมรับกฎหมาย แต่กลับแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่นและใช้กฎหมู่หลบหนีความผิด ส่วนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองนั้นจำเป็นต้องทำตามกฎหมาย หากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน