ธรรมกายปัดรู้เห็นลุงผูกคอตายต้าน ม.44 ชี้ไม่ใช่วิธีของวัด แต่ขอสรรเสริญใจที่ยึดมั่นความยุติธรรม แสดงความเสียใจครอบครัว ลูกเมียให้ปากคำตร. เผยเป็นพ่อค้าผลไม้อยู่แถววัดพระธรรมกาย เป็นคนเครียดๆ-ต้องกินยามาหลายปี เคยทำบุญกับธรรมกายเมื่อ 10 กว่าปีก่อน นับถือหลวงพ่อสด-วัดปากน้ำ ก่อนญาติร่ำไห้รับศพตั้งสวดวัดเขียนเขต ตร.ยังไม่ฟันธงลุงผูกคอเป็นศิษย์ธรรมกาย ดีเอสไอสั่งป้องกัน-หวั่นเลียนแบบ พระทั่วประเทศ 300 รูปขอบิณฑบาต ม.44 บิ๊กตู่ยันต้องใช้ ม.44 เหตุกม.ปกติไร้ผล โพลหนุนเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากวัด

ศิษย์ทอดผ้าป่ายาส่งเข้าวัด

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. สำหรับสถานการณ์ปิดล้อมตรวจค้นวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ต่อเนื่องเป็นวันที่ 11 เพื่อติดตามจับกุมพระธัมมชโย โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ยังคงตั้งด่านตรวจค้นถนนทุกเส้นรอบวัด เพื่อป้องกันมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ โดยเฉพาะบริเวณตลาดกลางคลองหลวง ตรงข้ามประตู 5 ที่มีพระและลูกศิษย์ที่ถูก เจ้าหน้าที่ห้ามเข้าวัดมาปักหลักอยู่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

ต่อมาในช่วงเช้า ลูกศิษย์และชาวบ้านได้ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์วัดพระธรรมกาย เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายอนวัช ธนเจริญณัฐ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/724 ซ.นิมิตรใหม่ 40 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กทม. หลังปีนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ใกล้วัด เพื่อคัดค้านให้เลิกประกาศใช้ ม.44 ก่อนผูกคอเสียชีวิตบนเสาเมื่อคืนวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมประกาศยกย่องและสดุดีนายอนวัชด้วย

จากนั้นเวลา 10.00 น. ลูกศิษย์และชาวบ้านร่วมพิธีทอดผ้าป่าถวายสังฆทานยารักษาโรค เพื่อส่งเข้าไปช่วยคนไข้ที่ล้มป่วยอยู่ในวัดพระธรรมกาย โดยมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด พร้อมใช้เครื่องตรวจโลหะมาตรวจประชาชนที่ผ่านเข้าออก ต่อมาลูกศิษย์ร่วมกันยืนต่อแถว 2 ฝั่ง เพื่อส่งมอบลำเลียงยารักษาโรคมายังจุดพักยา บริเวณข้างประตู 5 เพื่อรอส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำส่งให้พระสงฆ์และกลุ่มลูกศิษย์ที่อยู่ภายในวัดพระธรรมกายอีกทอดหนึ่ง

พระ 300 รูปขอบิณฑบาตม.44

ต่อมาเวลา 11.30 น. ดร.สมิทธิรักษ์ จันทร์รักษ์ ตัวแทนเครือข่ายศาสนิกชนเพื่อสันติภาพ นำเครือข่ายกว่า 20 ราย ออกแถลงการณ์เรียกร้องขอให้รัฐบาลยกเลิกมาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย โดยแถลงว่า ตามที่รัฐบาล คสช.ประกาศใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกายเป็นเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษ ทำให้เกิดปัญหาการกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับพระสงฆ์และญาติโยม นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างพุทธศาสนิกชนทั้งฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล ฝ่ายต่อต้านวัดพระธรรมกาย และฝ่ายสนับสนุนวัด จึงออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลยกเลิกการใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย โดยให้ดำเนินคดีกับพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายตามกระบวนการยุติธรรม และใช้กระบวนการเจรจาสันติวิธี เพื่อลดความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับพระสงฆ์และญาติโยม นอกจากนี้ขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคมดำเนินการตามกฎของสงฆ์และพระธรรมวินัยกับวัดพระธรรมกายตามข้อกล่าวหาและข้อสงสัย เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างพุทธศาสนิกชน

ส่วนบริเวณประตู 7 วัดพระธรรมกาย มีพระสงฆ์และสามเณรจากทั่วประเทศประมาณ 300 รูป รวมตัวเดินทางเข้ามาเพื่อแสดงจุดยืน โดยมีพระตัวแทนจากทางวัดพระธรรมกายมาต้อนรับ พร้อมแสดงจุดยืนว่าหลังเกิดเหตุลุงผูกคอตัวเองจนเสียชีวิต เพื่อต่อต้านการประกาศใช้ ม.44 ในเรื่องนี้รัฐบาลควรหันมามองและให้ความสำคัญ จึงขอบิณฑบาตการประกาศใช้ ม.44 และหาทางออกโดยสันติวิธี

จากนั้นคณะสงฆ์ได้นั่งสวดมนต์ จนฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องลงไปนั่งกับพื้นด้วยเช่นกัน ก่อนพระสงฆ์จะขอฉันทามติ โดยยืนยันจะอยู่ตรงนี้จนกว่าจะได้เข้าไปภายในวัด ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนระอุ จนกระทั่งทหารได้นิมนต์พระทั้งหมดไปฉันเพล

ธรรมกายปัดรู้เห็นลุงผูกคอ

ขณะที่พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย แถลงว่า แสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตของนายอนวัช ยืนยันวัดไม่มีส่วนรู้เห็นและไม่ใช่วิธีการของวัดพระธรรมกายแน่นอน ซึ่งก่อนเกิดเหตุพระสงฆ์ของวัดได้พยายามเกลี้ยกล่อมนายอนวัช แต่ก็ไม่เป็นผล จากนี้วัดขอสรรเสริญจิตใจที่เด็ดเดี่ยว ยึดมั่นในความถูกต้อง ความยุติธรรม ทนไม่ได้เมื่อเห็นพระพุทธศาสนาถูกย่ำยี

“ส่วนกรณีที่ดีเอสไอบอกว่าการดำเนินเข้าตรวจค้นวัด 2 วันแรกคล้ายกับไปทัวร์นั้น วัดยืนยันว่าให้ความสำคัญและจริงจังในทุกขั้นตอน และเมื่อดูงบประมาณที่เจ้าหน้าที่ใช้ไปตลอด 10 วันที่ผ่านมา ร่วม 50 ล้านบาท จึงทำให้ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ไม่จริงใจในการแก้ปัญหา รวมถึงดีเอสไอกล่าวอ้างมาตลอดว่าห่วงมือที่สามจะเข้ามาสร้างสถาน การณ์นั้น ขณะนี้ญาติโยมและลูกศิษย์กลับรู้สึกกลัวเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมากกว่า สุดท้ายฝากบอกไปยังนายกฯ ที่กล่าวว่า หากพระธัมมชโยเข้ามอบตัวจะเข้ามาบริหารจัดการวัดพร้อมยกเลิกมาตรา 44 โดยในส่วนตรงนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ดีกว่า นายกฯ ควรมีหน้าที่บริหารประเทศ” พระสนิทวงศ์กล่าว

ลูกเมียรุดให้ปากคำตร.

ที่ สภ.คลองหลวง นางนวพร ธนเจริญณัฐ ภรรยาของลุงอนวัช พร้อมนายรัฐณัณท์ ธนเจริญณัฐ ลูกชาย เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ ซึ่งนางนวพรให้ข้อมูลว่า นายอนวัชออกจากบ้านเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 25 ก.พ. มาพร้อมกระเป๋าเป้สีดำ 1 ใบ โดยใช้รถกระบะโตโยต้า สีเทา มีหลังคาแครี่บอย ทะเบียน ฒณ 157 กทม. ตอนนั้นไม่ทราบว่าไปไหน ปกตินายอนวัชมักอยู่ด้วยกันที่หมู่บ้านเคซี นิมิตรใหม่ ตามที่อยู่ตามบัตรประชาชน ประกอบอาชีพค้าขายผลไม้แห้ง โดยจะขับรถมารับผลไม้ที่ตลาดไทไปแพ็กขายอยู่เป็นประจำ แต่ก็มีปัญหาหนี้สินหลายแสนบาท

นางนวพรกล่าวอีกว่า ปกตินายอนวัชจะเป็นคนเครียดๆ และกินยาคลายเครียดของร.พ.นวมินทร์มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยนายอนวัชเคยมาทำบุญที่วัดพระธรรมกายเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว และเคยบวชเณรที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ เนื่องจากเคารพนับถือหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ อีกทั้งยังชอบอ่านหนังสือ พิมพ์และดูข่าวทีวี ไม่เคยไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ส่วนสาเหตุการฆ่าตัวตายนั้นภรรยาและบุตรชายยังไม่ทราบมูลเหตุที่แน่ชัด และก่อนหน้านี้ไม่มีสิ่งบอกเหตุมาก่อน

ร่ำไห้รับศพลุงผูกคอ

ที่สถาบันนิติเวชวิทยา ร.พ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่ได้ส่งศพนายอนวัชมาชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยมีพระอาจารย์อิสรภาพ อาจารสัมปันโน ตัวแทนองค์กรพลังชาวพุทธ เครือข่ายวัดพระธรรมกาย เดินทางมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ โดยมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาตรวจสอบความเรียบร้อย ซึ่งพ.ต.ต.หญิงพรรณทิพย์ เต็มเจริญ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอ กล่าวว่า ได้รับคำสั่งจากพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ให้เดินทางมาดูสถานการณ์เท่านั้น เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย พร้อมคอยมาอำนวยความสะดวกให้ญาติของนายอนวัชอีกทางหนึ่ง

ต่อมาพล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.สถาบันนิติเวชฯ ร.พ.ตำรวจ เผยว่า ได้รับศพตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ส่วนการผ่าชันสูตรศพทางแพทย์ได้เก็บตัวอย่างของเหลวภายในร่างกาย เพื่อนำไปตรวจหาสารเสพติดหรือยาที่ใช้ว่ามีสารชนิดใด ทำให้ก่อเหตุดังกล่าวหรือไม่ คาดใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงจะทราบผล ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการขาดอากาศหายใจ

จากนั้นเวลา 13.00 น. นายรัฐณัณท์ ธนเจริญณัฐ อายุ 31 ปี ลูกชายนายอนวัช พร้อมภรรยา ร่ำไห้เดินทางมาติดต่อรับศพด้วยความเศร้าโศก โดยพ.ต.ต.หญิงพรรณทิพย์ได้พูดคุยสอบถามข้อมูล ก่อนยื่นเอกสารขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดเขียนเขต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

ดีเอสไอ-จนท.ร่วมงานศพ

ที่วัดเขียนเขต ญาตินำศพนายอนวัชมาทำพิธีรดน้ำศพ โดยมีนายองอาจ ธรรมนิทา อดีตโฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายเข้าร่วมด้วย ส่วนการสวดพระอภิธรรมนั้น ญาติกำหนดไว้ 3 คืน และฌาปนกิจศพในวันที่ 1 มี.ค. เวลา 14.00 น.

ถัดมาในช่วงค่ำ ญาติพี่น้องและข้าราชการในอ.ธัญบุรี เดินทางมาร่วมฟังสวดพระอภิธรรม โดยพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ มอบหมายให้พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ มาร่วมงานด้วย เช่นเดียวกับเครือข่ายชาวพุทธและศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลกได้ส่งพวงหรีดมาแสดงความอาลัย

จากการพูดคุยกับญาติของนายอนวัชต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของการก่อเหตุ ปกติผู้ตายเป็นคนใจบุญ ร่าเริงและชอบทำบุญ แต่ก็ไม่เคยเห็นผู้ตายแสดงอาการใดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเคยเข้าไปทำบุญที่วัดพระธรรมกายไม่กี่ครั้ง แต่ทราบว่าผู้ตายเคยบวชเรียนที่วัดปากน้ำภาษีเจริญมาก่อน

เผยลุงเป็นพ่อค้าผลไม้แถววัด

ที่บก.ตชด.ภ.1 จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงเหตุลุงปีนเสาและผูกคอ เพื่อต่อต้าน ม.44 ว่า กรณีดังกล่าวเป็นการตายแบบผิดธรรมชาติ เพราะฉะนั้นพนักงานสอบสวนต้องร่วมกับแพทย์ชันสูตรพลิกศพ พร้อมสอบปากคำภรรยาและลูก เบื้องต้นทราบว่านายอนวัช ธนเจริญณัฐ เป็นพ่อค้าขายผลไม้อยู่บริเวณวัดพระธรรมกาย ส่วนจะเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ ขณะที่สถานการณ์โดยรอบวัดเจ้าหน้าที่ต่างเฝ้าระวังมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ จึงต้องเสริมกำลังมาดูแลอย่างเข้มงวด

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวอีกว่า ขณะที่การเผยแพร่คำสั่งระดมกำลังตำรวจและเตรียมอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่ 27 ก.พ. ถือเป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับการเตรียมอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนทั่วไปทั้งโล่และกระบอง แต่ไม่มีอาวุธ โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการจากเบาไปหาหนัก โดยตอนนี้ตรึงกำลังรอบวัดวันละ 3,000 กว่านายและ สับเปลี่ยนกำลังตามความเหมาะสม

ด้านพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายอนวัช จึงขอเป็นตัวแทนร่วมแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่สบายใจ และไม่อยากให้เหตุเช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยอธิบดีดีเอสไอกำชับให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล ส่วนแนวทางป้องกันนั้นเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่และประชาชนต้องช่วยกันดูแล ไม่ให้ใครก่อเหตุลักษณะนี้ซ้ำอีก

จ่อหมายเรียกอีก 40 คน

ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักดิ์สกุล โฆษกดีเอสไอ แถลงว่า ตอนนี้ เจ้าหน้าที่พยายามคัดกรองพระสงฆ์ที่จะเข้าวัดพระธรรมกาย รวมถึงพระที่อยู่บริเวณตลาดกลางคลองหลวงกว่า 200 รูป ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯและเจ้าคณะจังหวัดจะช่วยคัดกรองอีกส่วน พร้อมประกาศห้ามพระสงฆ์เข้าร่วมชุมนุมด้วย ขณะที่กลุ่มขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่นั้น ตอนนี้เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องอยู่ในข่ายถูกออกหมายเรียกและดำเนินคดีกว่า 30-40 คน ซึ่งกลุ่มดังกล่าวอาจเคยมีประวัติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยพบเข้ามาในจ.ปทุมธานี

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนเหตุการณ์นายอนวัชผูกคอเสียชีวิตนั้น เจ้าหน้าที่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำขึ้นอีก อธิบดีดีเอสไอได้แสดงความเสียใจและส่งเจ้าหน้าที่ ไปอำนวยความสะดวกให้ญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งครอบครัวก็ยังไม่รู้ถึงสาเหตุ

บิ๊กตู่ย้ำใช้ม.44เหตุกม.ปกติไร้ผล

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช ชี้แจงถึงการใช้ม.44 กับวัดพระธรรมกายว่า ที่ผ่านมากฎหมายปกติใช้ไม่ได้ รัฐบาลจึงตัดสินใจใช้ม.44 ซึ่งหลายคนอาจมองว่าไม่ได้ผล แสดงว่าคสช.ไม่ได้รับการเชื่อถือหรือเอาไม่อยู่ แต่ความจริงแล้วคสช.ต้องการให้สังคมได้เห็นว่านี่คือปัญหาร่วมกันของคนทั้งประเทศ ที่ใช้กฎหมายอะไรก็ยุติคนไม่ดีไม่ได้ แล้ววันข้างหน้าเมื่อไม่มีม.44 ไม่มีคสช.จะอยู่กันอย่างไร ทุกคนจะยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอีกหรือไม่ การใช้กฏหมู่ ไม่เคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ที่คสช.ใช้เพราะต้องการให้ทุกคนคิดพิจารณาว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด จะช่วยกันทำให้ประเทศมีความปลอดภัยอย่างไร จะได้ไม่ต้องมาหวังให้ทหารมาแก้ปัญหาที่ทุกคนไม่ช่วยกันแก้ โดยผลักภาระแล้วก็เล่นงานเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายแล้วต้องคดีเหมือนเช่นเหตุการณ์เมื่อปี 2553 นี่เป็นชะตากรรมที่คนไทยทุกคนต้องเลือกเอง ไม่มีใครช่วยได้ และต้องการบอกกับประชาชนทั้งประเทศให้ช่วยกันคิด ไม่ใช่เฉพาะกรณีธรรมกาย

อดีตผอ.พศ.แจงโดนม.44

ขณะที่นายพนม ศรศิลป์ ผู้ตรวจราชการพิเศษประจําสํานักนายกฯ และอดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวถึงกรณีโดนคำสั่งตามมาตรา 44 ว่า ไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะโดนคำสั่งดังกล่าว ขณะที่มีคำสั่งออกมากำลังประชุมอยู่กับสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่วัดพิชยญาติการาม เพื่อหาทางดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกายให้สถานการณ์คลี่คลาย เมื่อมีคำสั่งออกมาแล้วจะทำอย่างไรได้ เมื่อมีคนอยากมาก็ต้องให้มา เราทำอะไรไม่ได้ ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการทำงานของ พศ.นั้นเป็นการทำงานสนองงานคณะสงฆ์ จะไปทำอะไรเกินหน้าพระคงเป็นเรื่องไม่สมควร

เมื่อถามถึงการประชุมกับสมเด็จพระพุทธชินวงศ์มีแนวทางอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายพนมกล่าวว่า การประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ยังไม่ทันจะลงในรายละเอียด และขณะนี้ตนคงตอบอะไรมากไม่ได้ เพราะหมดหน้าที่แล้ว

มีรายงานด้วยว่า คำสั่งตามมาตรา 44 ออกมาในขณะนายพนมกำลังประชุมหาแนวทางดำเนินการกรณีวัดพระธรรมกาย กับสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ที่วัดพิชยญาติการาม และเมื่อที่ประชุมทราบข่าว ทำให้การประชุมต้องยุติลงในทันที

อ๋อยชี้ใช้ม.44เสี่ยงขยายแตกแยก

วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ต่างทางความคิดความเชื่อและศรัทธา ซึ่งจะจัดการโดยหักหาญด้วยกำลังไม่ได้ ปฏิบัติการที่ใช้มาตรา 44 และกำลังทหารที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นยุทธการเสี่ยงต่อการสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตที่จะเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่งอยู่แล้ว หาก คสช.เข้าไปจัดการกับวัดพระธรรมกายจนเลยเถิดไป อย่างที่มีคนเชียร์ให้ทำหรือที่มีคนห่วงใย ย่อมจะทำให้เกิดเป็นความบาดหมางขัดแย้งทางสังคมครั้งใหญ่ที่จะยากต่อการเยียวยาในอนาคต

อย่าลืมว่าเมื่อมีการจัดการมากกว่าการจับผู้ต้องหาตามปกติทั่วไปจะกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งจากความแตกต่างทางความคิดความเชื่อและศรัทธา ซึ่งจะจัดการโดยหักหาญด้วยกำลังไม่ได้ ความไม่ไว้ใจหรือความหวาดระแวงที่ศาสนิกหรือผู้นับถือศาสนาทั้งหลายจะมีต่อรัฐ จะไม่จำกัดวงอยู่แต่เพียงศาสนาพุทธเท่านั้น แต่จะขยายไปยังศาสนาอื่นได้อีก ในระยะยาวจะส่งผล กระทบอย่างรุนแรงและลึกซึ้งต่อเศรษฐกิจและสังคมของไทยซึ่งก็อ่อนแอและเปราะบางอยู่แล้ว

โพลหนุนจนท.ถอนกำลัง

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล เผยข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ถึงข่าวที่น่าสนใจ โดยข่าววัดพระธรรมกายมีมากถึงร้อยละ 87.50 เมื่อถามถึงเรื่องความคาดหวังว่าจะจบลงอย่างไร อันดับ 1 ร้อยละ 75.64 ระบุเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกจากพื้นที่วัด ปัญหาคลี่คลาย อันดับ 2 ร้อยละ 71.79 ดำเนินคดีตามกฎหมายว่าไปตามข้อเท็จจริง อันดับ 3 ร้อยละ 64.74 ยืดเยื้อ ต้องใช้เวลาสักระยะ

ส่วนสิ่งที่อยากฝากบอกผู้ที่เกี่ยวข้อง อันดับ 1 ร้อยละ 81.41 ขอให้ทุกฝ่ายมีสติ ใจเย็น ไม่วู่วาม ไม่ใช้ความรุนแรง อันดับ 2 ร้อยละ 80.13 มีวิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสาร อันดับ 3 ร้อยละ 66.03 ขอให้ทุกคนช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน