ธรรมกายแฉใช้งบค้นวัดไปแล้ว 60 ล้านบาท ดีเอสไอบอกไม่รู้-ไม่มีข้อมูล องค์กรผู้นำพุทธโลกจี้บิ๊กตู่เลิกใช้ม.44 ให้หยุดปิดล้อมธรรมกาย-หยุดละเมิดสิทธิ์ ส่งหนังสือกราบทูลพระสังฆราชด้วย ด้านศิษย์ธรรมกายยุโรปร้องยูเอ็น บี้เลิกม.44 ด้วย รองโฆษก ดีเอสไอโต้วัดขาดอาหาร แต่ยอมรับไม่เพียงพอ พร้อมนิมนต์พระ 12 รูปตรวจใบสุทธิ-แต่พบถูกต้อง ผบ.ตร.แฉมีกลุ่มคนที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้านปลุกระดม ไม่หวั่นปฏิบัติการยืดเยื้อ ผบช.ภ.1 รับมวลชนในวัดเริ่มลดลงแล้ว ชี้ตัดมือถือ-เน็ตได้ผล สัปดาห์นี้เห็นผลลุยค้นวัด สุวพันธุ์เดินหน้าต่อ-ปรับแผนอีกรอบ ยังไม่คิด เปลี่ยนอธิบดีดีเอสไอ

จับพล.ต.ต.พกเสื้อเกราะ-มีด

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. สำหรับสถานการณ์ ปิดล้อมตรวจค้นวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ต่อเนื่องเป็นวันที่ 12 เพื่อติดตามจับกุมพระธัมมชโย โดยช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทหารนำกำลังลาดตระเวนบริเวณที่รกร้างใกล้ปั๊มน้ำมันปตท. ต.คลอง 4 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก่อนพบรถเก๋งเลกซัส สีน้ำเงิน ทะเบียน ธท 5999 กทม. เลี้ยวเข้าไปบริเวณดังกล่าวและท่าทีมีพิรุธ จึงเข้าตรวจสอบพบคนขับคือพล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ อายุ 73 ปี อดีตผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ค้นในรถเจออาวุธมีดพก 3 เล่ม เสื้อเกราะมีคำว่าโปลิศ 2 ตัว โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง กระดาษโปสเตอร์เขียนคำว่านายอนวัช ธนเจริญณัฐ วีรบุรุษชาวพุทธ เสียสละชีวิตให้เลิกม.44 เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา เมื่อเค้นสอบพล.ต.ต.รุ่งโรจน์เผยขับรถมาจากตลาดกลางคลองหลวง เพื่อกลับบ้านย่านรามคำแหง ก่อนมาเจอเจ้าหน้าที่ตรวจค้น จากนั้นนำตัวไปสอบสวนที่บก.ตชด.ภ.1 และส่งตัวไปดำเนินคดีที่สภ.คลองหลวง ความผิดฐานพ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์

ส่วนบรรยากาศในตลาดกลางคลองหลวง ยังมีลูกศิษย์วัดพระธรรมกายปักหลักนอนค้างประมาณ 800 คน โดยมีพระ 100 รูปสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้นายอนวัช ธนเจริญณัฐ ลุงที่ผูกคอประท้วงม.44 และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยโดยรอบ พร้อมตรวจสอบและห้ามไม่ให้พระไม่มีใบสุทธิเข้าวัด จากนั้นในช่วงเช้ามีพระวัดพระธรรมกายเดินออกมาบิณฑบาตตามปกติเช่นทุกวัน

ดีเอสไอโต้วัดขาดอาหาร

ขณะที่บริเวณหอคอยริมถนนบางขันธ์-หนองเสือ ต.คลองสาม พบพระและลูกศิษย์นำแผ่นผ้าไวนิลยาวกว่า 5 เมตร เขียนข้อความว่า “we need food” ไปแขวนบนยอดหอคอยที่อยู่ใกล้อาคาร 100 ปี พื้นที่โซนบี เพื่อสื่อสารถึงเจ้าหน้าที่และชาวบ้านให้ทราบว่าสถานการณ์ภายในวัดพระธรรมกายขาดแคลน เสบียงอาหารอย่างมาก

ต่อมาบริเวณประตู 5-6 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ นำสื่อมวลชนเข้าพบ พระวินยาธิการที่จุดคัดกรอง เพื่อยืนยันว่าภายในวัดพระธรรมกายไม่ขาดแคลนอาหาร โดยเจ้าหน้าที่อนุญาตให้นำอาหารปรุงสุกเข้าไปถวายพระได้ แต่ขอความร่วมมือไม่ให้นำอาหารสดเข้าไป เพราะต้องการให้มวลชนออกจากวัดที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุม

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอยึดอาหารสด อาทิ ไข่ไก่ เนื้อหมู โดยนำไปคัดแยกและแจกจ่ายให้วัดที่อยู่ใกล้เคียง ยืนยันไม่มีการสกัดอาหารเข้าวัด และยอมรับอาหารปรุงสุกที่ส่งเข้าวัดไม่เพียง โดยต้องการ 300 กล่องต่อวัน แต่ส่งเข้าได้ 200 กว่ากล่องเท่านั้น ส่วนการขึ้นป้ายผ้าข้อความ “WE NEED FOOD” วัดปฏิเสธไม่รู้เห็น ส่วนที่พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เรียกร้องให้ดีเอสไอคืนน้ำมัน 1 แสนลิตรนั้น เจ้าหน้าที่คืนให้ไม่ได้และยังต้องดำเนินคดีตามพ.ร.บ.ควบคุม เชื้อเพลิง

นิมนต์ 12 พระตรวจใบสุทธิ

จากนั้นเวลา 07.30 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณหลังวัดพระธรรมกาย หลังมีข้อมูลว่ามีพระสงฆ์และกลุ่มบุคคลมาอาศัยอยู่ เมื่อไปถึงพบเป็นศูนย์อบรมเยาวชนคลองหลวง บนเนื้อที่ 52 ไร่เศษ ก่อนพบพระสงฆ์ 12 รูป เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจ โดยรอบยังพบโกดังขนาดใหญ่ ภายในมีตู้คอนเทนเนอร์เก็บของ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นขอตรวจใบสุทธิพระ แต่ไม่สามารถนำมาแสดงได้ โดยอ้างว่าเพิ่งบวชใหม่ ก่อนนิมนต์ไปที่วัดตะวันเรือง ต.คลองสี่ โดยมีพระครูมงคล กิจจาระ เจ้าอาวาสวัดมงคง พุการาม และเจ้าคณะอำเภอคลองหลวง ร่วมตรวจสอบพบพระ 9 รูปมีภูมิลำเนาอยู่ ต่างจังหวัด โดยมาบวชตามโครงการวัดพระธรรมกายและบวชถูกต้อง แต่บางรูปอาจยังไม่มีใบสุทธิเพราะอยู่ระหว่างออกให้ จึงนิมนต์ กลับวัดตามภูมิลำเนา ส่วนพระอีก 3 รูปเป็นพระวัดพระธรรมกาย

ที่สภ.คลองหลวง พระยงยุทธ สุมังคะโล พร้อมพระเครือข่ายวัดพระธรรมกาย 8 รูป เข้าแจ้งความ โดยระบุเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและพศ.ตั้งโต๊ะบันทึกข้อมูลบุคคลเข้าออกในเขตพื้นที่ควบคุม ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่ มีการปลอมลายเซ็นของบุคคลบางส่วนที่ เข้าออก

ถัดมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดได้รับการประสานจากทหารประจำจุดตลาดกลางคลองหลวงให้ตรวจสอบรอบพื้นที่ หลังพบบุคคลต้องสงสัย 3 คนเข้ามาในตลาด พร้อมกระเป๋าใบใหญ่ เมื่อขอตรวจสอบกลับรีบเดินเข้าเต็นท์ของกลุ่มลูกศิษย์และหายตัวไป เจ้าหน้าที่จึงตรวจสแกนโดยรอบพื้นที่และทำความเข้าใจกับพระและลูกศิษย์ โดยจากการตรวจตลาด ไม่พบสิ่งผิดปกติ

องค์กรพุทธโลกจี้เลิกม.44

ด้านพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย อ่านแถลง การณ์ว่า ตลอด 12 วันที่เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งวัดได้รับผลกระทบ 1.สูญเสียเสรีภาพในการนับถือศาสนา 2.กล้องวงจรปิดที่ประตู 1 ถูกทำลาย 5 ตัว 3.อาหารที่โรงครัวเน่าเสียมูลค่ากว่า 200,000 บาท 4.หมูของชาวบ้านที่จะมาถวายวัดถูกยึดไป 3 ตัน รวมถึงไข่หาย 2,000 ฟอง 5.น้ำมันที่เตรียมไว้ถูกสูบไป 98,000 ลิตร มูลค่า 2.25 ล้านบาท เมื่อตรวจสอบเสร็จวอนขอคืนด้วย 6.ถูกตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. ปิดกันเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสาร

พระสนิทวงศ์กล่าวอีกว่า 7.ถูกเจ้าหน้าที่ขึ้นไปเหยียบย่ำบนพระมหาธรรมกายเจดีย์ พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด 8.พระเณรขาดสอบบาลี 569 รูป 9.ญาติโยมบาดเจ็บจากการปะทะ มี 1 รายสาหัส 10.ตู้คอนเทนเนอร์ปิดล้อมและขวางทางเข้าออกตรงประตู 5 และ 15 11.วัดถูกใส่ร้ายเตรียมก่อความวุ่นวายและรุนแรง 12.เตรียมใส่ร้ายวัด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังขัดขวางพระและศิษย์เข้าออกวัด จึงขอให้นายกฯ เลิกม.44

พระสนิทวงศ์กล่าวต่อว่า วันนี้ลูกศิษย์และชาวพุทธในยุโรปจะเดินทางไปที่องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งจัดประชุมใหญ่เรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อประท้วงและเรียกร้อง กรณีใช้ม.44 กับวัดพระธรรมกาย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย

วันเดียวกัน ดร.ไล้ เก็ต ยง เลขาธิการองค์กรผู้นำพุทธโลก ร่วมกับผู้นำชาวพุทธเกาหลีใต้ ยื่นหนังสือจากการประชุมผู้นำองค์กรพุทธ 10 ประเทศ ณ เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ในฐานะผู้แทนผู้นำองค์กรพุทธทั้ง 40 ประเทศ โดยยื่นหนังสือถึงนายกฯ ไทย และหนังสือกราบทูลสมเด็จพระสังฆราชแห่งประเทศไทย ผ่านผู้แทนสถานทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อให้รัฐบาลไทยยกเลิกม.44 และหยุดทำทารุณกรรมด้วยการปิดล้อมทางเข้าออกวัดพระธรรมกาย หยุด การละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพระสงฆ์และศิษยานุศิษย์ ซึ่งเป็นชาวพุทธและเป็นมนุษย์เหมือนกัน

ดีเอสไอไม่รู้ใช้งบ 60 ล้านค้นวัด

ที่บก.ตชด.ภ.1 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ กล่าวถึงการเสียชีวิตของนายอนวัช ที่ผูกคอ ประท้วงม.44 ว่าผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ระมัดระวังและดูแลบุคคล เพราะเหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นความสูญเสียของทุกคน พร้อมวอนคณะสงฆ์และบุคคลที่มาชุมนุม ให้ช่วยสอดส่องดูแลเช่นกัน เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก ส่วนการตรวจสอบพระบริเวณตลาดกลางคลองหลวง เตรียมประสานสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว โดยหลังจากนี้จะมีมาตรการเชิงรุกเกี่ยวกับพระที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ไปเป็นผอ.พศ.จะทำให้การประสานสะดวกขึ้นด้วย

เมื่อถามถึงกรณีวัดพระธรรมกายอ้างถึง งบประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้ช่วง 10 วันในการปฏิบัติงานของดีเอสไอ พ.ต.ต. วรณันกล่าวว่า ตนไม่ทราบและทีมโฆษกไม่มีข้อมูลในส่วนนี้

ต่อมาพ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ แถลงว่า พระและประชาชนที่จะเข้ามา ดีเอสไอขอให้ยกเลิกการเดินทาง พร้อมประสานพศ.ไม่ให้พระเข้ามาในพื้นที่ควบคุมและตลาดกลางคลองหลวง พร้อมเฝ้าระวังบุคคลที่อาจก่อเหตุวุ่นวาย โดยมีรายชื่อ 30 คนและเตรียมดำเนินคดีถึงที่สุด

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าวอีกว่า ข้อมูลที่ดีเอสไอ ตรวจสอบพบพระวัดพระธรรมกายจดทะเบียน อย่างถูกต้องมี 1,200 รูป นอกจากนี้ยังมีพระสงฆ์ที่เข้ามาบวชในโครงการต่างๆ อีกส่วนหนึ่ง และฆราวาสประมาณ 2,000 คน ซึ่งเป็นจำนวน ที่ได้ประเมินไว้

บิ๊กแป๊ะแฉมีกลุ่มคนปลุกระดม

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เผยว่า ตชด.ภ.1 มีฝ่ายการข่าวทำงานร่วมกับดีเอสไอคอยติดตามกลุ่มคนที่ให้ข้อมูลหรือชักชวนแนวร่วมเข้าชุมชุม รวมถึงตรวจสอบกลุ่มคนที่ขณะนี้พำนักในประเทศเพื่อนบ้านและพยายามปลุกระดมมวลชน ซึ่งตรวจสอบหมดทุกด้าน แต่ยังไม่ชี้ว่ามีแนวร่วมการเมืองเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งไม่หวั่นใจปัญหาวัดพระธรรมกายจะยืดเยื้อ เพราะเราเคยผ่านเรื่องการชุมนุมมาหลายครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ฝ่ายหนึ่งเป็นพระสงฆ์เท่านั้น สำหรับกรณีการคุมตัวพล.ต.ต.รุ่งโรจน์นั้น เรื่องนี้ผบช.ภ.1 ดำเนินการอยู่ ส่วนจะเป็นแกนนำของวัดหรือไม่ ตนไม่ทราบ ซึ่งยอมรับทุกการชุมนุม มีทั้งข้าราชการและอดีตข้าราชการเข้าไปสนับสนุนทั้งนั้น

พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 กล่าวถึงการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าตรวจค้นได้ แต่ประชาชนเริ่มลดลง รวมถึงมวลชนและพระที่อยู่ภายในวัดด้วย ส่วนพระที่จะเดินทางมาสมทบคงไม่สามารถทำได้ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าไป นอกจากเป็นพระวัดพระธรรมกายจริงๆ ส่วนบริเวณตลาดกลางคลองหลวงนั้น พระและศิษย์ก็อยู่ในวงจำกัดและจำนวนไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่การตัดสัญญาณมือถือและเน็ตรอบวัด น่าจะส่งผลต่อวัดแน่นอน เพราะจำนวนมวลชนลดลง สำหรับการปรับแผนปฏิบัติงานต้องขึ้นอยู่กับอธิบดี ดีเอสไอที่จะประเมิน

เมื่อถามว่าการที่มวลชนลดลงจะทำให้ตรวจค้นง่ายขึ้นหรือไม่ ผบช.ภ.1. กล่าวว่า แล้วแต่อธิบดีดีเอสไอว่าจะให้ดำเนินการเข้าตรวจค้นเมื่อไหร่ แต่ยังมีอุปสรรคในส่วนมวลชนที่ไม่เข้าใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้าไปยึดวัด แต่ต้องการตรวจสอบบุคคลตามหมายจับและไม่มีการใช้กำลัง แต่จะเน้นการเจรจา ซึ่งการตรวจค้นวัดพระธรรมกายเชื่อว่าสัปดาห์นี้น่าจะเห็นผล เช่นเดียวกับการที่ดีเอสไอออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องด้านการเมืองและวัดพระธรรมกายกว่า 40 คน เพราะการข่าว ยังพบความเคลื่อนไหวของบางกลุ่มอยู่ในลักษณะของแกนนำและการ์ดนอกพื้นที่ซึ่งตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้วและจะดำเนินคดี

ปรับแผนค้นธรรมกายอีก

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายอนวัช ลุงที่ผูกคอประท้วงม.44 ว่าต้องถามว่าเป็นคนของใคร ซึ่งตนไม่อยากวิจารณ์ เพราะเรื่องนี้จะถูกหรือผิดไม่ทราบ ขอให้เป็นหน้าที่ของรมว.ยุติธรรม ส่วนความกังวลเรื่องมือที่สามนั้น เจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้วทั้งการตรวจค้นคนเข้าออก ส่วนจะเดดไลน์เมื่อไหร่นั้น ขอให้ไปถามรมว.ยุติธรรม ตนไม่ทราบ รู้เพียงว่าทุกอย่างจะต้องคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นและทุกฝ่ายต้องยอมรับ

ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ปฏิบัติการมีความคืบหน้าบ้างแล้ว แต่ขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่จนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ จึงต้องทำหน้าที่ต่อไป เพราะยังไม่สามารถตอบคำถามรัฐบาลได้ทุกอย่าง ซึ่งเป็นความจำเป็นที่ดีเอสไอกำลังทำตามกฎหมาย เบื้องต้นทราบว่ากำลังจะพิจารณาปรับแผนปฏิบัติการในสัปดาห์นี้ อยู่แต่จะปรับอย่างไร ในคำสั่งได้ให้อำนาจอธิบดีดีเอสไอไว้ให้ทำเต็มที่ โดยกำลังหารือกับทุกฝ่าย และยังไม่คิดจะเปลี่ยนอธิบดีดีเอสไอ

เมื่อถามว่าพระชั้นผู้ใหญ่มีบทบาทช่วยคลี่คลายสถานการณ์อย่างไร นายสุวพันธุ์กล่าวว่า เท่าที่ทราบมาเจ้าคณะหนกลาง และผู้แทนมหาเถรสมาคมไม่ได้อยู่เฉย โดย เจ้าคณะหนกลางมอบให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเป็นผู้แทนร่วมกับรัฐบาล แต่อยากขอให้พระที่ไม่ได้อยู่ในวัดพระธรรมกายกลับวัดของท่าน ซึ่งอยากให้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีและพศ.ช่วยดำเนินการเรื่องนี้ โดยคาดว่าจะอยู่ในแผนที่จะได้พูดคุยกัน ส่วนการเสียชีวิตของนายอนวัช ลุงที่ผูกคอตายประท้วง ม.44 นั้น ทุกฝ่ายไม่ต้องการให้เกิดขึ้นและอยากให้วัดพระธรรมกายปรับท่าทีด้วย

ด้านพ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า สถานการณ์ในวัดพระธรรมกาย จะเห็นการปลุกระดมมวลชนมาต่อต้าน การจุด กระแสว่าคำสั่งม.44 เป็นปัญหา การเคลื่อน ไหวของแกนนำมวลชนที่เคยใช้ความรุนแรงและอดีตนักการเมืองเข้ามาในพื้นที่ ทั้งหมดนี้คสช.ต้องการชี้ให้เห็นว่านี่คือปัญหาของคนในประเทศ ที่กฎหมายอะไรก็ยุติคนไม่ดีไม่ได้ และวันข้างหน้าถ้าไม่มีม.44 ไม่มีคสช.เราจะอยู่กันอย่างไรและอนาคตจะเป็นอย่างไร การใช้กฎหมู่ไม่เคารพกฎหมายและกระบวนการ ยุติธรรม อันจะนำไปสู่ความเดือดร้อนวุ่นวายในที่สุด พร้อมยืนยันม.44 ไม่กระทบกระเทือน ลิดรอนสิทธิ หรือสร้างผลกระทบต่อประชาชน

ณัฐวุฒิชี้ม.44 ไม่ถือเป็นกม.

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. กล่าวว่า ตนไม่ใช่ศิษย์วัดพระธรรมกายและไม่เคยร่วมกิจกรรมใดๆ กับวัด แต่เมื่อเกิดความสูญเสียและไม่มีสัญญาณจะยุติลงง่ายๆ จึงอยากแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้มีอำนาจว่าการใช้ม.44 ที่ระบุคือรักษากฎหมาย แต่หลักสากลอำนาจเบ็ดเสร็จแบบม.44 ไม่ถือเป็นกฎหมาย ที่ปฏิเสธไม่ได้อีกอย่างคือ พระและศิษย์ธรรมกายมีความเชื่อถือศรัทธาร่วมกัน การอภิปรายกันเรื่องถูกผิดเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่จะใช้อำนาจเด็ดขาดใดๆ ไปตัดสินและต้องการให้เกิดผลทันทีย่อมเป็นไปได้ยาก เมื่อกลุ่มผู้มีอำนาจในรัฐบาลไปนั่งคุกเข่าให้พุทธอิสระเจิมหน้าผากได้ ก็ต้องเข้าใจและเคารพความเชื่อของคนที่เป็นลูกศิษย์วัดธรรมกายให้ได้

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า การติดตามบุคคลตามหมายจับเป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่หากเทียบกับการดำเนินการเรื่องนี้ในกรณีอื่นๆ ปฏิบัติการที่วัดพระธรรมกายดูจะแตกต่างจากที่สังคม เคยพบเห็นอยู่มาก และสุ่มเสี่ยงจะเกิดเหตุ ไม่พึงปรารถนามากขึ้นทุกวัน รัฐบาลควรทบทวนประเด็นเหล่านี้อีกครั้ง และไม่ควรปิดช่องทางเจรจากับทางวัดไม่ว่ากรณีใดๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน