ราชกิจจาฯประกาศโปรดเกล้าฯ ถอดสมณศักดิ์ “ธัมมชโย” ฐานต้องคดี แต่ไม่ยอมเข้ามอบตัว “ป้าเช็ง”โดนด้วย ดีเอสไอเรียกสอบให้ใช้โกดัง เผยพระบางรูปมีเงินหมุนเวียนเป็นล้าน ทหาร ตำรวจคุมเข้ม หลังศิษย์วัดพระธรรมกาย แห่ทำบุญพิธีบูชาข้าวพระจนล้นตลาดกลางคลองหลวง บุกวัดที่คลองสองเจอรถตู้ 14 คัน ขนคนมาร่วมพิธี ขณะที่พระสงฆ์ในตลาดกลางแถลงจุดยืนไม่ย้ายออกไปไหนจนกว่าทางรัฐบาลจะเลิกใช้มาตรา 44 กับทางวัดพระธรรมกาย หิ้วสอบ”ฟอร์ด เส้นทางสีแดง” แจกเสื้อ “อย่ารังแกพระ” “วัฒนา” แนะทางออก ให้คนกลางร่วมค้นวัด พร้อมถ่ายทอดสด

ชาวพุทธนิวยอร์กวอนเลิกม.44

เมื่อวันที่ 5 มี.ค. พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่วัดพระธรรมกาย เพื่อติดตามความคืบหน้าหลังจากที่มีประกาศเจ้าคณะจ.ปทุมธานี พบว่าคณะสงฆ์วัดพระธรรมกายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามหากพบพระสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว ก็จะถือว่ามีโทษในการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าคณะผู้ปกครอง ซึ่งทางเจ้าคณะผู้ปกครองสามารถพิจารณาลงโทษได้

ขณะที่นพ.พรชัย พิญญพงษ์ ประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ยพสล.) ได้เผยแพร่ข้อมูลลงในเฟซบุ๊ก ส่วนตัว พร้อมภาพถ่ายเอกสารของนายเคนยิตสึ นากางากิ ประธานสมัชชาชาวพุทธแห่งนครนิวยอร์ก ที่ได้ทำจดหมายร้องเรียนไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2560 โดยในเอกสารดังกล่าวระบุว่า ขอให้รัฐบาลไทยยกเลิกการใช้ ม.44 ควบคุมวัดพระธรรมกายและพื้นที่ใกล้เคียง และแนะนำผู้นำไทยต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่โดยใช้หลักธรรมะและความยุติธรรมควบ คู่กัน กลุ่มชาวพุทธในนิวยอร์กเป็นห่วงสถานการณ์พระพุทธศาสนาในไทยเป็นอย่างมาก ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่สงบสุขด้วยคำสอนของพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน การใช้กำลังทหารและตำรวจจำนวนมากจัดการกับพระสงฆ์และกลุ่มชาวพุทธเป็นที่สะเทือนใจชาวพุทธทั่วโลก จึงต้องการขอให้รัฐบาลไทยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม ด้วยสันติวิธี และมีความเคารพต่อพระสงฆ์

ศิษย์แห่ทำบุญล้นตลาดกลาง

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณตลาดกลางคลองหลวง ตรงข้ามประตู 5-6 วัด พระธรรมกาย ในวันนี้มีพิธีบูชาข้าวพระ ซึ่งจะจัดเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน โดยในวันนี้มีประชาชนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ทำให้พื้นที่ภายในตลาดไม่ เพียงพอ มีประชาชนบางส่วนต้องมานั่งประกอบพิธีบริเวณริมทางเท้าหน้าตลาดกลาง โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ตั้งจุดตรวจ กระเป๋า ทั้งสองด้านของตลาด โดยมีพระสงฆ์ ที่อยู่ในตลาด มาเดินบิณฑบาต จำนวนกว่า 100 รูป ทั้งนี้ยังมีพระสงฆ์ที่เดินทางมาจากจ.ขอนแก่น จะเข้าไปด้านในตลาด แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้เข้าไปสมทบ ด้านพระสงฆ์ที่อยู่ในตลาดจึงได้นิมนต์ให้ไปนั่งคอยอยู่ในสถานที่ที่จัดไว้ให้

ทางด้านประตู 7 ของวัดพระธรรมกาย ก็ยังมีประชาชนมาใส่บาตรให้กับพระสงฆ์ ที่เดินออกมาจากวัดบิณฑบาตโปรดญาติโยม แต่เมื่อเข้าไปในวัด สิ่งของที่ไปบิณฑบาต มาก็จะถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคัดกรองก่อน ทุกครั้ง นอกจากนี้ยังมีลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายมายืนแจกรูปพระมงคลเทพมุนีหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ให้กับประชาชนและศิษยานุ ศิษย์ที่เข้ามาทำบุญภายในตลาดกลางคลอง หลวงอีกด้วย

สวดมนต์ไม่กลัวร้อน

ต่อมาเวลา 14.00 น. ประชาชนพร้อมด้วยลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย เข้าร่วมพิธีสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร และปิดทองรูปจุลละนิมิตตลาดกลางคลองหลวง กันเป็นจำนวนมากโดยล้นออกมานอกตลาด ซึ่งลูกศิษย์บางคนได้นั่งกันอยู่ริมฟุตปาธพร้อมกับทั้งสวดมนต์ไปด้วย ซึ่งวันนี้อากาศได้ร้อนมากแต่ก็มี ลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายก็ยังนั่งสวดมนต์ กันอยู่เต็มลาน ทำให้รถที่สัญจรไปมาบริเวณถนนบางขันธ์-หนองเสือ ติดขัดเป็นระยะ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.คลองหลวงและเจ้าหน้าที่ทหารคอยอำนวยการจารจร ทั้งนี้ในเวลา 16.00 น. พระปลัดเสกสรร พระลูกวัดของวัดพระธรรมกาย จะมีการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ถึงเรื่องจุดยืนของพระสงฆ์และสามเณรที่อยู่ในตลาดกลางคลองหลวง ว่าจะไม่ออกไปไหน พร้อมจะยืนเคียงข้างกับลูกศิษย์อย่างนี้ตลอดไป จนกว่าทางรัฐบาลจะเลิกใช้มาตรา 44 กับทางวัดพระธรรมกาย

จับแจกเสื้อ”อย่ารังแกพระ”

เมื่อเวลา 15.50 น.เจ้าหน้าที่คุมตัวนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ”ฟอร์ด เส้นทาง สีแดง” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เคยแปะสติ๊กเกอร์คำว่า”โหวตโนร่างรธน.” จากตลาดกลางคลองหลวง มาที่ บก.ตชด.ภ.1 หลังจากเดินทางมาถวายอาหารพระภิกษุและสามเณร พร้อมนำเสื้อสีขาวมีข้อความ”อย่ารังแกพระ” มาแจก เนื่องจากเจ้าตัวถูกห้ามเข้าพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวงมาแล้วก่อนหน้า ขณะที่นายอนุรักษ์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า มาถวายข้าวพระและฟังธรรม ที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง อยู่ดีๆ ก็ควบคุมตัวมาไม่รู้เรื่องอะไร

ต่อมาหลังนำตัวมาสอบนานกว่า 1 ช.ม. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ปล่อยตัวนายอนุรักษ์กลับไป โดยเจ้าตัวบอกว่าถูกนำตัวมาสอบและให้เซ็นเอกสารปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.ว่าห้ามเข้าพื้นที่วัดพระธรรมกายและบริเวณจุดสำคัญโดยรอบ หากฝ่าฝืนคำสั่งจะโดนโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท “เมื่อวานมีทหารไปที่บ้าน ผมถามว่าถ้าเข้าไปทำบุญได้ไหม ทหารก็ชี้แจงหากไม่เคลื่อนไหวปลุกระดมก็ไม่มีปัญหา วันนี้เลยมาสวดมนต์ทำบุญที่ตลาดกลางคลองหลวงแต่กลับโดนจับ” นายอนุรักษ์กล่าว

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอพร้อมกำลังทหาร และ ตำรวจ สภ.คลองหลวง กว่า 20 นาย เข้าตรวจสอบภายในวัดทับทิมแดง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีรถตู้จำนวนมาก นำชาวบ้านมาจากสถานที่ต่างๆ เข้าไปรวมตัวกันภายในวัด และคาดว่าทุกคนจะไปที่บริเวณตลาดกลางคลองสาม

จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบรถตู้จำนวน 14 คัน จอดอยู่ภายในวัดดังกล่าว โดยมีเพียงคนขับรถตู้เท่านั้น เบื้องต้นทราบจากคนขับบางคนให้การเพียงว่า ได้รับจ้างพาชาวบ้านที่คาดว่าเป็นคนที่มาทำบุญวัดพระธรรมกาย ให้มาส่งยังสถานที่ดังกล่าว ส่วนเรื่องค่าจ้างและรับมาจากที่ไหน ใครเป็น ผู้ติดต่ออยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง

“วัฒนา”แนะให้คนกลางร่วมค้น

วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เสนอทางออกกรณีธรรมกายว่า เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วสมประโยชน์ของทุกฝ่าย ผมเสนอให้มีการตรวจค้นวัดพระธรรมกายโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แต่จะต้องมีคนกลางซึ่งได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานในการตรวจค้นด้วย เช่น ตัวแทนทางการทูต เจ้าหน้าที่จากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน และสื่อมวลชน เป็นต้น ในระหว่างการตรวจค้นเจ้าหน้าที่จะต้องแสดงความโปร่งใสด้วยการยินยอมให้มีการบันทึกภาพและถ่ายทอดสดได้ตลอดเวลา เมื่อสิ้นสุดการตรวจค้นไม่ว่าจะพบพระธัมมชโยหรือไม่ ย่อมถือได้ว่าเหตุการณ์และความจำเป็นสิ้นสุดลงแล้ว รัฐบาลจะต้องยกเลิกคำสั่ง ถอนกำลังเจ้าหน้าที่และคืนพื้นที่ทั้งหมดให้กับวัดพระธรรมกายทันที

สำหรับคดีของพระธัมมชโยมีความละเอียดอ่อน ถูกจับตามองจากทั้งภายในและต่างประเทศ รัฐควรทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าพระธัมมชโยจะได้รับการปล่อยชั่วคราว เพื่อให้มีโอกาสในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่โดยยังคงดำรงสถานะความเป็นพระไว้ อันจะทำให้ข้ออ้างในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหมดไป ส่วนคดีทางธรรมก็ควรจะมีการกล่าวหาเสียในคราวเดียวกัน

ดีเอสไอจ่อเรียกสอบป้าเช็ง

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์โดยรวมวันนี้เป็นไปด้วยความปกติ ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น แต่มีจำนวนมวลชนที่เดินทางมายังตลาดกลางคลองหลวงเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 คน เรื่องของการออกหมายเรียกบุคคลที่ฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหมายเรียกไปแล้วทั้งหมด 62 คน ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่ดูแลระบบงานภายในอาคารบุญรักษา และอาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ หรืออาคารลูกโลก 19 คนมาพบ แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครมารายงานตัว

ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้อออกคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่คสช.ที่ 19/2560 เรียกน.ส.ศรวรรณ ศิริสุทรินทร์ หรือป้าเช็ง มารายงานตัวต่อพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์ศรีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและแวดล้อม ดีเอสไอ ที่บก.ตชด.ภ.1 ในเวลา 10.00 น. วันที่ 9 มี.ค.นี้ เพื่อสอบถามกรณีให้ใช้โกดัง

ตร.ตั้งด่านสกัดธรรมกาย

พล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.จ.) นครราชสีมา สั่งการด่วนผ่านทางศูนย์วิทยุสื่อสารไชยณรงค์ ซึ่งมีเครือข่ายเป็นสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ 32 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา รวม 51 แห่ง กำชับให้หัวหน้าสถานีและผู้เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวกลุ่มพระสงฆ์และเครือข่ายวัดธรรมกาย โดยให้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานความมั่นคงและ จัดกำลังเฝ้าระวังสถานที่พักอาศัยของพระสงฆ์และญาติโยม มิให้มีการรวมตัวหรือเคลื่อนไหวหรือดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่เป็นการสนับสนุน ยุงยง ปลุกปั่น อันเป็นการดำเนินการส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบ ร้อยของบ้านเมือง หากพบความเคลื่อนไหวกรณีจะเดินทางไปที่วัดธรรมกาย ให้ชี้แจงทำความเข้าใจถึงคำสั่งของ คสช. ให้วัดธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมตามมาตรา 44 ซึ่งมีโทษทางกฎหมาย รวมถึงให้สกัดกั้นกลุ่มพระสงฆ์และเครือข่ายมิให้เดินทางสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาที่วัดธรรมกาย ส่วนสถานีตำรวจที่ตั้งอยู่ในเส้นทางมุ่งเข้าสู่กรุงเทพฯ และเขตภาคกลาง สนธิกำลังตั้งด่านตรวจความมั่นคงตลอด 24 ชั่วโมง และต้องรายงานผลการปฏิบัติทุก 6 ชั่วโมง

ตั้งโรงทานกลางตลาดกลาง

ต่อมาช่วงเย็น บริเวณตลาดกลางคลอง หลวง พระปลัดเสกสรร พร้อมพระสงฆ์และประชาชน ร่วมกันปล่อยนกเพื่อสันติภาพและได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว พระปลัดเสกสรร กล่าววิงวอนขอให้ทางรัฐบาลยกเลิกมาตรา 44 โดยเร็ว และในวันพรุ่งนี้จะตั้งโรงทานเนื่องจากสิ่งของที่ลูกศิษย์นำมาใส่บาตรมีจำนวนมาก แต่ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไม่ยอมให้นำไปให้กับพระที่อยู่ในวัดพระธรรมกาย จึงเห็นว่า ถ้าเก็บไว้อย่างนี้จะเน่าเสียแน่นอน จึงจะทำโรงทานขึ้นในพรุ่งนี้เวลา 9 โมง และในส่วนที่ทางพนักงานสอบสวนสภ.คลองหลวงได้เรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ที่สภ.คลองหลวงวันที่ 8 เวลา 09.00 น. เผยว่า

“อาตมาไปตามนัดของพนักงานสอบสวนอย่างแน่นอน แถมยังไม่ทราบว่าศิษยานุศิษย์จะตามไปด้วยหรือไม่ จึงฝากประชาสัมพันธ์ ให้กับสื่อมวลชนได้ไปร่วมทำข่าวในครั้งนี้ด้วย” พระปลัดเสกสรรกล่าว

แฉแหล่งเงินทุนต้านดีเอสไอ

ต่อมา 18.30 น. ที่บก.ตชด.ภ.1 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะ โฆษกดีเอสไอ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ ออกมาเปิดเผยหลังการประชุม พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกแกนนำกับพระรวมกัน 91 รายแล้ว ส่วนป้าเช็งนั้น เจ้าหน้าที่ออกหมายเรียก มาสอบ อยู่ระหว่างประสานเพื่อมาพบเจ้าหน้าที่ ส่วนกรณีควบคุมพระ 2 รูปพร้อมเณร 9 รูป ที่โกดังเก็บน้ำหมักป้าเช็ง และเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าบางรูปมีเงินในบัญชีเกือบ 13 ล้าน และมีการกดถอนเงินออกหลายครั้ง ครั้งละหลายหมื่นบาทในวันเดียว อีกทั้งมีส่วนเชื่อมโยงกลุ่มพระในหลายๆ จังหวัด โดยเฉพาะ ในจังหวัดอุบลราชธานี เบื้องต้นพระ 2 รูปอ้างว่าเป็นเงินจากการทำบุญ ส่วนจะเป็น ท่อน้ำเลี้ยงหรือไม่อยู่ระหว่างการสืบสวน เชิงลึก พบว่ามีเงินทุนสนับสนุนส่วนหนึ่งจากผู้เกี่ยวข้อง คดีเครดิตยูเนี่ยนอยู่เบื้องหลัง เพราะขัดประโยชน์ของตัวเอง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเชิงลึกและจับตาอยู่

กสม.หวั่นบานปลาย

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ดังนี้

1.เจ้าหน้าที่ของรัฐ ควรใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่อาจนำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรง ประการสำคัญต้องให้ความเคารพต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 2.พระสงฆ์และศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายควรใช้สติและอยู่ในความสงบ และขอเรียกร้องให้มหาเถรสมาคมได้มีบทบาทในการแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม

3.ควรให้มีองค์กรอื่นรวมทั้งภาคประชาสังคมเข้าร่วมเป็นพยานในการปฏิบัติงานตรวจค้นเพื่อหาบุคคลตามหมายจับ ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานมีความโปร่งใส และหากไม่พบบุคคลดังกล่าวในชั้นนี้ให้ยุติการตรวจค้นและยกเลิกการกำหนดให้วัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบวัดเป็นพื้นที่ควบคุม โดยการติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ ให้บังคับใช้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป

ถอดยศธัมมชโย

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ ด้วยพระเทพญาณมหามุนี (พระไชยบูลย์ สุทธิผล) วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีกระทำความผิดข้อหาร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร ตามที่ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ ที่ 942/2559 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2559 และยังถูกกล่าวหาในคดีอาญาฐานอื่นอีกหลายฐานความผิด ซึ่งอัยการคดีพิเศษมีความเห็นสั่งฟ้องในบางคดีด้วยแล้ว แต่พระเทพญาณมหามุนีไม่ยอมมอบตัวตามหมายเรียก และได้หลบหนีคดีดังกล่าว จึงไม่สมควรดำรงอยู่ในสมณศักดิ์ต่อไป และได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมต่อไปแล้ว

บัดนี้ ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดถอน พระเทพญาณมหามุนี (พระไชยบูลย์ สุทธิผล) ออกจากสมณศักดิ์ ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 2560 ประกาศ ณ วันที่ 5 มี.ค. 2560 ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน