โดนทุบรถที่เมืองนอก หวังเคลม ประกันเดินทาง เจอการคุ้มครองสุดอึ้ง ขอบคุณที่ให้ดูแล

สมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เล่าประสบการณ์เมื่อ โดนทุบรถที่ต่างประเทศ และการเคลม ประกันเดินทาง ที่ได้ทำไว้กับบริษัทประกันแห่งหนึ่ง โดยเล่าว่า รีวิวการโดนทุบรถที่ซานฟราน เดินทางไปถึงซานฟรานวันที่ 8 เมษา ยังไม่ทันหาย jetlag ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเลยจ้า

คือไปกินข้าวกันและจอดรถไว้บริเวณหน้าร้านอาหาร แถวนั้นก็ดูไฟสว่าง มีโรงหนัง มีร้านค้าใดๆ มีคนเดินไปมาตลอด ไปกินข้าวประมาณ 1 ชม กลับมารถโดนทุบกระจกหลัง ช็อคไปแปบนึงก็คิดว่ายังดีที่ทำประกันการเดินทางมา สิ่งที่หายไปคือเป้ของเราที่มีเงินกล้องมือถือและอื่นๆ คือมีของหลายอย่างในนั้นแหละเพราะเป็นเป้ที่ใช้ตลอดทุกวัน กับกระเป๋าโดรนของบี (ที่ทำประกันการเดินทางอันเดียวกันไป)

หลังจากที่แจ้งตำรวจทำเรื่องใดๆ เอารถไปเปลี่ยนเรียบร้อยก็ได้เมลล์ไปหาประกัน คือบริษัท …. ว่าการเคลมประกันต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ได้รับเมลล์ตอบกลับมาว่าประกันจะคุ้มครองต่อเมื่อกระเป๋าหายตอนที่อยู่ในความควบคุมดูแลของพนักงานโรงแรมหรือบริษัทขนส่ง หรือโดนกระชากไปตอนเราถืออยู่

คือถ้ามันอยู่ในความดูแลของโรงแรมละมันจะหายมะ ละต่อให้หายจริงมันก้เป็นความรับผิดชอบของรร.ปะ หลังจากนั้นก้เลยมาเปิดอ่านกรมธรรม์อีกที ตามข้อ 5. เขียนว่าคุ้มครองในกรณีถูกปล้นหรือชิงทรัพย์

และได้มีการติดต่อไปที่ call center ของ …. ว่ารถโดนทุบไม่ใช่การปล้นชิงทรัพย์เหรอ นางตอบมาว่ากรณีนี้เรียกว่า “ลักทรัพย์” หะ เดี๋ยวนะ คือไร การเล่นคำหรอ แต่ภาษาอังกฤษเขียนว่า Damage or Loss of Personal Baggage and personal effects เฉยๆปะ

ก่อนวางยังมีการพูดว่า ขอบคุณที่ให้ …. ดูแลค่ะ หนูลูกกกกก นี่ไม่ได้กวน…ใช่มะ หนูดูแลช่วงไหนจ้ะ สิ่งที่หนูทำอีกนิดนึงก้เรียกว่าซ้ำเติมละน้าาาา

จากนั้นผู้โพสต์ยังได้ระบายความรู้สึกอีกว่า สรุปความรู้ภาษาไทยที่ได้จากการโดนทุบรถ ลักทรัพย์ คือ อีแอบ แอบเอาของคนอื่นไปตอนเค้าไม่อยู่ หรือน่าจะเรียกง่ายๆว่าขโมยอะแหละ ปล้น/ชิงทรัพย์ คือการไม่แอบ โผล่มาและใช้กำลังเอาของคนอื่นไปเฉยเลย สองคำนี้ต่างกันตรงที่ว่า ชิงทรัพย์คือ โจรไม่เกิน 2 คน ปล้นคือโจร 3 คนขึ้นไป (ข้อมูลพวกนี้เค้าสอนกันที่ไหนนะ)

แต่ถ้างั้นภาษาอังกฤษก้เขียนแบบนั้นไม่ได้ปะ ขอบคุณทุกคนที่แสดงความห่วงใยและให้ความรู้มาค่ะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน