ดีเอสไอสรุปไม่พบธัมมชโย ที่ประชุมมส.ไม่มีมติสั่งจับสึก ชงเจ้าคณะใหญ่จัดการแทน

วัดพระธรรมกายยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ร่วมดีเอสไอ ฝ่ายปกครอง กสม. เจ้าคณะจังหวัด พระวินยาธิการ เข้าค้น 8 จุด เกือบ6 ชั่วโมงสถานที่สงสัยผู้ต้องหาซ่อนตัวอยู่ภายในวัด รวมทั้งอาคารบุญรักษาด้วย ก็ไม่มีวี่แววพบตัวพระธัมมชโย ด้านอธิบดีดีเอสไอแถลงขอให้ลูกศิษย์ที่ชุมนุมที่ตลาดกลางกลับเข้าวัด เตรียมชงยกเลิกมาตรา 44 คุมพื้นที่ ที่ประชุมมส.รับทราบถอดถอนสมณศักดิ์ พระธัมมชโย-พระทัตตชีโวเท่านั้น ส่วนทางด้านคดีความนั้น ผอ.สำนักพุทธฯ ชงเรื่องให้เจ้าคณะใหญ่หนกลาง”สมเด็จพระพุทธชินวงศ์”สั่งให้เจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับชั้นจนถึงเจ้าอาวาส ใช้กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศใน ข้อ 3 (1) ดำเนินการ

ธรรมกายยอมให้จนท.ร่วม-ค้น

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 มี.ค. ที่ประตู 7 วัดพระธรรมกาย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ต.ถาวร ขาวสะอาด ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความประจำวัดพระธรรมกาย ผู้แทนเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร่วมแถลงข่าว

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่าวัดพระธรรมกายได้ยินยอมให้ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้น ในพื้นที่วัดพระธรรมกายภายในจุดที่ทางเจ้าหน้าที่สงสัย ประกอบด้วยโซนเอ โซนบี และอาคารบุญรักษา แม้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นมาแล้วตั้งแต่วันที่ 16-18 ก.พ. แต่ยังมีหลายส่วนที่มีข้อสงสัยอยู่บางจุดที่ว่ายังตรวจค้น ไม่ทั่ว บางจุดซึ่งยังมีข้อสงสัยอยู่ ซึ่งจะเป็นจุดที่ผู้ต้องหาตามหมายจับหลบหนีอยู่หรือ ไม่ จะต้องตรวจค้นให้ชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่โดยมีกองอำนวยการร่วมปฏิบัติการเข้าตรวจค้น ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ฝ่ายปกครอง และสำนักงานพระพุทธศาสนา ตลอดจนทาง เจ้าคณะจังหวัดได้ให้พระวินยาธิการได้มาร่วม ตรวจค้นในครั้งนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการแถลงข่าวเสร็จคณะทำงานได้เดินเข้าประตู 7 และขึ้นรถตู้เข้าไปตรวจค้นทันที เมื่อผู้สื่อข่าวหลายสำนักกำลังเดินผ่านเต็นท์จุดอำนวยการเพื่อติดตามไปทำข่าว แต่เจ้าหน้าที่ของวัดพระธรรมกายไม่ให้ โดยอนุญาตให้สื่อโทรทัศน์ประกอบด้วยช่อง 3, 5, 7, 9 และสำนักข่าวรอยเตอร์เข้าไปเก็บภาพด้านในเท่านั้น

ค้นละเอียดยิบทั้ง 8 จุดที่สงสัย

ส่วนบรรยากาศการตรวจค้นวัดพระธรรม กายตั้งแต่ช่วงสายที่อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯปทุมธานี ทนาย ความ ผู้แทนสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง พระวินยาธิการ เข้าร่วมตรวจค้นสถานที่สงสัย ประกอบด้วย 1.อาคารปุโรหิตา 2.อาคารมหาพรหม 3.โรงปั้นพระ 4.วิหาร คุณยายอาจารย์ 5.ศาลาดุสิต 6.สำนักงานพุทธศิลป์ 7.อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ (อาคารลูกโลก) และ 8.อาคารบุญรักษา

จุดที่ 1 เจ้าหน้าที่ร่วมเข้าตรวจค้นอาคาร ปุโรหิตา ซึ่งเป็นอาคารอเนกประสงค์ ไม่พบสิ่งผิดปกติ จุดที่ 2 คือ อาคารมหาพรหม เป็นอาคารที่ใช้การเรียนการสอนพระไตรปิฎกนานาชาติ ห้องสมุดนานาชาติ จุดที่ 3 คือ โรงปั้นพระเดิม ปัจจุบันไม่ได้ใช้งาน

จุดที่ 4 คือ มหาวิหารคุณยายอาจารย์ เป็นห้องนั่งสมาธิ และเป็นจุดหนึ่งที่เจ้าหน้าที่สงสัยว่าจะมีห้องลับ โดยพระมหานพพร ปุญญชโย นำตรวจค้น พร้อมยืนยันว่าเป็นห้องระบบอากาศ และห้องเก็บของมีทางเชื่อมเหมือนอาคารภาวนา 60 ปี จากนั้นมาที่จุดที่ 5 ศาลาดุสิต ไม่พบสิ่งผิดปกติ

จากนั้นไปต่อจุดที่ 6 สำนักงานพุทธศิลป์ พบว่ามีเต็นท์ที่พักเพิ่มขึ้น อีกทั้งจัดระบบความปลอดภัยมากกว่าตอนตรวจครั้งแรก จากการตรวจค้นพบว่าภายในสำนักงานพุทธศิลป์มีการแบ่งเป็นห้องพัก และห้องทำงาน ตัดต่อภาพ การทำแอนิเมชั่น และห้องอาหาร ซึ่งไม่พบสิ่งผิดปกติ

อาคารบุญรักษาไม่พบธัมมชโย

จุดที่ 7 อาคาร 100 ปีคุณยายอาจารย์ หรืออาคารลูกโลก ที่คาดการณ์ว่าพระธัมมชโย จะหลบอยู่ที่อาคารนี้ โดยมีการขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 16 ชั้นบนสุด และเดินตรวจลงมาทีละชั้นที่สงสัย จากการตรวจสอบพบเพียงห้องสำนักงาน อยู่ระหว่างตกแต่ง นอกจากนี้อาคารที่เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอใช้สก๊อตเทปพิเศษสีแดงซีลปิดรอบอาคารที่พักลูกศิษย์และกุฏิพระสงฆ์ เพื่อกันไม่ให้บุคคลเข้าอาคาร หลังจากการตรวจค้นในครั้งที่แล้ว วันนี้ภายหลังการตรวจหมดทุกจุดจะนำสก๊อตเทปซีลทั้งหมดออก เพื่อให้พระและลูกศิษย์กลับไปใช้ได้ตามปกติ

ต่อมาเวลา 14.00 น.ทางวัดพระธรรมกาย ได้เปิดให้สื่อมวลชนทุกแขนง ที่ไม่ได้เข้ามาในรอบเช้า ให้เข้ามาตรวจที่จุดสุดท้าย จุดที่ 8 อาคารบุญรักษาพร้อมกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่ง กำลังออกเป็น 4 ชุดพร้อมสื่อ แยกกันตรวจทุกซอกทุกมุมของอาคารบุญรักษา จนเสร็จสิ้น ในเวลา 15.20 น.และไม่พบตัวพระธัมมชโยแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและ ดีเอสไอตรวจสแลน หาสิ่งผิดกฎหมายบริเวณ นอกกำแพงวัดพระธรรมกาย ใกล้ๆ อาคารบุญรักษา เจอเต็นท์พระตั้งเรียงรายกันกว่า 10 เต็นท์ และพบอุปกรณ์ก่อสร้างกับแท่งคอนกรีต ที่ใช้ทำท่อน้ำ และเสากำแพงวางเรียงรายอยู่รอบๆ

ศาลสั่งปล่อยตัวพระสนิทวงศ์

เมื่อเวลา 09.00 น. พระสนิทวงศ์ วุฑฒิ วังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย พระลูกวัด 1 รูป และทนายความได้เดินทางมาที่สภ.คลองห้า เพื่อพบพนักงานสอบสวน มีพ.ต.อ.อำนวยพันธ์ นิลน้อย ผกก.สภ.คลองห้า พร้อมพนักงานสอบสวนเตรียมต้อนรับ หลังจากพนักงานสอบสวนอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว เพราะส่งฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรีไม่ทัน หลังจากที่เข้าไปภายโรงพักประมาณ 30 นาที ทั้งหมดได้เดินทางขึ้นรถโดยมีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาจนเมื่อเวลา 10.00 น. ขบวนเคลื่อนมาถึงหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี บริเวณห้อง ควบคุม ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงจากรถ แต่รถของชุดสืบสวน ที่มีพระสนิทวงศ์ นั่งมาด้วยกลับเลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณใต้อาคารศาล และนำตัวขึ้นไปด้านบนทันที โดยไม่ได้ผ่านเข้าห้องควบคุม

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ได้ปล่อยตัวพระสนิทวงศ์ชั่วคราว ด้วยหลักทรัพย์ประกันตัว 100,000 บาท ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ซึ่งพระสนิทวงศ์ได้ออกทางประตูด้านข้างของศาลธัญบุรี มีผู้สื่อข่าวเฝ้ารอทำข่าวเป็นจำนวนมากโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ทางศาลได้สั่งห้ามเอาไว้ ห้ามให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น และเดินทางขึ้นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส ออกจากศาลธัญบุรีในทันที

ทนายถามศาลเข้าวัดได้หรือไม่

ด้านทนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่พระสนิทวงศ์มาขึ้นศาลจังหวัดธัญบุรี ทางศาลได้พอใจในหลักทรัพย์ประกัน ทางด้านพนักงานสอบสวนได้มีการค้านประกันด้วย 2 เหตุผล 1.กลัวว่าพระสนิทวงศ์ จะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน 2.กลัวว่าจะหลบหนี ซึ่งทั้งสองเหตุผลนี้การที่จะหลบนี้นั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พระสนิทวงศ์ ก็จำวัดอยู่ที่วัดพระธรรมกายมาหลายปี หรือจะออกไปที่ไหนก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พระสนิทวงศ์เดินทางมามอบตัวกับพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง ส่วนที่จะไปยุ่งกับพยานหลักฐานนั้น แน่นอนอยู่แล้วเรื่องของพยานหลักฐานเป็นความลับของพนักงานสอบสวนเอง การจะไปทราบถึงเรื่องพยานหลักฐานหรือบุคคลใดนั้น เป็นเรื่องที่พระไม่อาจจะทราบได้อยู่แล้ว ศาลจึงเห็นว่าไม่ควรที่จะคัดค้าน

นายวิญญัติเปิดเผยว่า ทนายความได้สอบถามศาลว่าผู้ต้องหาจะเข้าออกวัดพระธรรมกายได้หรือไม่อย่างไร ศาลบอกว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ ไม่ได้ห้าม อะไรส่วนการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนั้น ศาลก็ไม่ได้ห้ามอะไร และมีประเด็นที่น่าสนใจคือ มีบางคนมักจะถามว่า ไม่อยากให้พระเข้าไปอยู่ในวัด ทางศาลก็ได้ให้ความชัดเจน พระก็ต้องอยู่ที่วัด ถ้าไม่ให้อยู่ในวัดแล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหน ซึ่งขณะนี้พระสนิทวงศ์เดินทางกลับวัดพระธรรมกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วิษณุชี้แจงขั้นตอนมส.พิจารณา

ที่ร.11 รอ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจเผชิญหน้ากับพระและลูกศิษย์วัดธรรมกาย บริเวณทางเข้าประตูที่ 4 ว่าส่วนที่มีภาพเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเผชิญหน้ากับพระและ ลูกศิษย์วัดนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เผชิญหน้า ซึ่งเห็นอยู่แล้วว่าทหาร ตำรวจไม่เผชิญหน้าเลย เพราะทางเจ้าหน้าที่ทั้งยกมือไหว้พระ พร้อมร่วมสวดกับพระด้วยกันตลอด ตนถามว่าแล้วจะมาเผชิญหน้ากันอย่างไร ซึ่งเรื่อง ดังกล่าวต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษยื่นเรื่องกล่าวหาพระไชยบูลย์ สุทธิผล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต่อสำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติเพื่อให้เสนอเรื่องถึงมหาเถรสมาคมพิจารณาว่า หากมีเรื่องอะไรตำรวจ หรือดีเอสไอจะเสนอผ่าน พศ.ซึ่งมีหน้าที่คัดกรองก่อนเสนอให้ มส.พิจารณา โดยเสนอทั้งเป็นลายลักษณ์และด้วยวาจา ในการประชุมมส.วันเดียวกันนี้ พศ.จะรายงานว่าได้ทำอะไรไปบ้าง เช่น การถอดถอนสมณศักดิ์ และสิ่งที่ อยากให้ มส.ช่วยดำเนินการ บางเรื่องที่อยากให้ มส.ทำ บางเรื่อง มส.ทำไม่ได้ตามที่มีการเสนอ แต่บางเรื่องหากต้องดำเนินการตาม พระธรรมวินัยจะต้องมีคนตั้งเรื่องขึ้นมา เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคมว่าด้วยนิคหกรรมฉบับที่ 11 และ 21 การให้สละสมณเพศ ที่มีขั้นตอนอยู่

“การยื่นเรื่องให้ มส.ดำเนินการนั้นใช่ แต่การตั้งเรื่องไม่ใช่เริ่มจากบนลงล่าง มส.คือครม. เวลามีเรื่องอะไรสามารถร้องได้ ซึ่ง ครม.สามารถส่งเรื่องไปยังกรมและกระทรวงเพื่อตั้งต้นเรื่อง มส.จะไม่เป็นผู้ลงมาสอบอะไรเอง แต่มส.เป็นเหมือนศาลฎีกาของสงฆ์ ดังนั้นต้องผ่านศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ แต่เทคนิคของเราในเรื่องนี้แทนที่จะไปศาลชั้นต้นเลย แต่ไปบอกให้ศาลฎีการู้ แล้วศาลฎีกาก็จะไปดำเนินการ ฉะนั้นในชั้นผู้ปกครองสงฆ์ชั้นต้นก็จะทำตามคำสั่งมส.” นายวิษณุกล่าว

ยันไม่สามารถสั่งสึกกลางอากาศ

นายวิษณุกล่าวว่า รัฐบาลต้องรอมติที่ ประชุมมส.ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นเพียงการรับทราบการรายงานของ พศ. ไม่ได้ตัดสินเรื่อง ดังกล่าวจนเกิดความชัดเจนในวันนี้ ส่วนจะสั่งการให้ดำเนินการอย่างไรต่อ ชาวบ้านอาจจะไม่รู้ แต่รัฐบาลรู้ว่าคณะสงฆ์ให้ความร่วมมือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาวันนี้ต้องแยกระหว่างวัดพระธรรมกายกับไม่ใช่วัดพระธรรมกาย พระที่ดีนั้นมีอยู่ สิ่งที่รัฐบาลวิตกมากคือ มีการพูดกันมากจนเกินไปว่าพระทั้งหลายเป็นฝ่ายผิดหรือบกพร่อง ทำให้เสื่อมความนับถือศรัทธา ในศาสนา ตรงนี้จะทำให้ศาสนาเกิดปัญหา รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดอย่างนั้น ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น การที่พระไม่กี่รูปทำผิด ไม่ได้หมายความว่าศาสนาหรือสังฆมณฑลมีปัญหาไปหมด เพราะพระดียังมีอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดกันว่าสามารถดำเนินการสึกพระไชยบูลย์กลางอากาศได้จริงหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มี เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าสึกกลางอากาศได้ พระจะหวั่นไหวกันทั้งประเทศ เรื่องการอาบัติปาราชิกท้ายที่สุดจะต้องฟังคำวินิจฉัยจาก มส.ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ต้องมีหลักประกันของสงฆ์เพื่อไม่ให้มีการสึกกันง่ายๆ ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวมีความยาวมาก จากชั้นต้น อุทธรณ์ และฎีกา เช่นเดียวกับคดีทางโลก ที่ใช้ระยะเวลายาวนานมาก

แจงถูกโจมตีทำลายพุทธศาสนา

ต่อข้อถามว่าขั้นตอนการพิจารณาเรื่องอาบัติปาราชิกจะใช้เวลาเป็นปีหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้ามีการขออุทธรณ์และฎีการะยะเวลาจะยาวนานเป็นปี ไม่เฉพาะกรณีวัดพระธรรมกาย ให้นึกถึงกรณีอื่นด้วย เมื่อพระมีเรื่อง พระท่านจะสึกเอง กระบวนการเลยจบ โดยการสึกของพระมี 2 อย่างคือ ลาสิกขาเองโดยสมัครใจ กับไม่สมัครใจคือกระทำผิด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะสึกประเภทก็ตาม ต้องมีตัวพระรูปนั้นๆ มา ภายหลังถ้าหายตัวหรือหลบหนีไป จะเหมือนคดีทางโลก คือยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ สุดท้ายถ้ามีคำวินิจฉัยว่าให้สึก ไม่ต้องมีตัวพระรูปนั้นก็ได้ เหมือนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือใครก็ตาม เมื่อหลบหนีคดีไปยังไม่ทันฟ้องร้องก็ดำเนินการฟ้องไม่ได้ แต่ถ้าฟ้องแล้วคุณหนีไปไม่เป็นไร

เมื่อถามว่าลูกศิษย์วัดพระธรรมกายโจมตีรัฐบาลว่าทำลายพระพุทธศาสนา นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นวิธีการพูดของคนฝ่ายนั้น เขาต้องพูดอย่างนั้น ไม่เป็นไร สังคมวินิจฉัยได้ ตนดู อยู่และเห็นว่าฝ่ายบ้านเมืองได้ทำด้วยความระมัดระวังที่สุด เรารู้ตลอดเวลาว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พยายามถ่ายทอดให้ฝ่ายปฏิบัติรับทราบ ไม่มีอะไรไปล่วงล้ำศาสนาหรือวัดเลย นายกฯ ให้นโยบายว่าให้ระลึกตลอดว่าวัดพระธรรมกายเป็นศาสนสถาน พระเป็นศาสนบุคคล ต้องระลึกไว้ตลอดเวลาว่าศาสนธรรมไม่มีอะไรวิปริต วันนี้เป็นเรื่องของพระบางรูป คนบางคน ที่กระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองแล้วก่อให้เกิดความเสียหาย เราไม่มีปรักปรำ คนเหล่านี้ยังบริสุทธิ์ แต่ต้องการเอาตัวเข้ามาสู่กระบวน การยุติธรรม เพราะเวลาล่วงเลยมายาวนานมากแล้ว

พศ.วาระจรให้มส.พิจารณา

เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม โดยมีวาระจร เรื่องที่ดีเอสไอ สตช. และ ปปง. ยื่นหนังสือถึงมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อขอให้นำเรื่องคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย เข้ากราบทูลสมเด็จพระอริย วงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพโร) และที่ประชุมมหาเถรฯ เพื่อพิจารณาด้วย

เวลา 13.50 น. สมเด็จพระสังฆราช เสด็จมาทรงเป็นประธานในการประชุม และเริ่มประชุมในเวลา 14.00 น. โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง การประชุมจึงแล้วเสร็จ สำหรับกรรมการมหาเถรฯ ที่เข้าร่วมครั้งนี้ ประกอบด้วย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก, สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการาม, สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม, สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร, พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศาราม, พระพรหมวิสุทธาจารย์ วัดเครือวัลย์, พระพรหมดิลก วัดสามพระยา, พระพรหมสิทธิ วัดสระเกศ, พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ, พระพรหมโมลี วัดปากน้ำภาษีเจริญ, พระพรหมเมธาจารย์ วัดบุรณศิริมาตยาราม, พระพรหมมุนี วัดราชบพิธฯ, พระพรหมบัณฑิต วัดประยุรวงศาวาส, พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา และพระธรรมบัณฑิต วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก

เจ้าคณะใหญ่หนกลางรับดูแล

จากนั้น พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายกนก แสนประเสริฐ รอง ผอ.สำนักพุทธ นายประดับ โพธิกาญจนวัตร โฆษก พศ.ออกมาแถลงข่าวผลการประชุม

พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวว่า เรื่องการถอดถอนสมณศักดิ์พระธัมมชโย และพระทัตตชีโว นั้นได้แจ้งให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคมรับทราบแล้ว และที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องของพระธรรมกายแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่จะดำเนินการให้พระทั้ง 2 รูป ต้องอาบัติปาราชิกนั้น พศ.ได้ส่งเรื่องให้เจ้าคณะปกครอง คือเจ้าคณะใหญ่หนกลางนำเรื่องนี้ไปพิจารณา โดยพศ.ได้ส่งเรื่องบางส่วนไปที่เจ้าคณะปกครองแล้ว และจะส่งเรื่องเพิ่มเติมให้เจ้าคณะปกครองนำไปพิจารณาในกรณีนี้ โดยเจ้าคณะปกครองจะนำเรื่องดังกล่าวส่งไปยังเจ้าคณะจังหวัด ก่อนส่ง ต่อไปยังขั้นตอนการบังคับบัญชาของคณะสงฆ์

ส่วนที่ผู้ร้องให้ใช้กฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศนั้น พศ.ได้ทำหนังสือเสนอให้เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ดำเนินการและเจ้าคณะหนกลางได้รับเรื่อง ดังกล่าวไว้แล้ว อย่างไรก็ตามจากกฎดังกล่าว ขั้นตอนการสึกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และที่บอกว่าเป็นอำนาจของมหาเถรสมาคมที่จะจับสึกพระธัมมชโยนั้นไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด

ใช้กฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21

พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวต่อว่า การดำเนินการพิจารณาของเจ้าคณะใหญ่หนกลางนั้นไม่มีกำหนดระยะเวลาว่าจะต้องแล้วเสร็จเมื่อใด แต่จะส่งหลักฐานที่ได้จากดีเอสไอ ตำรวจ และปปง. ให้นำไปพิจารณา หลังจากนี้ต้องรอการพิจารณาจากเจ้าคณะปกครอง โดยที่พศ.จะเป็นผู้คอยสนับสนุนข้อมูล แต่หาก เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปตรวจค้นวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโยอยู่ภายในวัด พระธัมมชโยสามารถแก้ข้อกล่าวหาตามกฎนี้ได้ แต่ถ้าไม่แก้ข้อกล่าวหาก็สามารถพิจารณาคดีย้อนหลังได้ อย่างไรก็ตามการพิจารณาตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ขณะนี้เป็นเพียงแค่ขั้นตอนการร้องเรียนเป็นจุดเริ่มต้นแค่จุดที่ 1 เท่านั้น ทั้งนี้ยืนยันว่าในสถานการณ์เช่นนี้จะดำเนินการเรื่องนี้ช้าไม่ได้อย่างแน่นอน

นายกนกกล่าวว่า ตอนนี้มี 2 กฎมหาเถรสมาคมหลักๆ คือ ฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม และฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ที่จะนำมาใช้พิจารณาในเรื่องนี้อยู่ที่เจ้าคณะปกครองว่าจะพิจารณาใช้กฎใดในการตัดสินอธิกรณ์ในครั้งนี้ แต่เพื่อความรวดเร็วอาจต้องใช้กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ส่วนขั้นตอนตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ข้อ 3(1) นั้น เจ้าคณะใหญ่หนกลางที่ดูแลพื้นที่ปกครองภาคกลาง จะสั่งไปยังเจ้าคณะภาค 1 ก่อนคำสั่งจะไล่เรียงไปถึงเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง เจ้าคณะตำบลคลองหลวง จนไปถึงเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

ให้อำนาจเจ้าอาวาสสอบ-สั่งสึกได้

นายกนกกล่าวต่อว่าขณะนี้พระธัมมชโย และพระทัตตชีโวนั้นถือเป็นพระลูกวัด จึงต้อง ส่งอกสารหลักฐาน ให้รักษาการเจ้าอาวาสเป็นผู้ดำเนินการ ตามคำร้องของผู้ถูกร้องเรียน ซึ่งผู้ที่ถูกร้องเรียนสามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ ตามระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ และถ้าไม่มาโต้แย้งก็สามารถพิจารณาตามพยานหลักฐานที่มีได้เลย เหมือนการพิจารณาความอาญา แต่หากรักษาการเจ้าอาวาสไม่ดำเนินการตามนั้น ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าคณะปกครองต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร

นายกนก กล่าวต่อว่า ส่วนที่เทียบเคียงกับพระสงฆ์ที่ทำผิดพระธรรมวินัย เช่นดื่มเหล้า แล้วถูกจับสึกนั้น ก็ใช้กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 เหมือนกันที่ให้เจ้าอาวาสเข้าไปสอบสวน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยอมและจำนนด้วยหลักฐาน จึงต้องลาสิกขาไป แต่ขณะนี้ยังไม่พบพระธัมมชโย ซึ่งการดำเนินการนั้นเหมือนกันหมดที่เห็นว่าพระชาวบ้านทำไมถึงลาสิกขานั้น เพราะท่านยอมเรื่องจึงจบ อย่างไรก็ตามหากไม่เจอตัวพระธัมมชโย ก็สามารถพิจารณาตามหลักฐานที่มีได้เลย

เผยรายละเอียดอำนาจในข้อ 3(1)

ด้านนายประดับกล่าวว่า ส่วนที่มีการเทียบเคียงคดีของพระธัมมชโย กับพระยันตระนั้น ตอนนั้นเราใช้กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 ในการดำเนินการร่วมกับกฎต่างๆ แต่การดำเนินการไม่ทันใจชาวพุทธ จึงร่วมกันยกร่างกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ขึ้นมาใช้ ประกอบกับพระยันตระล่วงละเมิดกฎหมายฉบับอื่นทำให้มีความผิดเพิ่มขึ้น และหากล่าช้าจะทำให้พระศาสนาเสื่อมเสียจึงใช้กฎ มส.ฉบับที่ 21 กับพระยันตระ จนยอมออกไปนอกประเทศ

สำหรับกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ในข้อ3(1) นี้บัญญัติว่าในกรณีพระภิกษุรูปใดประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเรื่องเดียวกันหรือหลายเรื่องเป็นอาจิณ ให้เจ้าอาวาสซึ่งพระภิกษุรูปนั้นสังกัดหรือพำนักอาศัยมีอำนาจหน้าที่ แนะนำ ชี้แจง ตักเตือน ให้พระภิกษุรูปนั้นประพฤติตามพระธรรมวินัยเป็นลายลักษณ์อักษร โดยกำหนดเวลาให้ปฏิบัติ หากพระภิกษุ รูปนั้นไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ชี้แจงตักเตือน ภายในเวลาที่กำหนด ให้เจ้าอาวาสวัด ซึ่งพระภิกษุรูปนั้นสังกัดหรือพำนักอาศัย รายงาน โดยลำดับจนถึงเจ้าคณะอำเภอเจ้าสังกัด เพื่อวินิจฉัยให้สละสมณเพศต่อไป

ดีเอสไอเชื่อธัมมชโยหลบหนี

เมื่อ16.30 น. ที่สภ.คลองหลวง พ.ต.อ. ไพสิฐ พร้อมด้วย พระเทพรัตนสุธี นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ต. ถาวร ขาวสอาด ผบก.จ.ปทุมธานี พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ทหาร พล.ปตอ. เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เผยการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมพระธัมมชโยว่า ในนามกองอำนวยการร่วม เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.จนถึงวันนี้ 23 วันแล้ว รวมมีคดีอาญา 43 คดี ออกหมายเรียกตัว ผู้เกี่ยวข้องคดีตั้งแต่ก่อนใช้มาตรา 44 รวมถึงประกาศใช้มาตรา 44 แล้วทั้งหมด 316 ราย มีบุคคลที่ใช้มาตรา 44 เรียกมาพบ 80 ราย

ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ขอหัวหน้าคสช.ใช้อำนาจมาตรา 44 ในการควบคุมพื้นที่เพื่อค้นหา และตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ และได้รับการร่วมมือกับหลายหน่วยงานทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และคณะสงฆ์ จนวันนี้ทางวัดพระธรรมกายได้ยินยอมให้ค้นในจุดที่เจ้าหน้าที่สงสัย เนื่องจากการเข้าค้นในวันแรก บางจุดที่มีการล็อกกุญแจ และบางพื้นที่ ที่การข่าวว่าพระธัมมชโยหลบซ่อนตัวอยู่

“วันนี้ได้ตรวจค้นจุดต้องสงสัยทุกจุดแล้ว แต่ไม่พบพระธัมมชโย ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็น ผู้ต้องหาหลบหนีตามหมายจับ เมื่อท่านไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ส่วนพระธัมมชโยหลบหนีไปไหน ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากตำรวจ ตม.ด่านทั่วประเทศว่าท่านหลบหนีออกทางช่องทางปกติ ยกเว้นจะหลบหนีออกช่องทางพิเศษ ส่วนเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ก็จะยังคงสืบสวนหาข่าวพระธัมมชโยต่อไป” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว

ให้กลับเข้าในวัด-เตรียมเลิกม.44

พ.ต.อ.ไพสิฐ เผยต่อว่า นับแต่วันนี้ให้พระและลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ให้ออกจากพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง ให้กลับเข้าไปในวัดพระธรรมกาย หรือกลับที่พักนอกจากนี้วัดพระธรรมกายจะต้องรื้อสิ่งกีดขวาง สแลน อุปกรณ์ทุกชนิดรอบๆ วัดออกให้หมด อีกทั้งที่ขุดดิน 5 ร่อง บริเวณใกล้ๆ อาคารบุญรักษา ที่ไว้กีดขวางเจ้าหน้าที่ ต้องกลบให้หมด แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ถอนกำลังออก ยังคงไว้อยู่ เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และป้องกันมือที่ 3 และแกนนำมวลชนอื่นๆ เข้ามาปลุกระดม ส่วนการปลุกระดมทางโซเชี่ยล วัดพระธรรมกายก็รับปากว่าจะยุติด้วย โดยระหว่างที่ให้เวลาในการเคลียร์พื้นที่ และปรับทุกอย่างให้กลับสู่สภาพวัดปกติ กระทั่งวัดกลับสู่สภาพปกติ 100% ทางกองอำนวยการร่วมจะถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกทั้งหมด 100% หลังจากนั้นทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และตำรวจ ภูธรจังหวัดปทุมธานีจะดูแลความเรียบร้อย ต่อไป ส่วนตนในฐานะอธิบดีดีเอสไอจะทำหนังสือรายงานถึงรมว.ยุติธรรม เพื่อขอให้ยกเลิกมาตรา 44 จากนั้น รัฐมนตรีก็จะทำหนังสือถึงหัวหน้า คสช.ให้ยกเลิกประกาศ มาตรา 44 ตามระเบียบและขั้นตอน

เจ้าคณะจังหวัดให้พระเคารพกม.

ด้านพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พระวินยาธิการมาเข้าร่วมการปฏิบัติหน้าที่กับเจ้าหน้าที่ หลังมีคำสั่งจากอธิบดีดีเอสไอ ให้เจ้าคณะปกครองพระสังฆาธิการ เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะ อำเภอ เจ้าคณะจังหวัด และพระวินยาธิการ เข้าร่วมในการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย และจากการตรวจค้นวันนี้ พระวินยาธิการได้รายงานมาไม่พบบุคคลตามหมายจับแล้ว

“อยากฝากถึงพระสงฆ์ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใครอยู่เหนือกฎหมาย พระสงฆ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญประเทศไทยด้วย แต่พระสงฆ์ก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัยสงฆ์ด้วยเช่นกัน เพื่อให้กฎหมายบ้านเมืองศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในส่วนการดูแลวัดพระธรรมกายนั้นเจ้าคณะหนใหญ่ ได้ตั้งนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความเข้ามาดูแลในระหว่างนี้ วันนี้พระสงฆ์ ได้ช่วย เจ้าหน้าที่ตามที่ปรากฏเป็นข่าวจนเสร็จสิ้นแล้ว ขอเจริญพร”พระเทพรัตนสุธีกล่าว

ด้าน พ.ต.ต.สุริยา เปิดเผยว่า หากทางกลุ่มศิษยานุศิษย์ และพระวัดพระธรรมกายยังไม่ดำเนินการเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดตามที่ตกลง กันไว้ ก็จะยังคงกำลังเจ้าหน้าที่ไว้จนกว่าจะดำเนินการทุกอย่างให้กลับเป็นปกติต่อไป

ผ่อนปรน-เปิดทางให้ศิษย์เข้าวัด

รายงานข่าวแจ้งว่า กองอำนวยการร่วมกรมสอบสวนคดีพิเศษ(กอร.)ทำหนังสือถึง เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระบุว่าเนื่องด้วยภารกิจการตรวจค้นวัดพระธรรมกายได้ลุล่วงไปชั้นหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงให้จุดปฏิบัติการ และจุดตรวจ จุดสกัด ทุกจุดผ่อนปรนการปฏิบัติ ดังนี้ จุดปฏิบัติตามประตูทางเข้าออกวัดพระธรรมกาย ให้เปิดทางให้พระสงฆ์และประชาชนเข้าออกได้ตามปกติโดยไม่ต้องคัดกรอง จัดทำประวัติ หรือบันทึกข้อมูล ทั้งนี้ให้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ณ จุดปฏิบัติการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และป้องกันเหตุด่วนเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น

สำหรับกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณปากคลองแอล ใกล้ประตู 5 เอาแผงกั้นเหล็กออกจากบริเวณดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนสัญจรได้ตามปกติ จุดตรวจจุดสกัดรอบนอกวัดพระธรรมกาย ให้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนสัญจรได้ตามปกติ และจุดปฏิบัติการบริเวณตลาดกลางคลอง หลวงและประตู 7 ให้คงแนวการปฏิบัติตามคำสั่งเดิม และรอรับการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ผ่อนปรน บรรดาลูกศิษย์ได้ย้ายจากที่ชุมนุมตลาดกลางคลองหลวงเข้าไปในวัดพระธรรมกายด้วยรอยยิ้ม และดีใจ นอกจากนี้ยังมีศิษย์จากที่อื่นๆ ทยอยเข้าไปในวัดอีกเรื่อยๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน