‘เสี่ยตูน-ซ้อนิ’ จัดงานศพให้ ‘น้องยูโร’ น้องหมาพันธุ์ปั๊ก ที่จากไป หลังผูกพันกันมากว่า 10 ปี พร้อมบริจาคเงินทำบุญกว่า 5 ล้าน เผยเลี้ยงเหมือนลูก ฝากเงินในบัญชีให้หลายล้าน ยอมยกรถซุปเปอร์คาร์แลกกับชีวิตให้กลับคืนมา

จัดงานศพให้หมา /เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบเพจเฟซบุ๊กของบุคคลที่ใช้นามว่า aoy apache หรืออ้อย อาปาเช่ นำภาพการจัดงานศพให้กับสุนัขพันธุ์ปั๊ก มาโพสต์ลงในเฟสบุ๊กส่วนตัว ซึ่งขั้นตอนและวิธีการเสมือนการตั้งศพเพื่อสวดพระอภิธรรมศพให้กับมนุษย์ทุกประการ

นอกจากนี้ บุคคลดังกล่าวยังเขียนบรรยายข้อความเอาไว้ด้วยว่า “ร่วมงานไว้อาลัยสิ่งที่รักที่หวงที่สุด..ในครอบครัวสมบูรณ์ทรัพย์ “น้องยูโร” ร่วมบุญกุศลให้น้องยูโร…พี่ตูนทำบุญให้วัดรางหมัน 5 ล้านบาท และมอบเงินให้มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ อีก 1 แสนบาท เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ดำน้ำ เพื่อเป็นสาธารณกุศล เพื่อส่งให้น้องยูโรไปอยู่ในภพภูมิที่ดี….ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักครับ”

การที่บุคคลที่ใช้นามว่า “aoy apache” หรืออ้อย อาปาเช่ นำภาพดังกล่าวมาโพสต์พร้อมกับบรรยายข้อความเอาไว้นั้น สร้างความสนใจและแปลกใจให้กับประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นอย่างมาก ผู้สื่อข่าวจึงประสานคุณ “aoy apache” หรืออ้อย อาปาเช่ เพื่อให้นำพาไปพบกับครอบครัว สมบูรณ์ทรัพย์ เพื่อขอสอบถามถึงความเป็นไปเป็นมา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงเดินทางยังสถานที่การตั้งศพเพื่อสวดพระอภิธรรมให้กับ น้องยูโร อยู่ภายในบ้านเลขที่ 111 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ไปถึงพบบ้านหลังดังกล่าวเป็นคฤหาสน์หรูหลังขนาดใหญ่ ปลูกอยู่ในเนื้อที่ที่กว้างขวาง บริเวณโดยรอบจัดเป็นสวนหย่อมได้อย่างสวยงาม

สำหรับบรรยากาศ มีการนำเก้าอี้มาตั้งรอรับแขกที่จะเดินทางมาร่วมฟังพระสวดพระอภิธรรม เกือบ 100 ตัว นอกจากนี้ แม่ครัวยังทำอาหารคาวหวานเพื่อรอรับแขกที่เดินทางมาร่วมฟังพระสวดพระอภิธรรมในเวลา 20.00 น. อีกด้วย

ทั้งนี้นายพรพิทักษ์ หรือเสี่ยตูน และคุณนภัสนันท์ หรือคุณนิ สมบูรณ์ทรัพย์ สองสามีภรรยา เจ้าภาพการจัดงานศพและเป็นเจ้าของคฤหาสน์หรูหลังดังกล่าว เล่าถึงความเป็นมาในการจัดงานพิธีสวดพระอภิธรรมศพให้กับ น้องยูโร สุนัขพันธุ์ปั๊ก ให้ฟังว่า

เรานำน้องยูโร มาเลี้ยงตั้งแต่มีอายุได้เพียงแค่ 20 วัน จนกระทั่งน้องยูโรตายลงในวัย 13 ปี หากจะเปรียบอายุของคนกับสุนัขก็เท่ากับว่าน้องยูโรมีอายุยืนถึง 91 ปี (1 คูณ 7 ปี) โดยตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวของเรามีความผูกพันกับน้องยูโร โดยไม่เคยคิดว่าน้องยูโรเป็นอย่างอื่นนอกจากคิดว่าเป็นคนและเรารักน้องยูโรเหมือนลูกคนหนึ่ง

“เวลานอนเราก็นอนอยู่บนเตียงด้วยกัน เรียกได้ว่าเรานอนหนุนหมอนคนละครึ่งใบเลยก็ว่าได้ ถามว่าเราสองคนมีความผูกพันกับน้องยูโรมากน้อยแค่ไหน ตอบได้เลยว่าเรามีความผูกพันกับน้องยูโรมากกว่าลูกเสียอีก เพราะลูกต้องไปเรียนหนังสือ ทำให้เราสามีภรรยาต้องอยู่บ้านกันเพียงลำพังสองคน” นายพรพิทักษ์ กล่าว

พูดกันง่ายๆนอกจากน้องยูโร จะนอนเตียงเดียวกันกับเราแล้ว น้องยูโรยังกินข้าวกับเราสองคนบนโต๊ะเดียวกันอีกด้วย เพื่อนฝูงทุกคนที่มาเยี่ยมที่บ้านต่างก็รู้กันเป็นอย่างดี หลังจากกินข้าวมื้อเย็นเสร็จก็จะขึ้นไปนอนพร้อมกัน ซึ่งเป็นเช่นนี้ทุกวันมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี เราสองคนจึงมีความผูกพันกับน้องยูโรเหมือนเป็นลูกในไส้จริงๆ

นายพรพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ด้วยความสำนึกของคน เมื่อเราเคยนอนอยู่ด้วยกันและกินอยู่ด้วยกันมาตลอดเวลา เมื่อวันหนึ่งต้องมีการพัดพรากจากกัน ถามว่าความรู้สึกของคนเมื่อมีการพัดพรากจากกันจะมีความรู้สึกอย่างไร ก็ต้องบอกเลยว่าเราสองคนสามีภรรยา ยังรู้สึกทำใจไม่ได้ เราอยู่ด้วยกันเราก็มีความรัก เมื่อเขาจากเราไปแล้วเราจะทำอย่างไรดี เพราะเรารักเขาเหมือนลูก

จึงคิดว่าเมื่อเราเกิดมาในศาสนาพุทธ เราจึงต้องการให้เขาได้ไปเกิดใหม่ในภูมิภพที่ดีๆ อะไรที่เราทำได้เราก็จะทำ ถามว่าจะให้เรานำไปฝังเหมือนกับคนที่รักสุนัขด้วยกันทั่วๆไปไหม คนอื่นอาจจะทำอย่างนั้น แต่ส่วนตัวของเราแล้ว น้องยูโร คือลูกของครอบครัวเราคนหนึ่ง จึงทำอย่างนั้นไม่ลงคอ เราสองคนสามีภรรยาจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกันดี เพราะความรักความผูกพันของเรามันยิ่งใหญ่เกินคำอธิบาย

ดังนั้นสิ่งที่เราทำให้กับน้องยูโร ในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้ตัวตนของเขาได้รับในสิ่งที่ดีที่มีอยู่ในชาติหน้า คืนวันแรกที่น้องยูโรเสียชีวิตคือวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ครอบครัวของเราได้โทรไปปรึกษากับเจ้าอาวาสวัดประชาราษฎร์บำรุง หรือวัดรางหมัน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่เรานับถือมานาน เจ้าอาวาสแนะนำให้เราทำบุญกรวดน้ำไปให้ 3 เช้า และให้เราทำบุญสวดมนต์เย็น 3 วัน เราจึงทำตามคำแนะนำของท่านเจ้าอาวาสทุกอย่าง

ย้อนกลับไปเกี่ยวกับเรื่องการเก็บศพ ซึ่งก็มีคนแนะนำให้นำไปฝัง หรือแม้กระทั่งนำร่างน้องยูโรไปเผาก็มี แต่เมื่อเราทำไม่ลงคอ จึงตัดสินใจสร้างสุสานขึ้นมาภายในบริเวณบ้าน เพื่อเป็นที่เก็บร่างของน้องยูโรและเราคิดว่าในเมื่อน้องยูโรเขาเสียไปแล้ว เราก็ต้องการทำบุญเพราะเราสองคนภรรยาชอบทำบุญอยู่แล้ว โดยในพื้นที่มีมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์เครื่องดำน้ำเพื่อค้นหาร่างของผู้สูญหาย ซึ่งจะต้องใช้เงินซื้ออุปกรณ์ชนิดดังกล่าวประมาณ 1 แสนบาท เราจึงทำบุญมอบเงินให้กับตัวแทนมูลนิธิฯ และหลังจากเสร็จงานนี้แล้ว เราสองคนภรรยาก็จะนำเงินไปทำบุญถวายให้กับท่านเจ้าอาวาสวัดรางหมันอีก จำนวน 5 ล้านบาท ทั้งหมดที่ทำนี้ ก็เพื่อทำบุญให้กับน้องยูโร โดยแท้จริง และทำด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ

นายพรพิทักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการสูญเสียชีวิตถ้าเป็นตนและภรรยาคงไม่เสียใจเท่ากับการจากไปของน้องยูโร ก็เป็นไปได้ และตนก็มีรถซุปเปอร์คาร์อยู่หลายคัน ถ้าแลกกันได้ตนพร้อมยกรถซุปเปอร์คาร์ให้ได้ไม่ว่าจะจำนวนกี่คันก็ตาม เพื่อแลกกับลมหายใจและชีวิตของน้องยูโรให้คืนกลับมา ขอบคุณบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมฟังพระสวด ในแต่ละวันทางตนยังมีวัตถุมงคลมอบให้กับทุกๆ คนที่มาร่วมอาลัย กับการสูญเสียของครอบครัวสมบูรณ์ทรัพย์ติดไม้ติดมือไปบูชากัน

ด้าน พระอธิการสมศักดิ์ อินฺโท เจ้าอาวาสวัดรางหมัน เปิดเผยว่า อาตมาก็รู้จักกับโยมตูนมาก็เป็นเวลา 10 กว่าปี ตั้งแต่วัดรางมันไม่มีอะไร จนปัจจุบันวัดรางมันมีความเจริญรุ่งเรือง โดยโยมตูนเป็นโยมอุปถัมภ์มาอย่างยาวนาน โดยตลอดเวลาให้การช่วยเหลือมาโดยตลอด ซึ่งทำให้ปัจจุบันวัดรางหมันเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย

ก่อนหน้านี้อาตมาเห็นน้องยูโรก็อยู่กับโยมตูนมาอย่างยาวนาน โดยน้องยูโรสุนัขอันเป็นที่รักของโยมตูน ก็มีเงินฝากในบัญชี จากการเปิดบัญชีให้ของโยมตูนและภรรยา ซึ่งน้องยูโรก็เปรียบเสมือนลูกของโยมตูนคนหนึ่ง โดยจากการสูญเสียในครั้งนี้ น้องยูโรที่มีบัญชีเงินฝากอยู่จำนวนหลายล้านบาท โดยเมื่อทางวัดรางหมันมีความประสงค์หรือกิจด่วนอื่นใด จะต้องใช้เงินก็สามารถนำเงินส่วนนี้มาใช้จ่ายได้ ซึ่งก็เหมือนการทำบุญสร้างกุศลให้กับน้องยูโรด้วยอีกทางหนึ่ง

ส่วนตัวของอาตมาก็ต้องแสดงความเสียใจในการสูญเสียครั้งนี้ ซึ่งการสูญเสียก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ โดยเมื่อทางบ้านสมบูรณ์ทรัพย์มีการเลี้ยงพระและประกอบพิธีสงฆ์ต่างๆ อาตมาก็จะเห็นมีน้องยูโร มากับโยมตูนและภรรยาด้วยเสมอ และจากการทำพิธีสงฆ์ในครั้งนี้ของโยมตูน ซึ่งอาตมาก็เคยพบเจอแบบนี้มาก่อน ซึ่งก็ไม่ได้จัดใหญ่โตขนาดนี้ ก็จัดโดยทั่วไป ยกตัวอย่างที่กรุงเทพฯก็จัดแบบนี้ และทางต่างจังหวัดก็มีเช่นกัน โดยหลักๆ ก็ไม่ใหญ่เท่านี้ ซึ่งในครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งประวัติศาสตร์ เพราะจัดงานใหญ่มาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน