ทหาร-ตร.สนธิกำลังลุยค้น 9 จุดเครือข่าย “โกตี๋”แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี รวมทั้งตู้คอน เทนเนอร์ย่านบางพลี พบอาวุธสงครามเพียบ ทั้งปืน-กระสุน ระเบิดขว้าง นับร้อยลูก คุมตัวไปสอบในมทบ.11 ด้าน “บิ๊กแดง”อ้างเชื่อมโยงกลุ่มการเมืองด้วย อนุกมธ.ปรองดองของสปท.ยันไม่มีเรื่องนิรโทษกรรม อย่าคิดไปเอง ระบุปรองดองเริ่มเดือด เหตุปชป.-สปท.เปิดศึกวิวาทะ ปชป.-พท.หนุนสอบภาษีนักการเมือง แต่ต้องสอบบิ๊กขรก.ด้วย โดยใช้บรรทัดฐานเดียวกัน ด้านผู้ว่าการสตง.ยันไม่เลือกปฏิบัติ เดินหน้าสอบภาษี 60 นักการเมือง อ้างติดกฎหมายจึงเผยรายชื่อไม่ได้ จี้กรมสรรพากรเร่งประเมินภาษีหุ้นชินคอร์ป หากยังอืด ยุ”บิ๊กตู่”เปลี่ยนตัว ผู้บริหาร อดีตรมว.คลังแนะใช้ม.44 ขยายเวลาอายุความเรียกเก็บภาษีหุ้นชินฯ โพลเผยชาวบ้านหงุดหงิดรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้

อนุปรองดองยันไม่ชงนิรโทษ

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ(กมธ.)ปรอง ดองของกมธ.การเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า รายงานการศึกษาเรื่องปรองดอง ของอนุกมธ.ปรองดอง สปท. ไม่มีเรื่องการนิรโทษกรรมแน่นอน การออกมาโจมตีเป็นเพียงเรื่องคิดเองเออเอง จากการแสดงความเห็นของพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่ผ่านมา ทำให้เห็นจุดยืนของแต่ละฝ่ายว่า สุดโต่งไปคนละทาง อย่างพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอานิรโทษกรรม ให้ยึดตามกฎหมายเป็นหลักเหมือนคสช. ส่วนกปปส. อยากปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง ซึ่งความเป็นจริงคงทำได้แค่แผน ด้านเพื่อไทยและนปช. เสนอในโทนให้มีนิรโทษกรรม ไม่เอารัฐประหาร

พล.อ.เอกชัยกล่าวว่า ทั้งนี้ การทำงานปรองดองคงต้องหาจุดร่วมมาดำเนินการก่อน โดยสิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน คือเรื่องการปฏิรูปความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการนิรโทษกรรมผู้ชุมนุมในคดีเล็กน้อย แต่หากยังมีการตอบโต้ระหว่างสปท.และพรรคประชาธิปัตย์ผ่านสื่อแบบนี้ อาจทำให้กระทบต่อบรรยากาศการปรองดอง และกลายเป็นเงื่อนไขของปัญหาใหม่ได้ การเมืองในระหว่างการปรองดองจำเป็นต้องนิ่ง

วอนปชป.-สปท.ยุติศึกวิวาทะ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท. คนที่ 1 กล่าวถึงเสียงวิจารณ์กรณีการตอบโต้คารมระหว่างนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน กมธ.การเมือง สปท. กับอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กระทบบรรยากาศการปรองดองว่า ขอวิงวอนทุกฝ่าย ทั้งสปท. พรรค กลุ่มการเมือง หรือใครก็ตาม เพราะขณะนี้คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) กำลังสร้างบรรยากาศของประเทศไปสู่ความสามัคคีปรองดอง โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากพรรค กลุ่มการเมืองต่างๆ

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนในฐานะกรรมการป.ย.ป.เคยแนะนำแล้วว่า ในช่วงการทำงานของ ป.ย.ป. ทุกฝ่ายต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศสามัคคีปรองดองขึ้น หลีกเลี่ยงการยั่วยุหรือรื้อฟื้นเรื่องที่เป็นปมขัดแย้งต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดวิวาทะ จนทำลายบรรยากาศในช่วงเวลานี้ไป ดังนั้น จึงอยากให้ช่วยกันตระหนักในแนวทางของป.ย.ป. และอยากให้ระมัดระวัง อดทน อดกลั้น หากจะมีการแสดงความคิดเห็น ก็อยากให้เป็นไปด้วยความสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการกล่าวหาใส่ร้ายกันไปมา

เด็กปชป.จวก”เสรี”จ้องดิสเครดิต

นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายเสรี สุวรรณภานนท์ กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้ความร่วมมือในเรื่องปรองดองกับกมธ.ว่า เป็นการพูดให้ร้ายพรรคเพื่อให้สังคมเข้าใจผิด ยืนยันพรรคให้ความร่วมมือ ตนเป็นตัวแทนพรรคไปยื่นหนังสือให้กมธ.ชุดของนายเสรี เมื่อ วันที่ 30 ม.ค.ว่า เราพร้อมให้ความร่วมมือและเมื่อมีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2560 แต่งตั้งป.ย.ป. เพื่อทำหน้าที่โดยตรงในเรื่องปรองดอง เราจึงบอกว่าจะไปให้ความเห็นกับป.ย.ป. เพื่อความเป็นเอกภาพ ป้องกันความสับสนในด้านข้อมูล ต่อมาพรรคก็เข้าไปให้ความเห็น ยืนยันว่าพรรคสนับสนุนการปรองดองที่อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายและความถูกต้อง

นายราเมศกล่าวว่า พรรคและคนของพรรคอยู่กับระบอบประชาธิปไตยมายาวนาน การเสนอความเห็นและการมีส่วนร่วมถือเป็นหลักพื้นฐาน แต่ความเห็นจากกมธ.ของนายเสรีในบางเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามหลักการ ก็ต้องท้วงติงตรวจสอบ ซึ่งนายเสรีไม่เข้าใจระบบการถ่วงดุล ท้วงติงตรวจสอบ เพราะมาจากการแต่งตั้ง จึงรับไม่ได้กับสิ่งเหล่านี้ หน้าที่ที่ถนัดของนายเสรีและ สปท. บางคนคือทำลายความน่าเชื่อถือของนักการเมืองจนเกิดความเชี่ยวชาญเพราะมีตำแหน่ง ส.ว.เป็นเดิมพันอยู่ข้างหน้า

“นักการเมืองที่ดี เขาอยู่เคียงข้างประชาชนเพราะเขามาจากประชาชน เขาไม่อยู่ข้างทหาร การที่ด่านักการเมืองจนเกิดความชำนาญ นายเสรีคงคิดว่าสักวันคงจะเหาะเหินเดินอากาศได้ก็จงทำต่อไป หากคิดทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับประชาชนเชื่อว่าไม่มีใครท้วงติงนายเสรีเลย ให้นายเสรีจำไว้ให้ขึ้นใจว่าถ้ามาให้ร้ายพรรค ผมก็ไม่ยอมเพราะที่นี่คือบ้านของเรา” นายราเมศ กล่าว

“มาร์ค”พร้อมให้สอบยื่นภาษี

ที่สถาบันพระปกเกล้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งกรมสรรพากรให้เรียกเก็บภาษีจากนักการเมือง 60 คนในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า หากมีการตรวจสอบและยินดีให้ความร่วมมือ เพราะตนยื่นเสียภาษีอย่างถูกต้องมาตลอด และเป็นเรื่องดีที่ สตง.จะทำเรื่องนี้ให้ถูกต้อง เนื่องจากทุกอาชีพจะต้องจ่ายภาษี และเท่าที่พูดคุยกับอดีตส.ส.บางคนที่อยู่ในรายชื่อ ก็ได้ไปให้ข้อมูลกับ สตง.แล้วซึ่งก็ไม่มีปัญหา

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เข้าใจว่า สตง.มาดำเนินการในส่วนนักการเมืองนั้นน่าจะพิจารณาจากนักการเมืองต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินรวมถึงแบบการเสียภาษีด้วย ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจสอบโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเฉพาะหลักฐานการเสียภาษีในปีนั้นๆ แต่ สตง. ไปพิจารณว่าบัญชีทรัพย์สินกับจำนวนเงินเสียภาษีสอดคล้องกันหรือไม่ เมื่อเกิดข้อสงสัยเขาจึงส่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบ และหากพบความผิดก็เป็นความผิดเฉพาะบุคคล

ชี้ดูแค่บัญชียื่นปปช.ไม่ได้

เมื่อถามว่า สตง.อ้างว่าอดีตรัฐมนตรีบางคนมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหลังพ้นจากตำแหน่งแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูว่าเป็นการเสียภาษีเงินได้หรือไม่ ตนคิดว่าจะพิจารณาจากการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในช่วงก่อนและหลังยื่นบัญชีฯ เท่านั้นไม่ได้ เพราะทรัพย์สินที่ถือครอง เช่น ที่ดิน สามารถเปลี่ยนแปลงมูลค่าเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา แต่จะตีความเป็นรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นไม่ได้ ดังนั้น ต้องแยกแยะกัน ถ้าเป็นเรื่องของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นแล้วไม่สอดคล้องกับการเสียภาษีเงินได้ ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนตรงนั้น

ต่อข้อถามว่านายวิษณุ เครืองาม รอง นายกฯ ระบุจะนำกรณีการเรียกเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ ไปใช้เป็นบรรทัดฐานเก็บภาษีของคนอื่นๆ ด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเก็บภาษีต้องทำให้เหมือนกันต่อทุกอาชีพและทุกรัฐบาลด้วย

เมื่อถามว่ามองเจตนาของ สตง.ที่ตรวจสอบภาษีของนักการเมืองในตอนนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วเคยมีข้อเสนอแก้ปัญหาการเสียภาษีและการทุจริตว่าควรตรวจสอบการเสียภาษีให้เข้มข้นขึ้น โดยต้องดูว่าสอดคล้องกับทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วย

เชื่อไม่กระทบงานปรองดอง

ส่วนการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปของนายทักษิณ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สมัยตนเป็นรัฐบาลได้ดำเนินการเรียกเก็บภาษี หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาตัดสิน และศาลภาษีอากรกลางมีคำวินิจฉัยให้เก็บภาษีเพราะเป็นการซื้อขายหุ้นนอกตลาด ซึ่งกรมสรรพากรเห็นว่าบุคคลที่ซื้อขายหุ้นเป็นนอมินี จึงได้เรียกเก็บภาษีไปยังเจ้าของที่แท้จริง แต่เรื่องกลับยุติลงในปี 2555 เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล และกรมสรรพากรอ้างว่าเป็นการซื้อขายหุ้นที่ถูกต้องในตลาดหลัก ทรัพย์ ไม่ต้องเสียภาษี

ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าการเรียกเก็บภาษีจากนักการเมือง 60 คนและนายทักษิณ อาจส่งผลกระทบต่อการสร้างความปรองดอง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถือเป็นคนละส่วน ต้องแยกออกจากกัน เรื่องภาษีเป็นความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งทุกคนต้องทำตามกฎหมาย ขณะที่การปรองดองต้องไม่ละเว้นคนที่ทำผิดกฎหมาย หรือไปกลั่นแกล้ง ทุกอย่างต้องทำตามกติกา จะอ้างความปรองดองแล้วละเว้นความผิดไม่ได้

พท.จี้ตรวจสอบบิ๊กขรก.ด้วย

นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไฟเขียวให้ตรวจสอบภาษีของนักการเมืองกว่า 60 คนว่า เป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้ชัดเจนว่าใครถูกผิดอย่างไร หากมีการตรวจสอบอย่างเป็นธรรมแล้วฝ่ายการเมืองก็พร้อมให้ความร่วมมือ ให้ใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา แต่อย่าใช้อภินิหารทางกฎหมาย

นายสมคิดกล่าวว่า สิ่งที่อยากเรียกร้องคือ อย่าตรวจสอบเฉพาะนักการเมืองเท่านั้น ควรตรวจสอบทั้งระบบ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ร่ำรวยผิดปกติ มีบ้านหรู รถหรู มีมากมาย เที่ยวเมืองนอกเป็นว่าเล่น หรือนายทุนพ่อค้าที่หลบเลี่ยงภาษี ลอยหน้าลอยตาในสังคม รัฐบาลอย่าถือโอกาสไล่แต่ฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายตรงกันข้าม อย่าทำสงครามข่าวสารใส่ร้ายอีกฝั่ง แล้วถือโอกาสอยู่ในอำนาจต่อไป ขอให้จับตาต่อไปว่าสัปดาห์หน้าจะมีสำนักโพลเชลียร์ที่เอาอกเอาใจกลุ่มอำนาจ ออกโพลเชิดชูรัฐบาลและขยุ้มฝ่ายการเมือง เป็นเรื่องที่ไม่เกินคาดเพราะเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว

สตง.ชี้ภาษีหุ้นชินไม่ต่างจากเชฟรอน

ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีการเสวนา “แก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ชาตินี้หรือชาติหน้า” ครั้งที่ 4 โดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า การตรวจสอบยุครัฐบาลทหารค่อนข้างยาก หน่วยงานตรวจสอบทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่ง ผู้ปฏิบัติเหล่านี้ ทำหน้าที่ดีพอหรือไม่ ตอนนี้องค์กรรัฐไม่เหลือแล้ว แค่สินบนโรลส์- รอยซ์ ในส่วนเกี่ยวข้องปตท. ทางป.ป.ช.ก็ไม่ค่อยพูดถึงและใกล้หมดอายุความ ขอเตือนสิ่งเหล่านี้เป็นผลประโยชน์ประชาชน ป.ป.ช.ควรทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ และหากพบว่าละเว้น พวกเราจะรวบรวมไปฟ้องศาล เอาผิดคณะ กรรมการป.ป.ช.

ด้านนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไทยกล้าหาญมาตลอด ที่พลิกการใช้กฎหมายเป็นคุณกับผู้เสียภาษีมาตลอด แต่บกพร่องในเรื่องการปกป้องเงินแผ่นดิน ไม่รู้จะนั่งกินเงินเดือนประชาชนไปทำไม ในเรื่องภาษีหุ้นชินคอร์ปไม่ต่างจากเรื่องภาษีของบริษัทเชฟรอน ที่ปตท.งดเว้นการเก็บภาษี เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐไปสมคบคิด มีส่วนทำให้ไม่เสียภาษี ซึ่งสตง.ติดใจมากที่สุดนับตั้งแต่คำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยเมื่อปี 2555 ว่ารายได้ขายหุ้นเป็นของนายทักษิณ และภรรยา ช่วงนั้นกรมสรรพากร สามารถประเมินเก็บภาษีได้ทัน ติดตามเร่งรัดจัดเก็บ ผู้มีเงินได้แท้จริง แต่ก็ละเลยจนเวลาล่วง เลยไป

จี้สรรพากรเร่งประเมิน-กลัวเสียของ

ผู้ว่าการ สตง. กล่าวว่า สตง.ได้แจ้งเตือนเพราะใกล้หมดอายุความ ก็บอกว่าทำไม่ได้แล้ว จริงๆ เป็นไปไม่ได้ สตง.ช่วยดูเสนอความเห็นต่อรมว.คลัง ใช้อำนาจมาตรา 38 ขยายเวลาออกไป อีกทั้งยังมีการชี้ช่องจากนักกฎหมายอาวุโสด้วยว่าการออกหมายเรียกอาจผิดฝาผิดตัว แต่ไม่เป็นไรให้การเก็บภาษีได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต่อสู้ในศาลภาษีต่อไป ซึ่งน่าจะดีกว่าปล่อยให้อยู่กับกรมสรรพากร ที่ไม่กล้าทำแม้แต่ประเมินภาษี สุดท้ายต้องให้นายกฯ สื่อสารไปที่กรมสรรพากร ให้รู้ว่าต้องทำหน้าที่ไปประเมินเพื่อจัดเก็บ ขอใช้เวลา 2-3 วัน จะแจ้งไปถึงผู้มีเงินได้ถ้าไม่ได้อยู่ในประเทศไทยก็ไปปิดไว้หน้าบ้าน หรือไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในไทย ให้ช่วยกันประกาศจะได้มาเข้ากระบวนการอุทธรณ์

“การประเมินภาษีไม่ใช่หน้าที่สตง. ถ้า นายกฯออกมาพูดแล้ว กรมสรรพากรยังไม่ ทำก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารกรมสรรพากร สตง.คงไม่ต้องเตือนอีก ถ้ามีหน้าที่ต้องทำ แล้วไม่ทำก็ถือว่าละเว้น หากปล่อยผ่านถึงเดือนเม.ย.นี้ ถือว่าข้ามปี จึงขอเสนอให้สอบสวนเอาผิดกับผู้ละเลย ในช่วงแรกประเมิน ตอนนี้รีบๆ ทำหนังสือทวงไป เพราะคดีอาญามีอายุความ คล้ายกรณีบริษัทเชฟรอน มีความผิดทางอาญาด้วย หุ้นชินคอร์ปต้องติดตามก่อนถึงโค้งสุดท้ายวันที่ 31 มี.ค.นี้ ถ้าภาษีก้อนใหญ่นี้หลุดไปจะเสียของ” ผู้ว่าการ สตง.กล่าว

ยันสอบนักการเมืองไม่เลือกปฏิบัติ

นายพิศิษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้เดินหน้าเรียกเก็บภาษีของ 60 นักการเมือง ที่ได้ตรวจติดตามการจัดเก็บรายได้ให้ครบถ้วน ยืนยันว่าไม่เลือกปฏิบัติ แม้แต่คนที่ผู้ร่ำรวย แต่งงานมีสินสอดแพงๆ ห้างใหญ่ๆ ขับรถหรู เราติดตามตรวจสอบภาษีหมด ไม่ได้สนใจใครชื่ออะไร เป็นพลเมืองที่ดีต้องเสียภาษีให้ครบถ้วน สตง.ได้ให้แจ้งกรมสรรพากรไปจัดเก็บภาษี 60 นักการเมืองตั้งแต่ต้นปี 2558 และตามประมวลรัษฎากรห้ามเปิดเผยรายชื่อ ใครอยากรู้ว่าเป็นนักการเมืองคนใดบ้างไปดูเว็บไซต์ของป.ป.ช.ที่ประกาศบัญชีทรัพย์สินรัฐบาลยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงยุคน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ มีการแสดงบัญชีทรัพย์สิน 3 ช่วงเวลา ก่อนเข้าและออก หลังจากพ้นตำแหน่ง 1 ปี

นายพิศิษฐ์กล่าวว่า ตนเห็นว่าการเปิดเผยชื่อยังไม่เป็นประโยชน์ แต่จะทวงถามไป ตอนนี้ถ้ากรมสรรพากรไม่เร่งดำเนินการโดยเฉพาะนักการเมืองที่มีทรัพย์สินเพิ่มจาก 50-500 ล้านบาทขึ้นไปถึง 1 พันล้านบาท มีอยู่ 1 คน บอกใบ้เป็นอดีตนายกฯ ไปดูกันในเว็บของป.ป.ช. ถ้ารู้ตัวเองควรกลับไปเสียภาษี ยังไม่สายเกินไป จะได้ลดปัญหา มาตรา 37 ช่วงนี้มีโปรโมรชั่น จริงๆ นักการเมืองมีเป็นร้อยรายไม่เสียภาษีเงินได้ สตง.จะติดตามต่อไป ดังนั้น การที่ให้ประชาชนเสียภาษีเข้าพรรคการเมือง ควรยกเลิกไป เพราะนักการเมืองเองยังไม่เสียภาษีเข้าพรรคตัวเองเลย รวมถึงทุกอาชีพที่มีรายได้แสดงภาษีย้อนหลัง 5 ปีมาดูพวกคุยว่ารวย 1 ใน 10 ของประเทศ มีรายชื่ออยู่ที่บริษัทการเงินที่ปานามา สตง.จะตรวจทั้งหมด จะให้นั่งเฉยๆ นั่งกินเดือนประชาชนทำไม่ได้ ใครนอนไม่หลับก็ขออภัย

ธีระชัยแนะใช้ม.44 ขยายอายุความ

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง กล่าวว่า สตง.ควรตั้งศูนย์ติดตามการฟอกเงินที่เกาะต่างประเทศ ที่นักธุรกิจ นักการเมืองไทยนิยมไปเปิดบัญชีฝากเงินที่เกาะเคย์แมน ส่วนที่มีการพาดพิงตน สมัยเป็นรมว.คลังไม่เก็บภาษีหุ้นชิน จริงๆ มีการบรรยายในคำพิพากษาศาลฎีกา ให้เก็บภาษีตามมาตรา 61 ที่พูดนี้ไม่ได้กล่าวหากระทรวงคลังว่าดำเนินการผิดกฎหมาย ในจังหวะนั้นทั้งที่กระทรวงคลังมีไพ่ในมือ แต่ปล่อยให้หลุดไป ถ้าตนดำรงตำแหน่งจะไม่คัดค้านการอุทธรณ์เด็ดขาด

“ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดน่าจะใช้มาตรา 44 อำนาจหัวหน้าคสช.ขยายเวลาอุทธรณ์ เรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป โดยรัฐเป็นผู้เสียหาย ให้ขยายเวลาการออกหมายเรียกใหม่ไปที่บุตร ในฐานะตัวแทน ทำได้ทันที ซึ่งการใช้อำนาจรัฐมนตรีตามวรรคสอง ห้ามออกหมายเรียกเฉพาะราย และประเด็นปัญหาผู้เกี่ยวข้องอยู่ต่างประเทศ ถ้าตามแล้วไม่มีอะไรกลับมา ก็ต้องขยายเวลาออกไปอีก ซึ่งต้องว่าไปตามเหตุการณ์ ทั้งนี้ หากเดินหน้าไปสุดท้ายไปจบที่ศาล หวังว่าฝ่ายรัฐจะนำเสนอข้อมูลไปให้พิจารณาอย่างครบถ้วน การอุทธรณ์อาจชนะคดีได้” อดีตรมว.คลังกล่าว

ทหาร-ตร.ค้น 9 จุด-พบอาวุธอื้อ

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบก.ป. พร้อมหัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คสช. พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. และกำลังทหารร่วมปฏิบัติการตรวจค้น เป้าหมายจำนวน 9 จุด หลังสืบทราบว่าเป้าหมายทั้ง 9 จุดมีการซุกซ่อนอาวุธปืนและอาวุธสงครามจำนวนมาก

เป้าหมายที่ 1 จับกุมนายธีรชัย อุตร วิเชียร(ระพิน) โดยตรวจค้นบ้านพักของนายธีรชัย เลขที่ 1/16 หมู่6 ถนนลำลูกกา 11 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แนวร่วมกลุ่มของนายวุฒิพงศ์ หรือโกตี๋ กชธรรมคุณ แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยคดีครอบครองอาวุธสงคราม อั้งยี่ซ่องโจร และเตรียมก่อเหตุสร้างสถาน การณ์ จากการตรวจค้นพบสิ่งของผิดกฎหมาย 29 รายการ อาทิ ปืนเอ็ม 16 จำนวน 4 กระบอก เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอก ปืนคาร์บิน 1 กระบอก ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก กระสุนปืนขนาดต่างๆ จำนวนมาก ลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 8 นัด ลูกระเบิดขว้าง 10 ลูก เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว และยาบ้าจำนวนหนึ่ง

อ้าง”โกตี๋”นำมาฝากไว้

สอบสวนเบื้องต้น นายธีรชัยให้การว่าเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้เนื่องจากเป็นลูกเขย ประกอบอาชีพเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งของทั้งหมดเป็นของนายวุฒิพงศ์ที่นำมาฝากไว้ โดยไม่ทราบว่ามีอาวุธสงครามรวมอยู่ด้วย

เป้าหมายที่ 2 จับกุมนายประเทือง อ่อนละมูล ขณะเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายประเทือง เลขที่ 18/2 หมู่8 ต.ยางช้าย อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พบสิ่งของต้องสงสัยที่ตรวจยึดไว้ ประกอบด้วย เอกสาร รร.นปช. วิทยุสื่อสารแบบพกพา 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องและเมมโมรีการ์ด 2 อัน

เจอบัตรนปช.-เอกสารตั้งกองกำลัง

เป้าหมายที่ 3 จับกุมนางปาลิดา เรืองสุวรรณ ขณะเข้าตรวจค้นบ้านพักของนาง ปาลิดา เลขที่ 106/19 หมู่บ้านชวนชื่นบรู๊คไซด์ ซอยชวนชื่น 10 ต.บางคูวัด จ.ปทุมธานี พบเอกสารต้องสงสัย มีเอกสารลายมือเกี่ยวกับการจัดตั้งกองกำลัง และใบบันทึกรายการอาวุธของกลุ่ม ซีดีเพลงที่อาจจะเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน เอกสารเนื้อหาคำแถลงการณ์เกี่ยว กับนักรบประชาธิปไตย บัตรประจำตัวนปช. รูปถ่ายร่วมกับกลุ่มนปช. และเอกสารอื่นๆ จำนวนมาก

เป้าหมายที่ 4 จับกุมจ.ส.อ.ธนโชติ วงศ์จันทร์ชมภู หลังตรวจค้นบ้านพักของจ.ส.อ. ธนโชติ เลขที่ 8 หมู่6 บ้านสามขา ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ยึดโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง เป้าหมายที่ 5 จับกุมนายสุริยศักดิ์ ฉัตรพิทักษ์กุล ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 10/2560 ฐานความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จากการตรวจค้นบ้านเลขที่ 21/1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบแผ่นซีดีกิจกรรมเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง แผ่นตราสัญลักษณ์นปช.จังหวัดสุรินทร์ อาวุธปืนลูกโม่ .38 ขนาดลำกล้อง 4 นิ้ว 1 กระบอก ไม่มีลูกกระสุน โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร กระเป๋าสตางค์ พร้อมบัตรประชาชนและใบขับขี่ โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม และนำวัตถุพยานส่งตรวจสอบต่อไป

เป้าหมายที่ 6 จับกุมนายบุญส่ง คชประดิษฐ์ จากการตรวจค้นบ้านนายบุญส่ง ที่จ.นครราชสีมา พบอาวุธปืนยาว 1 กระบอกพร้อมกระสุน อาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก พร้อมกระสุน ชิ้นส่วนและส่วนควบอาวุธปืนหลายรายการ อาทิ พลุส่องสว่าง และกล้องสไนเปอร์ เอกสาร และซีดีกิจกรรมกลุ่มนปช. ในบ้านพักจำนวนหนึ่ง

ค้นตู้คอนเทนเนอร์บางพลี

เป้าหมายที่ 7 จับกุมนายวันไชยชนะ ครุฑไชยันต์ จากการตรวจค้นบ้านเลขที่ 119/116 (หมู่บ้านสวัสดิการศูนย์การทหารราบ) หมู่9 ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบสิ่งเทียมอาวุธปืน(บีบีกัน) 8 กระบอก แม็กกาซีน(บีบีกัน) 25 ซอง อาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ และพลุควัน (ไปร์ตบอม) 5 อัน

เป้าหมายที่ 8 จับกุมนายอุดมชัย นพสวัสดิ์ หรือแสนรัก ได้ขณะร่วมกันตรวจค้นที่พักในซอยรังสิต-นครนายก 33 พบพาหนะทะเบียน ชฐ 3822 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่หน้าที่พัก โดยนายอุดมชัยอ้างว่าซื้อต่อมาจากนายธีรชัย อุตรวิเชียร ในราคา 30,000 บาท ตรวจสอบพบว่าเป็นรถทะเบียนปลอม และพบยาบ้า 1 ถุง ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะด้านหลังคนขับ โดยจะตรวจค้นรถจักรยานยนต์อีก 2 คันที่เหลือต่อไป

เป้าหมายที่ 9 ตรวจค้นภายในลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ บริษัท เกรทติ้ง ฟอร์จูน คอนเทนเนอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 10 หมู่12 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ เพื่อค้นหาอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และสิ่งของผิดกฎหมาย หลังขยายผลมาจากการตรวจค้นอาวุธปืนและอื่นๆ หลายรายการ ที่บ้านพักของนายโกตี๋ แกนนำเสื้อแดง จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

เสธ.แดงเผยเชื่อมโยงกลุ่มการเมือง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. กล่าวว่า เนื่องจากได้จับกุมอาวุธสงครามในเขตอ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และสืบสวนขยายผลว่ายังมีอาวุธปืนสงครามและวัตถุระเบิดซุกซ่อนอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์ภายในลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว จึงนำกำลังทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกือบ 400 นายเข้าตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 2,203 ตู้ เบื้องต้นเน้นค้นตู้ค้างเก่าที่เก็บไว้นานกว่า 1 ปี และตู้ที่ระบุว่าห้ามเคลื่อนย้าย ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลากว่า 30 วัน จึงจะตรวจค้นเสร็จสิ้น และหากพบก็จะต้องตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มใด

พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค 1 เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.ปทุมธานี บุกเข้าตรวจค้นบริษัท ไทยแม็กซ์กรุ๊ป จำกัด เลขที่ 1/1 หมู่6 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และบ้านปูน 2 ชั้น ซึ่งเป็นบ้านพักของเครือข่ายนายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ซึ่งพบอาวุธสงครามเป็นจำนวนมากว่า เบื้องต้นได้รับทราบรายงานแล้วว่าพบสิ่งผิดกฎหมาย อาวุธหลายชนิด แต่ยังไม่ทราบว่าแต่ละชนิดมีจำนวนเท่าใด รวมถึงยังพบเอกสารที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองด้วย

ทหารคุมตัว”ธีรชัย”เข้ามทบ.11

พล.ท.อภิรัชต์กล่าวว่า ต้องรอเจ้าหน้าที่สอบสวนสืบสวนเพื่อขยายผลต่อไปว่าอาวุธดังกล่าวและกลุ่มบุคคลที่เป็นเจ้าของมีเป้าหมายอย่างไร หรือจะเป็นกลุ่มเดียวกันที่ไปป่วนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย และขู่ปองร้ายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ทั้งนี้ หากมีความชัดเจนจะมีการชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

รายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการข่าวทราบมาว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการซุกซ่อนอาวุธสงครามจำนวนมาก จึงใช้มาตรา 44 เข้าตรวจค้นพบนายธีรชัย อุดรเชียร ผู้ต้องหาพร้อมของกลางจำนวนมาก สอบสวนเบื้องต้นรับว่าได้รับฝากของกลางดังกล่าวมาจากสถานีวิทยุชุมชนของนายโกตี๋ ซึ่งรู้จักกันช่วงที่เปิดเวทีเสื้อแดง ตนเป็นช่างไฟฟ้าของเวทีในขณะนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะมีของกลางเพียงเท่านี้ น่าจะมีซุกซ่อนไว้ในพื้นที่ใกล้เคียงอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนนำตัวผู้ต้องหามาควบคุมที่มทบ.11 เพื่อสอบสวนเป็นเวลา 7 วัน ก่อนส่งพนักงานสอบดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน