กองปราบฯ ยื่นศาลขออนุมัติหมายจับ”โกตี๋” กับ พวกรวม7คน ข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร มีอาวุธสงคราม พ่วงคดียาบ้าด้วย “บิ๊กตู่”เร่งประสานรัฐบาลลาว ช่วยจับกุมตัว “บิ๊กป้อม”เปิดคลิปตรวจค้นกลางครม. โต้ครหาจัดฉาก “ศรีวราห์”ยันเป้าหมายลอบสังหาร”บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ก่อกวนการตรวจค้นธรรมกาย ทหาร-ตร.คุมเข้ม ศาลขอนแก่นไต่สวนคดี”ไผ่ ดาวดิน”นัดแรก ยังไม่ได้ประกันตัว สปท.ยื้อลงมติเชือด”อนุสร” คดีตบเด็กเสิร์ฟเรียก”ป๋า” อ้างกรรมการไม่ครบองค์ประชุม ต้องรอคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร 27 มี.ค. นายกฯ ต้อนรับ”ดูแตร์เต”ปธน.ฟิลิปปินส์ ขยายเวลาขายข้าว ป้องกันก่อการร้ายข้ามชาติ

สื่ออวยพร 63 ปี”บิ๊กตู่”

เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 21 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนประชุมตัวแทนสื่อมวลชนอวยพรและมอบการ์ดเนื่องในวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 63 ปีนายกฯ

นายกฯ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนเรามีใจให้กันอยู่แล้ว ต่างคนต่างทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาสิ่งใดที่อาจรุนแรงไปบ้างต้องขอโทษ เป็นเรื่องงานและความเครียดที่ต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จไม่เช่นนั้นจะเดินหน้าไปไม่ได้ วันนี้หลายอย่างสำเร็จไปแล้ว บางอย่างกำลังทำ บางอย่างใกล้สำเร็จและบางอย่างต้องเริ่มต้นจึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าแต่ละปีมีความเปลี่ยนแปลง วันนี้การทำหน้าที่ของนายกฯ เข้าสู่ปีที่ 3 หลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มีหลายอย่างต้องแก้ปัญหา ป้องกันทุกอย่างไม่ให้พันกันไปหมด ทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต ฉะนั้นทุกคนต้องมีส่วนร่วมโดยเฉพาะสื่อซึ่งอยู่ในแวดวงการเมืองมานานกว่ารัฐบาล

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จริงๆ แล้วสื่อ เป็นรุ่นพี่ตน ต้องเข้าใจว่าแต่ละนายกฯ ไม่เหมือนกัน ตนก็เป็นของตน แต่สิ่งสำคัญปรารถนาดีต่อประเทศ ประชาชนและสื่อทุกคน ไม่มีอะไรกับใคร เพียงแต่อยากขอร้องบางเรื่องบางประเด็นเพราะเราต่างคนต่างทำหน้าที่ ทำเพื่อประเทศชาติและคนไทย สิ่งที่ไม่ดีก็เสนอได้แต่ขอให้พอสมควรเพราะบางอย่างมีผลกระทบ คิดว่าทุกคนคงเข้าใจ

บิ๊กป้อมหยอดเป็นผู้นำที่ดี

ทั้งนี้ นายกฯ ได้มอบเหรียญกษาปณ์ ที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ชนิดราคา 20 บาทให้สื่อด้วย

ก่อนหน้านี้เวลา 07.00 น. ที่บ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 1 รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมครอบครัวร่วมกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป เพื่อสิริมงคลในวันคล้ายวันเกิด ไม่ได้เปิดบ้านเพื่อรับคำอวยพรแต่อย่างใด

ก่อนประชุมครม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นตัวแทนครม. มอบแจกันดอกไม้ พร้อมกล่าวอวยพรพล.อ.ประยุทธ์ โดยขอให้นายกฯ มีสุขภาพแข็งแรง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมานายกฯ เป็นผู้นำที่ดี ขับเคลื่อนการทำงานช่วยให้หลายอย่างประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี

ขณะที่นายกฯ กล่าวขอบคุณ โดยขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ก่อนมอบเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกรัชกาลที่ 9 ชนิดราคา 20 บาท และถุงผ้า บรรจุปลอกหมอนลายผ้าขาวม้า ให้ทุกคน

แจงบี้ภาษีนักการเมือง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กรณีมีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เรื่องการขยายเวลาการออกหมายเรียกเก็บภาษีตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากรว่า ถือเป็นเรื่องเดิม ส่วนเรื่องใหม่กรณีภาษีหุ้นชินคอร์ป ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือเป็นคนละกรณีกัน อย่าเอาอันเก่ามาพันกับอันใหม่ แต่จะสามารถทำได้หรือไม่ให้ไปว่ากันในกระบวนการยุติธรรม ต้องนึกถึงรัฐบาลด้วยเพราะเรื่องบางอย่างยังไม่ชัดเจนหากทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ แต่เมื่อเกิดความคลุมเครือรัฐบาลก็ต้องทำไปก่อนจากนั้นก็ต่อสู้ทางคดี เพราะถ้าทำได้แต่ไม่ทำก็จะผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 รัฐบาลก็โดนไปด้วย การไม่ปฏิบัตินั้นมีความเสี่ยงต่อกฎหมาย เหมือนกันที่ก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลใช้ระเบียบสำนักนายกฯ ในพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 คดีรับจำนำข้าว รัฐบาลจำเป็นต้องทำหากไม่ทำก็ผิด 157 ตนไม่ต้องการรังแกใครทั้งสิ้น

ส่วนกรณีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนักการเมือง 60 ราย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีการตรวจสอบภาษีนักการเมืองที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว รัฐบาลนี้ก็โดนตรวจสอบ เมื่อก่อนเข้ามา ระหว่างรับตำแหน่งและเมื่อออกไป มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ สตง.จะตรวจสอบไม่ใช่ทุกคนต้องเดือดร้อนเพราะสอบเฉพาะ ผู้มีรายได้ไม่ปกติ มีอำนาจสามารถทำได้ในระยะเวลา 5 ปี อย่ากล่าวหาว่าเป็นการรังแกใครเพราะได้แยกแยะ ตรวจสอบจากฝ่ายกฎหมายพบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบใครก็ได้เมื่อพ้นหน้าที่ไปแล้วภายในระยะเวลา 5 ปี โดยตรวจสอบเกี่ยวกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นมีการเสียภาษีอย่างถูกต้อง หรือไม่

ประสานลาวล่าตัว”โกตี๋”

ส่วนความคืบหน้าการตรวจยึดอาวุธสงครามจำนวนมากจากบ้านพักของเครือข่ายนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ภายในบริษัท ไทยแม็กซ์กรุ๊ป จำกัด เลขที่ 1/1 หมู่ที่ 6 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งขณะนี้หลบหนีอยู่ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องการติดตาม ซึ่งได้ประสานความร่วมมือในระดับรัฐบาล และฝ่ายความมั่นคงของทั้งสองประเทศมาตลอด ซึ่งความร่วมมือต่างๆ ดีขึ้น ส่วนจะได้ตัวโกตี๋หรือไม่ ต้องใช้เวลาต่อไป

นายกฯ กล่าวถึงข่าวการลอบสังหารตนเองว่า ตนระวังตัวอยู่แล้วเป็นปกติ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ประเด็นที่เป็นข้อห่วงใยคือการนำเสนอข่าวกรณีเรื่องการลอบทำร้ายผู้นำ หรือการจับอาวุธสงคราม ขณะนี้มีการพูดกันไปเรื่อย จาก 10 กระบอกกลายเป็น 30-40 กระบอก ส่วนมันจะมีหรือไม่นั้นต้องให้เจ้าหน้าที่สืบต่อและจับกุมกันไปแต่ขอร้องว่าอย่าไปประโคมข่าวกันมากนัก ข่าวทั้งหมดออกไปยังต่างประเทศเขาจะมองว่าไทยยังมีเรื่องฆ่าผู้นำกันอยู่ อาวุธสงครามเกิดขนาดนี้เลยหรือ ต้องระมัดระวังเพราะมี 2 ด้าน ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้เสนอข่าวเลยเพราะเรื่องนี้ต้องเป็นข่าว แต่อยากให้เบาๆ หยุดยั้งกันบ้าง จับได้ตรงนี้ก็จบพอมีการสอบสวนต่อค่อยมีอีกทีได้หรือไม่ ไม่ใช่ประโคมข่าวต่อกันไปเรื่อยๆ มันเสี่ยงสูงเรื่องผลกระทบความเชื่อมั่นและการลงทุน

นายกฯ กล่าวว่า บางครั้งเปิดดูในโซเชี่ยลมีเดียหลายคนจะให้ใช้ตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่ต้องสนใจใครหรือต่างชาติ แบบนั้นประเทศคงอยู่ไม่ได้ เราต้องทำตามกฎหมายและพันธสัญญาให้ได้มากที่สุด ใช้คำสั่งมาตรา 44 เท่าที่จำเป็น รัฐบาลนี้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ตลอด อีกอย่างตนรู้ว่ารัฐบาลอยู่ในฐานะแบบนี้ไปฝ่าฝืนกฎสากลมากๆ ก็จะเป็นปัญหา แล้วเราจะทำอะไรไม่ได้

“ป้อม”เปิดคลิปจับอาวุธโชว์ครม.

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.อ.ประวิตรเป็นตัวแทนครม.กล่าวอวยพรวันเกิดพล.อ.ประยุทธ์ โดยใช้เวลา 5 นาที ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ระบุว่ามีกำลังใจดี ขอให้ทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ให้เกิดประโยชน์เพราะมีเวลาไม่มาก งานต่างๆ ที่สัญญาไว้กับประชาชนควรดำเนินการให้เสร็จสิ้น มีผลสัมฤทธิ์ แต่เรื่องใดที่ยังทำไม่เสร็จขอให้มีผลเป็นที่ประจักษ์ว่าเดินหน้าไปได้เท่าใด ส่วนที่เหลือจะนำเข้าแผนงานเพื่อส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ในวาระแจ้งเพื่อทราบ พล.อ.ประวิตรรายงานให้ทราบถึงการปฏิบัติการของทหารที่เข้าตรวจค้นบ้านพักแนวร่วมเครือข่ายของนายวุฒิพงศ์ หรือ โกตี๋ และพบอาวุธสงครามจำนวนหนึ่ง โดยนำคลิปวิดีโอซึ่งถ่ายจากกล้องโทรศัพท์มือถือบันทึกการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ระหว่างเข้าตรวจค้นบ้านของแนวร่วมเสื้อแดงที่จ.ปทุมธานี มาเปิดให้ครม.ได้เห็นด้วย ปรากฏภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่นายวุฒิพงศ์ร้องเรียนว่าทหารมีการจัดฉาก เพราะแท้จริงแล้วผู้ที่ถูกจับกุมระบุว่าไม่มีอาวุธ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นกลับพบอาวุธ ผู้ที่ถูกจับกุมจึงติดต่อขอเจรจา

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า หลังจากพล.อ. ประยุทธ์เห็นคลิปแล้วระบุว่า การจับกุมเป็นเรื่องที่ดี มีการทำงานแบบบูรณาการทั้งตำรวจ ทหาร สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) และเบาะแสจากประชาชน จึงขอให้ทำต่อไป ไม่ได้หยุดแค่นี้ แต่ไม่อยากให้สื่อนำภาพอาวุธไปเผยแพร่เพราะเวลามีข่าวไปยังต่างประเทศจะเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจในประเทศไทย ทั้งนี้ ไม่มีการพูดถึงการโอนคดีนายวุฒิพงศ์เป็นคดีพิเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปวิดีโอความยาว 3 นาทีเป็นการตรวจค้นบ้านพักนายธีรชัย อุตร วิเชียร (ระพิน) แนวร่วมกลุ่มนายวุฒิพงศ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยครอบครองอาวุธสงครามและอั้งยี่ซ่องโจรย่านลำลูกกา

เล็งโอนเป็นคดีพิเศษ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามจับกุมตัวโกตี๋ว่า ที่ประชุมครม.ไม่ได้สั่งการเป็นพิเศษให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานเพื่อจับกุมตัวบุคคลที่มีคดีแล้วหลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศ รวมถึงนายวุฒิพงศ์ แต่หน่วยงานด้านความมั่นคงกำลังประสานพูดคุยกับสปป.ลาว เรื่องการขอตัวนายวุฒิพงศ์ โดยไม่ได้ ทำผ่านกระทรวงการต่างประเทศ แต่ทางกระทรวงได้รับทราบข้อมูล ถ้าจะขอตัวผ่านกระทรวงก็จะมีขั้นตอนตามกฎหมายที่มาก

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีกองบังคับการปราบปรามเตรียมโอนคดีของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี เป็นคดีพิเศษว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รายงานว่า ตำรวจกำลังพิจารณาส่งคดีมาให้ดีเอสไอ เนื่องจากอาวุธปืนเอ็ม 16 ที่พบ 1 กระบอกเป็นปืนที่หายไปเมื่อปี 2553 และคดีนี้เกี่ยวเนื่องกับการก่อการร้าย จึงอยากโอนให้ดีเอสไอทำแต่ยังไม่ทราบว่าโอนเป็นทางการมาหรือยัง เมื่อถามว่าขณะนี้รับเป็นคดีพิเศษได้หรือยัง รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า รอให้โอนคดีเป็นทางการก่อน ส่วนความคืบหน้าการประสานทางการลาวขอตัวโกตี๋มาดำเนินคดีในไทยต้องถามจากฝ่ายความมั่นคง

เมื่อถามว่าดีเอสไอจะดูแลเรื่องการติดตามตัวโกตี๋ด้วยหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า การตรวจค้นอาวุธทั้งหมดฝ่ายความมั่นคงเป็นคนทำตามข้อมูลที่มี เมื่อตรวจค้นแล้วพบอาวุธและหลักฐานว่าอาจไปพัวพันกับคดีพิเศษจึงคิดว่าควรโอนมาให้ทำ ส่วนการขยายผลเรื่องอื่นขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนผู้ที่ถูกจับกุม

ส่วนกรณีตำรวจระบุโกตี๋มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีวัดพระธรรมกาย นายสุวพันธุ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนมาตลอด และช่วงที่ผ่านมาดีเอสไอได้รับการแจ้งเตือนจากฝ่ายความมั่นคงให้ระมัดระวัง เรื่องของคนที่จะสร้างสถานการณ์ หรือเข้ามาผสมโรงในเหตุการณ์เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายด้วยเช่นกัน

กองปราบฯ ยื่นศาลอนุมัติหมายจับ

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าการปฏิบัติการตรวจค้นแหล่งสะสมอาวุธสงคราม 9 จุด ในพื้นที่ 7 จังหวัด เครือข่ายโกตี๋ ว่าพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลอาญาเพื่อขออนุมัติหมายจับโกตี๋ กับพวกรวม 6 คนในหลายข้อหา อาทิ ครอบครองยุทธภัณฑ์ อาวุธสงคราม, ครอบครองยาเสพติด(ยาบ้า), อังยี่ ซ่องโจร หลังพบพฤติกรรมชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและเชื่อมโยงกับของกลางคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตรวจยึดได้ ตนไม่ชี้ว่ากลุ่มนี้คือกลุ่มคนเสื้อแดง แต่เป็นกลุ่ม เรด เรดิโอ เท่านั้น จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มนี้มีเป้าหมายลอบสังหารพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร รวมถึงเป้าหมายก่อกวนทำร้ายฝ่ายตรงข้ามกับวัดพระธรรมกายในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมเพื่อตรวจค้นและหวังจับกุมพระธัมมชโย

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า จากการสืบสวนพบมีจำนวนหลายคนในกลุ่มผู้ต้องสงสัย 9 คนที่ถูกควบคุมตัว โดยฝ่ายความมั่นคงไปปรากฏตัวบริเวณวัดพระธรรมกายและตลาดกลางคลองหลวง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ทราบเจตนาว่าไปทำอะไร แต่เป็นการไปโดยผิดปกติ และจากการสืบสวนยังไม่พบว่าโกตี๋กับพวก มีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายเลย แต่กลุ่มนี้อาจอาศัยจังหวะไปก่อเหตุสร้างความวุ่นวายในช่วงที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นวัดพระธรรมกาย สำหรับการติดตามตัวโกตี๋มาดำเนินคดี เบื้องต้นยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าหลบหนีอยู่ประเทศใด แต่เชื่อว่ายังกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ทราบว่าอัยการสูงสุดทำเรื่องขอตัวโกตี๋ไปแล้ว เชื่อว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเบื้องต้นศาลอนุมัติหมายจับเครือข่ายโกตี๋ 6 ราย

จนท.เข้มศาลไต่สวน”ไผ่”นัดแรก

เวลา 08.30 น. ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น พ.ต.อ.นพดล เพ็ชร์สุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.นรวัฒน์ คำภิโล รอง ผกก(สส.)สภ.เมืองขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองกว่า 100 นาย วางกำลังเข้มโดยรอบศาลแขวงขอนแก่น, ศาลจังหวัดขอนแก่น และศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงต่างๆ เนื่องจากวันนี้ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดพิจารณาไต่สวนคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน โดยเป็นการไต่สวนนัดแรกทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย

บรรยากาศตั้งแต่เช้า นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดาของไผ่ ดาวดิน ในฐานะนายประกัน รวมถึงกลุ่มผู้ให้การสนับสนุน ประกอบด้วย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำกลุ่มพลเมืองโต้กลับ และสมาชิก นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ รวมทั้งกลุ่มประชาธิปไตยใหม่อีสาน กลุ่มเครือข่ายนักศึกษา 4 ภาค ที่มารอให้กำลังใจ รวมทั้งการติดตามการพิจารณาไต่สวนกันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งกลุ่มสหพันธ์นิสิต นักศึกษา นักเรียนและเยาวชนปาตานี นำโดยนายอารีฟีน โสะ ประธาน พร้อมแกนนำ ได้เดินทางมาถึงจ.ขอนแก่น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นและให้อยู่ในจุดที่ศาลกำหนดไว้แล้ว

พิจารณาเปิดเผยตลอด 6 ช.ม.

ต่อมาเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาคดีวันนี้ศาลจังหวัดขอนแก่นอนุญาตให้พิจารณาอย่างเปิดเผย หลังจากก่อนหน้านี้พิจารณาคดีในทางลับมาตลอด ทำให้ตลอดเวลาของการสอบพยานและพิจารณาไต่สวนนานกว่า 6 ชั่วโมง ทีมทนายรวมทั้งคนในครอบครัวของไผ่ ดาวดิน และกลุ่มแกนนำนักเคลื่อนไหวจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศที่มาร่วมให้กำลังใจและเฝ้าติดตามการพิจารณาคดีของผู้ต้องหานั้นสามารถเข้า-ออกและติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาและขั้นตอนการพิจารณาไต่สวนได้ตลอดเวลา

ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำศาลจังหวัดขอน แก่น นำป้ายที่มีข้อห้ามและการประกาศแจ้งเตือนห้ามแจกจ่ายใบปลิวที่มีข้อความดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรม หรือแสดงสัญลักษณ์ในเชิงดูหมิ่นศาล มาติดตั้งบริเวณด้านหน้าศาลและประตูทางเข้า หากกระทำการฝ่าฝืนตำรวจจะทำการควบคุมตัวทันที

ยื่น 7 แสน-ศาลไม่ให้ประกัน

เวลา 16.30 น. หลังศาลจังหวัดขอนแก่น เบิกตัวไผ่ มาตรวจเอกสารหลักฐานและสอบพยานตามการพิจารณาคดีนัดแรก ศาลให้ผู้ต้องหาและทนายความตรวจพยานและตรวจเอกสารหลักฐานต่างๆ ตามขั้นตอนต่างๆ นานกว่า 8 ชั่วโมง จึงส่งตัวผู้ต้องหากลับไปคุมขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นตามเดิม

น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความ กล่าวว่า ได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาลชั้นต้นอีกครั้งด้วยเงินสด 700,000 บาท พร้อมทั้งเงื่อนไขเรื่องจำเลยพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของศาลทั้งหมด การไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองและขอมารายงานตัวต่อศาลทุก 30 วัน ซึ่งศาลชั้นต้นพิจารณาและยกคำร้องไม่อนุญาตการประกันตัวจำเลยและส่งตัวกลับไปคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่นตามเดิม อย่างไรก็ตาม ช่วงการพิจารณาคดีและต่อสู้คดีนั้นศาลยังคงให้ทีมทนายทำเรื่องขอเบิกตัวจำเลยเพื่อเตรียมเอกสารหลักฐานและติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยจะอนุญาตเป็นครั้งๆ ไป ให้ใช้ศาลจังหวัดขอนแก่นเป็นสถานที่พบกันระหว่างจำเลยกับทีมทนายความต่อจากนี้ไป

สปท.ยื้อฟัน”ป๋าสปท.”

เมื่อเวลา 15.30 น. ที่รัฐสภา น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธานสปท. คนที่สอง ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม สปท. ได้ประชุมเพื่อพิจารณากรณีนายอนุสร จิรพงศ์ สมาชิกสปท. ในฐานะกมธ.พลังงาน ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายพนักงานร้านอาหารย่านอารีย์ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยนายอนุสรเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการฯ เป็นเวลา 30 นาที โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

จากนั้นเวลา 16.40 น. น.ส.วลัยรัตน์ แถลงผลประชุมว่า นายอนุสร เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ปรากฏเป็นข่าวและให้การต่อพนักงานสอบสวนไปแล้ว พร้อมทั้งนำคลิปที่สื่อเผยแพร่มาเปิดให้ดู โดยนายอนุสรขอทำเอกสารคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรที่สมบูรณ์มาเสนอต่อคณะกรรมการฯ อีกครั้งในวันที่ 27 มี.ค.นี้ ทำให้ที่ประชุมต้องมีการประชุมเพื่อสรุปกรณีนี้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า เนื่องจากในวันนี้กรรมการฯ มาเพียง 6 คน ถือว่าไม่เต็มคณะ จึงต้องรอทั้งเอกสารของนายอนุสรและคณะกรรมการฯ ให้เต็มคณะก่อน ทั้งนี้กรรมการฯ ยืนยันว่าพิจารณาตามข้อบังคับและยึดบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจและผลการตรวจร่างกายของคู่กรณีประกอบการพิจารณาด้วย

ครม.ตั้งข้ามห้วยรองปลัดก.วิทย์

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงที่ทำเนียบว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ แต่งตั้ง นายณัชนพงศ์ วชิรวงศ์บุรี รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง และรับโอน นายปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านส่งเสริมสุขภาพ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้งเป็น รองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

“บิ๊กตู่”รับ”ดูแตร์เต”เยือนไทย

เวลา 16.30 น. วันที่ 21 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ต้อนรับนายโรดริโก โรอา ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. 2 ฝ่ายหารือถึงแนวทางส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพและเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งด้านการค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว การเกษตร พลังงาน การศึกษาและวิชาการ

เวลา 18.15 น. ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.การดำเนินงานตามโครงการความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ปี 2017-2022 3.ข้อปฏิบัติว่าด้วยความร่วมมือเกี่ยวกับการเลี้ยงกระบือปลักและกระบือนม

จากนั้น 2 ฝ่ายแถลงร่วมกัน พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า ถือเป็นการเยือนไทยครั้งแรกของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ วันนี้ได้เซ็นความร่วมมือ 3 ฉบับและมีความหารือ 4 ประเด็น อาทิ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สองประเทศเห็นชอบแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนโครงการระเบียงเศรษฐกิจของไทย, ยินดีต่ออายุความตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 2559-31 ธ.ค. 2561 ด้านความมั่นคง 2 ประเทศยินดีในความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกองทัพ รวมทั้งกังวลการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ โดยพร้อมร่วมมือกันทั้งในกรอบทวิภาคี อาเซียน และองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ

นายดูแตร์เต กล่าวว่า 2 ประเทศเป็นห่วงต่อการเติบโตของความท้าทายด้านความมั่นคงจากการขยายตัวของการก่อการร้าย ลัทธิสุดโต่ง และอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ อีกทั้งให้ความสำคัญกับการช่วยกันแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ยาเสพติด ปัญหาโจรสลัด ร่วมกันเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและการทหาร โดยจะจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วมด้านการทหารเม.ย.นี้ ที่ฟิลิปปินส์ และเห็นชอบการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า ขอย้ำถึงแนวทางการเปิดเสรีการเดินเรือในน่านน้ำทะเลจีนใต้ เสรีทางอากาศ และเน้นย้ำให้ร่างแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (COC) ให้เสร็จภายในปีนี้ เพื่อคืนความสงบในทะเลจีนใต้

ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของพล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่นายกฯ มอบเค้กวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 28 มี.ค. ให้นาย ดูแตร์เต ด้วย

“บิ๊กตู่”ไม่ใช้ม.44จัดการอูเบอร์

วันที่ 21 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีปัญหาการร้องเรียนขอให้มีการใช้มาตรา 44 จัดการอูเบอร์ ว่าตนไม่มีแนวคิดที่จะใช้มาตรา 44 จัดการอูเบอร์ ต้องดูก่อนว่าอูเบอร์ทำถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย หลายคนรู้สึกว่าแท็กซี่เก่าก็ไม่ดีนัก ฉะนั้น การมีแท็กซี่ใหม่น่าจะดีกว่าให้กระทรวงคมนาคมพูดคุยหาทางออกกันอยู่ ส่วนแท็กซี่เก่าก็ไม่ยินยอมพร้อมใจ เพราะไปแย่งอาชีพของเขามาก ขึ้น มันต้องช่วยกันพัฒนาทั้งของเก่าและหามาตรการใหม่ที่จะไปเสริมเขาได้ตรงไหนก็กำลังหาทางออกกันอยู่ แต่ในวันนี้ยังผิดกฎหมายอยู่ก็ต้องคุ้มครองให้คนที่ถูกกฎหมาย

“ตู่”ไฟเขียวเรือดำน้ำจีน-2แถม1

วันที่ 21 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ จากประเทศจีน จำนวน 3 ลำว่า เขาบอกแล้วว่าเรือดำน้ำซื้อ 2 ลำ แถม 1 ลำ ขอให้ทุกคนเข้าใจเหตุผลความจำเป็นที่ต้องมี ก็ต้องซื้อเพราะเราผลิตเองไม่ได้และไม่มีเงินพอจะซื้อของแพง แต่ตัวเลือกนี้คุณสมบัติเราจะรับได้และปลอดภัย วันนี้กองทัพไทยซื้อของแบบนี้เพราะเงินเรามีน้อย ถ้าเปิดในเว็บไซต์จะมีขายทุกอย่าง ทุกยี่ห้อ ส่วนยี่ห้อที่ใช้แล้วดีปลอดภัย ซึ่งความปลอดภัยมีเหมือนกันเพียงแต่คุณภาพอาจเป็นประเทศที่มีชื่อเสียง เมื่อผลิตออกมาก็มีความเชื่อมั่นมากกว่าหรือแพงกว่า ดังนั้นเราต้องดูหลายอย่าง

“กรณีนี้รู้สึกว่าราคาจะถูกที่สุดและคุณภาพใช้ได้ มีการบริการต่างๆ ทั้งระบบอาวุธ ระบบการซ่อม การช่วยสนับสนุน ก่อสร้างโรงเก็บเรือที่เป็นข้อเสนอเพิ่มเติมขึ้นมา และโครงการนี้เป็นโครงการรัฐต่อรัฐ ผมได้สอบถามพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมแล้ว ท่านยินดีให้สตง.ตรวจสอบแล้ว และที่ผ่านมาสตง.ก็ตรวจสอบมาตลอด เรื่องการซื้ออาวุธของกองทัพ สมัยผมเป็นผบ.ทบ. สตง.ก็เข้าไปตรวจสอบ มีข้อสังเกตให้ทางกองทัพก็รับข้อสังเกตมาพร้อมชี้แจงตามข้อเท็จจริง เมื่อรับได้เขาก็ให้หน่วยงานดำเนินการต่อ ไม่ใช่ว่ารัฐบาลนี้แล้วไม่ตรวจสอบเขาตรวจสอบทุกโครงการ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

“เนติวิทย์-จ่านิว”เกณฑ์ทหารปีนี้

วันที่ 21 มี.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผู้ช่วยผบ.ทบ. เป็นประธานแถลงข่าวการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2560 โดยชายไทยที่ต้องมาเกณฑ์ทหารมี นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเคยเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยกับชายไทยที่ต้องเกณฑ์ทหารและประกาศว่า เมื่อถึงเวลาจะไม่เข้ารับการตรวจเลือกทหาร นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักศึกษาที่เคลื่อนไหวตรวจสอบการใช้อำนาจของคสช.รวมอยู่ด้วย

พล.ท.วีรชัย อินทุโสภณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) กล่าวว่า เมื่อนายเนติวิทย์ได้รับหมายต้องเข้ารับการตรวจเลือกตามวันเวลาที่กำหนดคือวันที่ 4 เม.ย. นี้ หากไม่มา เท่ากับหลีกเลี่ยงและขัดขืน จะถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ หน่วยทหารจะแจ้งความดำเนินคดีและศาลจะเป็นผู้ตัดสินความผิด หลังถูกตัดสินแล้วและในปีต่อไปต้องเข้าเป็นทหารทันที โดยไม่ผ่านการตรวจเลือกและไม่ต้องจับใบดำใบแดง เพราะชายไทยทุกคนมีหน้าที่รับเข้าราชการทหารตามพ.ร.บ.รับราชการทหารปี 2497 ต้องปฏิบัติเท่าเทียมกันหมด หากมีสิทธิ์ผ่อนผันก็ผ่อนผันได้จนจบการศึกษาจากนั้นต้องได้รับการตรวจเลือก ส่วนที่นายเนติวิทย์ เคยเรียกร้องให้ยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารก็เป็นเรื่องของเขา ขอให้ความมั่นใจว่าไม่ต้องกลัวจะโดนกลั่นแกล้ง เพราะเราไม่เคยคิดกลั่นแกล้งใคร

พล.ท.วีรชัยกล่าวว่า กรณีจ่านิวที่มีคดีติดตัวนั้นเป็นคนละประเด็นกัน เพราะเป็นคดีที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนจะผิดคุณสมบัติการเข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหารหรือไม่นั้น ไม่ทราบว่า เขาถูกดำเนินคดีอะไรบ้าง แต่หากอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีก็ต้องขึ้นศาล สมมติถ้าถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี ต้องถูกจำคุก 5 ปีก่อน จะนำมาเกณฑ์ทหารตอนนี้คงไม่ได้จนกว่าเขาจะพ้นโทษ หากคดียังไม่สิ้นสุดจะต้องมาเกณฑ์ทหารหรือไม่นั้นขอไปตรวจสอบข้อมูลดูก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน