ไอเอสประกาศตัวอยู่เบื้องหลังก่อการร้ายกลางกรุงลอนดอน ขับเก๋งไล่ชนคนบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ มีผู้เสียชีวิต 2 จากนั้นควงมีดบุกรัฐสภา แทงตำรวจดับ จนถูกยิงสกัดจน เสียชีวิต ตร.สรุปเหตุบาดเจ็บกว่า 40 ราย ขณะที่คนร้ายเป็นชาวอังกฤษ โลกประณาม เหตุรุนแรง ผบ.ตร.สั่งเฝ้าระวังสถานทูตอังกฤษ และแหล่งท่องเที่ยวของชาวอังกฤษในไทย

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. บีบีซีรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์ก่อการร้ายใจกลางกรุงลอนดอน ใกล้อาคารรัฐสภาอังกฤษ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ว่า สกอตแลนด์ยาร์ด ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน แถลงสรุปเหตุการณ์ว่าเกิดขึ้นช่วงเวลา 14.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น คนร้ายก่อเหตุเพียงคนเดียว เริ่มจากขับรถยนต์ยี่ห้อ ฮุนไดสีดำไล่ชนผู้คนบนสะพานเวสต์มิน สเตอร์ หรือเวสต์มินสเตอร์บริดจ์ใกล้กับอาคารรัฐสภาและบิ๊กเบน แลนด์มาร์กของกรุงลอนดอน มีผู้บาดเจ็บนอนเกลื่อนถนน

จากนั้นรถคันดังกล่าวขับพุ่งไปชนรั้วเหล็กจนแน่นิ่ง คนร้ายลงมาจากรถแล้วมุ่งหน้าต่อไปยังตึกรัฐสภา ถืออาวุธเป็นมีด 2 เล่ม ตรงดิ่งเข้าไปยังอาคารแล้วแทงตำรวจที่ประจำการรักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้าทรุดลงไปกองกับพื้น ทำให้เจ้าหน้าที่นายอื่นยิงสกัดเข้าใส่คนร้าย โดยพยานได้ยินเสียงเตือนก่อน ตามด้วยการยิงกระสุน 3 นัด จากภาพของสำนักข่าวเอพี คนร้ายผิวดำ รูปร่างใหญ่ มีมีด 2 เล่มตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่สั่ง ปิดล้อมอาคารรัฐสภาห้ามคนเข้าออกนานกว่า 2 ชั่วโมง พร้อมปิดสถานีรถไฟใต้ดินเวสต์มินสเตอร์ ขณะมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่คุ้มกันนางเธเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกจากอาคารรัฐสภาไปยังสถานที่ปลอดภัย

ต่อมาอีกราวสองชั่วโมง ตำรวจแถลงจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ว่ามีอย่างน้อย 4 ราย ในจำนวนนี้ 2 รายเป็นเหยื่อถูกรถพุ่งชนบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ อีกรายเป็นตำรวจที่ถูกแทง ทราบชื่อภายหลังว่า คีธ พาลเมอร์ และอีกรายเป็นคนร้ายที่ถูกยิงวิสามัญฯ ทราบต่อมาว่าเกิดในอังกฤษ และเป็นบุคคลที่หน่วยข่าวกรองเอ็มไอไฟว์เคยเรียกมาสอบสวน

ส่วนผู้บาดเจ็บมีกว่า 40 ราย รายหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่ตกลงไปในแม่น้ำเทมส์ นอก จากนี้ยังมีชาวต่างชาติ เช่น นักเรียนวัยรุ่นฝรั่งเศส 3 คน ชาวโรมาเนียคู่หนึ่ง และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีที่ถูกเหยียบล้มระหว่างวิ่งหนี

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทั้งหมด ทั้งตำรวจ หน่วยสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองเอ็มไอไฟว์ เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้เป็นเหตุก่อการร้ายอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมสั่งเสริมกำลังตำรวจคุ้มกันทั้งติดอาวุธและไม่ติดอาวุธทั่วกรุงลอนดอน

สำหรับนายตำรวจคีธ พาลเมอร์ อายุ 48 ปี ที่ถูกคนร้ายสังหารเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ แต่งงานและมีลูกแล้ว ทำงานที่สำนักงานตำรวจนครบาลมานาน 15 ปี เป็นสมาชิกหน่วยรักษาการประจำรัฐสภาและหน่วยบังคับการคุ้มครองทางการทูต เป็นที่รักของเพื่อนตำรวจ หลังการเสียชีวิตสำนักงานตำรวจนครบาลและสมาชิกรัฐสภาแถลงและส่งข้อความแสดงความเสียใจกับครอบครัวพร้อมไว้อาลัยให้นายตำรวจท่านนี้ รวมถึงสดุดีการทำหน้าที่คุ้มครอง

นอกจากนี้ยังมีเสียงชื่นชมยกย่องนาย โทเบียส เอลล์วูด ส.ส.พรรคอนุรักษนิยม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีฝ่ายกิจการต่างประเทศ ซึ่งเป็นคนแรกที่วิ่งจากอาคารรัฐสภารุดไปช่วยปฐมพยาบาลนายตำรวจพาลเมอร์ในจุดเกิดเหตุ พยายามผายปอดด้วยวิธีประกบปาก แม้ว่าจังหวะเวลาดังกล่าวตำรวจแนะนำให้บรรดาส.ส.ในอาคารไปอยู่ยังพื้นที่ปลอดภัย สำหรับนายเอลล์วูดเคยเป็นทหารมาก่อน พี่ชายเสียชีวิตในเหตุวินาศกรรมบาหลี เมื่อปี 2545

ขณะที่นายกรัฐมนตรีเมย์แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ คอบรา กล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย พร้อมกล่าวประณามเหตุก่อการร้ายที่น่ารังเกียจและต่ำทรามบนท้องถนนในเมืองหลวง การโจมตีนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ผู้ก่อการร้ายจงใจเลือกสถานที่นี้เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของกรุงลอนดอน มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม มารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองอิสรภาพ ประชาธิปไตย และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

“ถนนแห่งเวสต์มินสเตอร์เป็นที่ตั้งของหนึ่งในรัฐสภาที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของการมีเสรีภาพ รัฐสภาของเราเป็นตัวแทนแห่งประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม และการเคารพอิสรภาพของผู้คนในทุกที่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงตกเป็นเป้าโจมตีจากผู้ที่ปฏิเสธคุณค่าเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ดิฉันขอประกาศความชัดเจนในวันนี้ว่า ไม่ว่าความพยายามใดๆ ที่จะโจมตีคุณค่าในสิ่งซึ่งเราให้ความสำคัญ ด้วยการใช้ความรุนแรงและการสร้างความหวาดกลัวนั้น จะต้องลงเอยด้วยความล้มเหลว” นายกฯ หญิงกล่าว

สำนักข่าวเอพีตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงการก่อการร้ายที่ใช้รถยนต์เป็นอาวุธพุ่งชนคน ต่อเนื่องจากเหตุที่ฝรั่งเศส ในวันที่ 14 ก.ค.2559 ที่หนุ่มตูนิเซียขับรถบรรทุกยักษ์ไล่ชนคนที่ออกมาฉลองวันชาติ เหยื่อเสียชีวิต 86 ราย และเหตุหนุ่มตูนิเซียอีกคนก่อเหตุลักษณะเดียวกันที่ตลาดคริสต์มาสกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี มีผู้เสียชีวิต 12 ราย เมื่อเดือนธ.ค.2559

นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตรงกับวันครบรอบ 1 ปี การก่อการร้ายที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยสมาชิกสายสุดโต่งที่เชื่อมโยงถึงกองกำลังอิสลาม หรือไอเอส สังหารเหยื่อ 32 ราย ขณะที่อังกฤษเองเพิ่งใช้มาตรการห้ามผู้โดยสารเครื่องบินนำแล็ปท็อปขึ้นเครื่องบางสายการบิน เนื่องจากได้รับรายงานเสี่ยงภัยก่อการร้ายจากไอเอส

ต่อมาเอพีรายงานว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์ว่าเมื่อเวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังบุกค้นห้องพักชั้น 2 เหนืออาคารร้านค้าบนถนนแฮ็กลีย์ ในเมืองเบอร์มิงแฮม เพื่อจับกุมชาย 3 คน สันนิษฐานว่าจะเชื่อมโยงกับเหตุก่อการร้ายโจมตีรัฐสภาอังกฤษ เนื่องจากตรวจสอบพบว่ารถฮุนไดที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุเป็นรถที่เช่ายืมมาจากบริษัทในเมืองเบอร์มิงแฮม จากนั้นมีรายงานว่าตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 8 คนทั้งที่อยู่ในลอนดอนและในเบอร์มิงแฮมไปสอบสวน

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งสหราชอาณาจักร มีพระราชสาส์นแสดงความเสียพระทัยต่อผู้ที่ได้รับผล กระทบจากเหตุการณ์นี้ พร้อมทรงประณามว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นความรุนแรงที่น่ารังเกียจ ส่วนผู้นำโลกต่างแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ประณามเหตุโจมตีด้านนอกรัฐสภากรุงลอนดอน พร้อมประกาศ ยืนหยัดเคียงข้างอังกฤษ เช่น นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี นายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ส่งข้อความแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวและสนับสนุนชาวอังกฤษ หลังจากสองประเทศนี้เคยประสบเหตุก่อการร้ายสะเทือนขวัญมาก่อน ส่วนรัฐบาลสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวสนับสนุนผู้นำอังกฤษว่ามีความเข้มแข็งและรัฐบาลสหรัฐจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการตอบโต้เหตุโจมตีและนำผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

นายฌอง-โคลด ยุงเคอร์ ประธานกรรมา ธิการยุโรป กล่าวว่า การที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตรงกับวันครบรอบ 1 ปีเหตุก่อการร้ายเบลเยียม ถือว่าสะเทือนอารมณ์อย่างยิ่ง แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงแรงสนับสนุนจากความเห็นใจและความเป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีผู้นำและผู้แทนรัฐบาลชาติต่างๆ เช่น แคนาดา รัสเซีย เนเธอร์แลนด์ อิตาลี เบลเยียม ญี่ปุ่น กรีซ สเปน โปรตุเกส ออสเตรเลีย จีน สิงคโปร์ กาตาร์ เวเนซุเอลา รวมถึงสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส ที่ทยอยส่งสารให้กำลังใจชาวอังกฤษอย่างไม่ขาดสาย

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ทางสถานทูตไทยในกรุงลอนดอนได้รายงานว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงบ่ายตามเวลาท้องถิ่น ไม่มีคนไทยที่พำนักอยู่ในอังกฤษราว 60,000-70,000 คนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ การก่อการร้ายในประเทศยุโรปเกิดขึ้นหลายครั้ง มีการเตือนภัยสำหรับคนไทยและคนทั่วไป อยู่อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าคนไทยในยุโรปเข้าใจสถานการณ์และปรับตัวรับเหตุฉุกเฉินต่างๆ และจากการประเมินของทางอังกฤษคาดว่า ผู้ก่อเหตุมีเพียงคนเดียว

เว็บไซต์ของสถานทูตได้ออกประกาศแจ้งเตือนถึงมาตรการป้องกันภัยต่างๆ ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทางเจ้าหน้าที่อังกฤษได้ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และจากการประเมินของทางอังกฤษคาดว่าผู้ก่อเหตุมีเพียงคนเดียว ส่วนสถานการณ์ในขณะนี้ได้กลับมาเป็นปกติแล้ว รัฐบาลอังกฤษยังไม่ได้เชิญทูตจากนานาชาติเข้าชี้แจงถึงเหตุก่อการร้าย

ต่อมาสำนักข่าวอามักของกลุ่มไอเอสรายงานว่า ไอเอสประกาศตัวอยู่เบื้องหลังการโจมตีใจกลางกรุงลอนดอนครั้งนี้ที่มีเหยื่อเสียชีวิต 3 ราย ใจความว่า “ผู้ก่อการโจมตีเมื่อวานนี้ที่ด้านหน้ารัฐสภาอังกฤษเป็นนักรบของรัฐอิสลาม ปฏิบัติการดังกล่าวเพื่อเล็งเป้าหมายตอบโต้เหล่าประเทศที่เป็นศัตรูของไอเอส”

ส่วนผลการสอบสวนคนร้ายเบื้องต้นนายกรัฐมนตรีเมย์เปิดเผยว่า เป็นผู้ที่เกิดในอังกฤษ ได้แรงกระตุ้นก่อเหตุจากการก่อการร้ายระหว่างประเทศ หน่วยข่าวกรองความมั่นคงภายในประเทศ หรือเอ็มไอไฟว์ มีข้อมูล อยู่ หลังเคยถูกสอบสวนเมื่อหลายปีก่อนว่า มีแนวคิดสุดโต่ง แต่ต่อมาหลุดจากบัญชีที่ จับตา

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร.กล่าวว่า หลังเกิดเหตุพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและสั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเกาะติดข่าว กำชับให้เฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุขึ้นในประเทศ ไทย โดยระบุว่าเหตุที่เกิดขึ้นในกรุงลอนดอนเป็นรูปแบบของการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ ที่จะใช้ผู้ปฏิบัติการน้อย แต่หวังผลเสียหาย ต่อผู้คนจำนวนมาก ซึ่งเป็นรูปแบบที่หน่วยความมั่นคงติดตามเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลด้านการข่าวที่ติดตามมาอย่างต่อเนื่องพบว่าไม่มีนัยยะใดที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และประเทศไทยก็ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของประเทศใดที่จะนำมาสู่เหตุก่อการร้ายภายในประเทศ

รองโฆษกตร.กล่าวต่อว่า เพื่อความไม่ประมาท ผบ.ตร.จึงสั่งการยกระดับการดูแลความปลอดภัยภัยในสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น สถานที่ราชการ ท่าอากาศยาน สถานีขนส่ง แหล่งการค้า ย่านธุรกิจ เข้มข้นขึ้น โดยเพิ่มความถี่ในการตรวจ สำหรับสถานเอกอัครราช ทูต สถานทูต สถานกงสุล และธุรกิจ แหล่งพักอาศัย แหล่งรวมตัว ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะของประเทศอังกฤษที่มีที่ตั้งในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อสร้างความมั่นใจและป้องกันการเกิดเหตุที่ไม่สงบ นอกจากนี้ ยังสั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) เพิ่มความเข้มข้นในการคัดกรองบุคคลเข้าออกประเทศ เพื่อป้องกันการลักลอบเดินทางเข้าออกของบุคคลผู้ไม่หวังดี

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มงคล อรุณโณ ผบก.น.5 เดินทางไปยังสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองได้โทรศัพท์ประสานกับผู้ช่วยเอกอัครทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ฝากความปรารถนาดีของรัฐบาลไทย และคนไทยทุกคนแสดงความเสียใจกับประเทศอังกฤษ และทำให้ทางรัฐบาลประเทศอังกฤษมั่นใจว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลความปลอดภัยชาวอังกฤษ และสถานที่ต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษให้ดีที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน