2 คนร้าย ดักตีหัวหัวหน้ากรรมการสนามมวยลุมพินี หัวแตกเลือดอาบ ต่อหน้าลูกสาวขณะที่ รปภ.เห็นเหตุการณ์ เข้าห้าม ถูกยิงเสียชีวิตคาที่ วงจรปิดเห็นชัด นาทีลงมือก่อเหตุ ตร.เผยให้น้ำหนักไปที่การทำหน้าที่ตัดสินมวย ที่เคยมีใบปลิวโจมตี กรรมการห้าม มวย กับหน.ค่ายมวยคนหนึ่งก่อนหน้านี้ อยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหาตัวคนร้ายต่อไป

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 มี.ค. ร.ต.อ.ธงศักดิ มาแพง รองสารวัตร(สอบสวน) สน.บาง เขน รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตบริวณหน้าสนามมวยลุมพินี ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.ปรเมษฐ โพยนอก รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.เสน่ห์ มณีฉาย และพ.ต.ต.ภิญโญ แสงทิพย์ สว.สส. ชุดสืบสวน พฐ. แพทย์จากสถาบันนิติเวช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ไปถึงพบเป็นพื้นที่เขตทหาร ที่บริเวณทางเข้าอาคารสนามมวยลุมพินี พบหยดเลือดเป็นทางตั้งแต่บันไดทางขึ้นถึงบริเวณหน้าร้านค้าขายน้ำปั่น ใกล้กันพบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ นายอนุชา ประทุมมา หรือต้น อายุ 50 ปี รปภ.สังกัดบริษัท รักษาความปลอดภัย 7 ไทเกอร์ เซฟการ์ด จำกัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นรปภ.ของสนามมวย ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด โดยเจ้าหน้าที่พบหัวกระสุนไม่ทราบขนาดตกอยู่ 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังทราบว่ามีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นายอุดม ดีกระจ่าง อายุ 59 ปี ประธานกรรมการเทคนิค (กรรมการผู้ตัดสิน) สนามมวยลุมพินี ถูกตีที่ศีรษะแตกเลือดอาบ หลังเกิดเหตุมีผู้นำส่งร.พ.ใกล้เคียงเพื่อรักษาตัวก่อนหน้าแล้ว

เบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบภาพคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา เมื่อถึงบริเวณรถของผู้บาดเจ็บที่จอดก่อนหน้านี้ โดยผู้ขับขี่แต่งกายสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีชมพู สวมเสื้อคลุมสีดำ ส่วนคนซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีดำ และสวมเสื้อคลุมสีดำ จากนั้นคนร้ายที่ซ้อนท้ายเดินเอาไม้มาตีเข้าไปที่หัวผู้บาดเจ็บ 1 ครั้ง และที่ลำตัวอีก 1 ครั้ง จากนั้นผู้บาดเจ็บได้วิ่งหลบหนีขึ้นไปทางร้านค้า ก่อนจะเห็นผู้ตายวิ่งเข้ามาช่วยก่อนถูกยิง

ด้านพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเป็นลูกสาว ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนเปิดร้านขายน้ำอยู่ที่สนามมวย ขณะที่นายอุดม บิดาเป็นประธานกรรมการฝ่ายเทคนิค ที่สนามมวยเวทีลุมพินีแห่งนี้ โดยก่อนเกิดเหตุตนมาเปิดร้านขายน้ำตามปกติ ขณะที่นายอุดมก็มายืนคุยด้วย เพื่อรอเวลาเริ่มทำหน้าที่ตัดสินมวยในเวลา 16.00 น. ระหว่างที่ยืนอยู่มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ สวมแจ๊กเกตสีดำ หมวกกันน็อกสีดำ ขับรถมาจอดใกล้ๆ จากนั้น 1 ใน 2 ได้เดินถือไม้กระบองตรงปรี่เข้ามามาตีที่ศีรษะนายอุดม จนต้องรีบวิ่งหนีขึ้นมาที่ร้านค้า ระหว่างนั้นนายอนุชา รปภ.ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเห็นเข้า จึงเข้ามาห้ามและพยายามยื้อยุดไม้กัน ก่อนที่จะถูกคนร้ายอีกคนที่นั่งคร่อมอยู่บนจักรยานยนต์ เดินเข้ามาจ่อยิงใส่จนล้มลง ก่อนที่ทั้งคู่จะหลบหนีไป

“สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องการตัดสินมวยของคุณพ่อ เพราะคุณพ่อจะตัดสินอย่างตรงไปตรงมา และคุณพ่อเคยถูกพวกเซียนมวยต่อว่าอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งเกิดเรื่องขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าสาเหตุมาจากเรื่องการตัดสินมวยที่สนามมวยแห่งนี้ คุณพ่อเป็นกรรมการมานานมาก กระทั่งได้เลื่อนมาเป็นประธานฝ่ายเทคนิค และไม่เคยมีปัญหากับใคร” บุตรสาวผู้บาดเจ็บกล่าว

สำหรับนายอุดม ดีกระจ่าง กรรมการเทคนิคสนามมวยลุมพินี ถือเป็นกรรมการตัดสินมวยเก่าแก่ของสนามมวยลุมพินี ตั้งแต่เวทียังมีสถานที่ตั้งอยู่ย่านลุมพินี ถนนพระราม 4 ทำหน้าที่ห้ามมวยมายาวนาน 30 ปี จนถือเป็นกรรมการห้ามมวยอันดับต้นๆของสนามมวยเก่าแก่แห่งนี้

ด้าน พ.ต.อ.สราวุธ เปิดเผยว่า ได้ตั้งประเด็นการก่อเหตุไว้ 2 ประเด็นคือ ปัญหาส่วนตัว และปัญหาเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน โดยจะต้องรอสอบสวนนายอุดม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ต่อมาเวลา 19.40 น. ที่ สน.บางเขน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดี โดยพล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า ได้สอบปากคำนายอุดม ผู้บาดเจ็บที่ ร.พ.ภูมิพล แล้วในเบื้องต้นทั้งเรื่องความขัดแย้ง ในโรงเรียนที่เป็นอาจารย์สอนและประธานกรรมการฝ่ายเทคนิคของสนามมวยลุมพินี ซึ่งนายอุดมก็ยืนยันว่าไม่ได้มีศัตรูที่ไหน รวมไปถึงที่มีปัญหาเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ก็มีการเคลียร์กับเรียบร้อยลงตัวหมดแล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักประเด็นน่าสนใจไปที่เรื่องการทำหน้าที่ประธานกรรมการฝ่ายเทคนิคของสนามมวยลุมพินี โดยก่อนหน้านี้ได้มีการโปรยใบปลิวโจมตีการทำหน้าที่ของกรรมการผู้ตัดสิน และเซียนมวยที่เป็นหัวหน้าค่ายมวยแห่งหนึ่ง ในทำนองว่ามีการใช้เงินซื้อตัวกรรมการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกหนึ่งประเด็นที่อาจจะสร้างความขัดแย้งนั้น อาจเกิดจากคู่มวยเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมาซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 21.10 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมพล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้น้ำหนักในเรื่องเกี่ยวกับอาชีพการทำงานของผู้บาดเจ็บเป็นหลัก และยังไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งออกซึ่งรวมไปถึงประเด็นความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องใบปลิวที่มีการแจกจ่ายในเวทีมวยเป็นใบปลิวที่มีการแจกเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นอีกข้อมูลที่ดึงมาใช้ในการสืบสวน และจากการรวบรวมข้อมูลของฝ่ายสืบสวนที่ลงพื้นที่ ได้ข้อมูลจากพลเมืองดีว่าหลังจากที่ก่อเหตุ พบคนร้ายขี่รถมาจอดบริเวณถนนรามอินทรา ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกริก ก่อนที่คนซ้อนท้ายจะลงแล้วเดินข้ามฝั่งไปถนนรามอินทราด้านขาออก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด สำหรับการก่อเหตุในครั้งนี้จะเป็นการจ้างมาก่อเหตุหรือเป็นการก่อเหตุเอง รวมไปถึงกลุ่มบุคคลที่มีความขัดแย้งกลุ่มต่างๆ ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้คงต้องรอรวบรวมข้อมูลทั้งหมดอีกครั้งเพื่อความชัดเจนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน