“จักกพันธุ์ ผิวงาม” รองผู้ว่าฯกทม. ลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกบีบเซ็นคณะกรรมการเตาเผาขยะ มูลค่านับหมื่นล้าน ด้าน “อัศวิน” รับตกใจ

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ศาลาว่าการกทม. รายงานข่าวแจ้งว่า นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปยื่นหนังสือลาออกต่อ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. และมีผลทำให้นายจักกพันธุ์ ได้ยุติการทำงานลงทันทีตั้งแต่เมื่อวานนี้ (22 ก.ค.)

โดยสาเหตุที่ลาออก คาดว่าอาจเกิดจากการเซ็นอนุมัติผลการประกวดราคาดำเนินโครงการเตาเผาขยะที่หนองแขมและอ่อนนุช ขนาด 1,000 ตันต่อวันรวม 2 โรง มูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท ที่คณะกรรมการพิจารณาผลผู้ชนะการประมูลเพื่อเสนอให้ผู้ว่าฯกทม. โดยผ่านรองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ พิจารณาตามขั้นตอน

ขณะที่โครงการดังกล่าวถูกเอกชนร้องเรียนต่อว่าส่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จึงทำให้นายจักกพันธุ์ไม่อยากมีปัญหาฟ้องร้องตามมา และคาดว่านายจักกพันธุ์ อาจถูกกดดันอย่างหนักให้ลงนามอนุมัติโครงการดังกล่าว

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม.

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้นายจักกพันธุ์ ได้เคยแจ้งความประสงค์ที่จะลาออกจากตำแหน่ง กับพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. หลายครั้ง เนื่องจากมีความลำบากใจในเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องของสำนักงบประมาณ (สงม.) ที่นายจักกพันธุ์ กำกับดูแลอยู่ นอกจากนี้ยังมีคนใกล้ชิดของผู้ว่าฯ กทม. เข้ามาก้าวก่ายในการทำงานด้วย

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.อัศวิน ได้รับคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. คนปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.59 เป็นต้นไป พล.ต.อ.อัศวิน ได้แต่งตั้ง4 รองผู้ว่าฯกทม. ประกอบด้วย พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ อดีตรองปลัด กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองปลัด กทม. และ นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์อดีตผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.

ต่อมาในวันที่ 24 ส.ค.60 พล.ต.อ.อัศวิน ได้ลงนามในคำสั่งให้ พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน พ้นจากตำแหน่ง รองผู้ว่าฯ กทม. และแต่งตั้งให้ พล.ต.ท. ชินทัต มีศุข พ้นจากตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ขึ้นดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.แทน

โดยในคำสั่งระบุสาเหตุการลาออกของ พล.ต.ท. อำนวย ว่า มีภารกิจสำคัญจำนวนมาก ทั้งในการปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม และปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้บรรยายพิเศษในหลักสูตรต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังเป็นอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันอื่นๆ ทำให้มีเวลาในการปฏิบัติราชการให้แก่ กทม.น้อยลง

ต่อมาในวันที่ 11 เม.ย. 61พล.ต.อ.อัศวิน มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.ชินทัต มีศุข รองผู้ว่าฯ กทม. พ้นตำแหน่งและแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. พร้อมแต่งตั้งนายสกลธี ภัททิยกุล เป็นรองผู้ว่าฯกทม. คนปัจจุบัน

และในวันที่ 30 มิ.ย.61พล.ต.อ.อัศวิน มีคำสั่งแต่งตั้งนายเกรียงยศ สุดลาภา เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.61 เป็นต้นไปแทนนางวรรณวิไล พรหมลักขโณ ที่ลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯกทม. โดยมีสาเหตุป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม จนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ตามปกติ

ซึ่งก่อนหน้าที่นางวรรณวิไล จะยื่นใบลาออก ได้ลาป่วยก่อนเป็นเวลา1 เดือน ประกอบกับครอบครัวนางวรรณวิไล มีความเห็นพ้องต้องกันว่านางวรรณวิไล ควรพักผ่อน เพื่อรักษาอาการโรคดังกล่าวให้หายเป็นปกติ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนตัวรองผู้ว่าฯกทม. ดังกล่าวนั้นทุกคนมีความลำบากใจในการทำงานเป็นอย่างมาก และยังมีคนใกล้ชิดของพล.ต.อ.อัศวิน เข้ามาก้าวก่ายในการทำงานเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องการยื่นหนังสือลาออกของนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. ได้สร้างความตกใจให้แก่เหล่าบรรดา ข้าราชการกทม. และสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากนายจักกกพันธุ์ เป็นคนที่ตั้งใจและทุ่มเทการทำงานให้กับงาน ที่รับมอบหมายมาโดยตลอด แม้แต่ในวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจงาน และตรวจสอบความคืบหน้าโครงการต่างๆ ภายในความรับผิดชอบ

ทั้งงานด้านสำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา สำนักสิ่งแวดล้อม และเรื่องงบประมาณที่ต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งนี้ ในการประชุมผู้บริหารกทม. และการประชุมคณะกรรมการวิสามัญเพื่อพิจารณางบประมาณของสภากรุงเทพมหานคร ที่นายจักกพันธุ์ เป็นคณะกรรมการด้วย เมื่อวันที่ 21 ก.ค. นายจักกพันธุ์ ไม่ได้เข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด แม้ที่ผ่านมาจะเข้าประชุมมาต่อเนื่อง

โดยปัจจุบันการพิจารณางบประมาณมีความคืบหน้าไปร้อยละ 95 แล้ว สำหรับบรรยากาศภายในห้องนายจักกพันธุ์ ได้เก็บเอกสารและข้าวของภายในห้องทำงานไปทั้งหมด เหลือเพียงข้าราชการที่ประจำหน้าห้องอยู่เท่านั้น โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์

ด้านพล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า รู้สึกตกใจมากและ ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว เพราะมีความสนิทสนมกันมาก ที่ผ่านมานายจักกพันธุ์ ได้เคยยื่นหนังสือลาออกมาแล้ว 2 ครั้งทั้งสองครั้งเป็นการบอกกล่าวทางวาจา ซึ่งตนขอให้อยู่ช่วยงานไปก่อน

เพราะนายจักกพันธุ์เป็นคนขยันมีความรู้ความสามารถ และดูแลรับผิดชอบหลายหน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็เป็นงานที่หนัก ส่วนครั้งนี้ ไม่ได้มาบอกกล่าวแต่อย่างใดแต่ส่งหนังสือลาออกให้ทันที โดยให้เหตุผลว่าต้องการพักผ่อน ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเชื่อมโยงกับโครงการเตาเผาขยะนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ

ขณะที่นางจินดารัตน์ ชโยธิน ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.และโฆษกกทม. กล่าวว่า ตนยังไม่ได้เห็นคำสั่ง หรือจดหมายลาออกของ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. จึงไม่อาจยืนยันได้ว่านายจักกพันธุ์ ลาออกจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริงก็เป็นเรื่องที่สร้างความตกใจให้แก่คณะผู้บริหารกทม. อีกทั้ง ทราบว่าช่วงหลังนายจักกพันธุ์ ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เนื่องจากได้ลงพื้นที่ตรวจงานอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ส่วนนายชาตรี วัฒนเขจร ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า โครงการเตาเผาขยะที่หนองแขม และอ่อนนุช ทั้ง 2 แห่ง ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการประกวดราคา จากผู้รับเหมาโครงการที่อ่อนนุช 8 ราย และที่หนองแขม 5 ราย

ซึ่งเงื่อนไขของโครงการดังกล่าว จะมอบหมายให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการทั้งการก่อสร้าง และการบริหารจัดการขยะ ตามสัญญา 20 ปี และพอหมดสัญญาทรัพย์สินจะเป็นของกรุงเทพมหานคร โดยการว่าจ้าง ทางกรุงเทพมหานคร จะว่าจ้างให้เอกชนดำเนินการทำลายขยะด้วยวิธีการเผา ในราคาตันละไม่เกิน 900 บาท ซึ่งรวม 20 ปีตามสัญญาจะมีมูลค่าถึง 13,140 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีลาออกของ นายจักกกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. เกี่ยวข้องกับโครงการทั้ง 2 แห่งหรือไม่ นายชาตรี กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุ แต่หลังจากมีเอกชนบางรายไปร้องเรียนถึงความไม่โปร่งใสของโครงการ ทางคณะทำงานก็ได้ไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว โดยยืนยันว่าโครงการเตาเผาขยะทั้ง 2 แห่ง เป็นไปด้วยความโปร่งใสและพร้อมให้ตรวจสอบทุกขั้นตอน

รู้จัก “จักรพันธุ์ ผิวงาม”

สำหรับนายจักกพันธุ์ ผิวงาม ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้ว่าฯกทม. ก่อนจะเกษียณอายุราชการในปี 2559 ได้เพียง 19 วัน และเป็นคนเดียวที่พล.ต.อ.อัศวิน ประกาศว่านายจักกพันธุ์ จะเป็นรองผู้ว่าฯกทม. ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการโดยสาเหตุที่เลือกนายจักกพันธุ์ เพราะมีความสนิทสนมและไว้วางใจเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้นายจักกพันธุ์ สำเร็จปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และปริญญาโทจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นลูกหม้อคนหนึ่ง เริ่มจากเป็นนักสถิติ 3-5 งานวิจัยทางผังเมือง กองผังเมือง สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร จากนั้นเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 5 งานเรื่องราวและนโยบายเฉพาะกิจ และเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 6

หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป และเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 7 หัวหน้าฝ่ายการเมืองและประสานนโยบาย สำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯกทม. เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตบางกอกใหญ่ หัวหน้าสำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. แล้วเป็นผู้อำนวยการเขตบางกอกใหญ่ เขตจอมทอง จตุจักร และทวีวัฒนา ต่อมาเป็นรองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รองผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ รองหัวหน้าผู้ตรวจราชการ กทม. และรองปลัด กทม.


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน