ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค – คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ดำเนินการจัดเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง ตามที่มีประกาศสำนักพระราชวัง เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2562 เรื่องทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งมีการเสด็จเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในช่วงการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พ.ศ.2562

พระราชพิธีนี้จะเป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลาย และการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรก ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

รัฐบาลมอบภารกิจในการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ให้กองทัพเรือเป็นหน่วยงานหลักในการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค มีผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานอนุกรรมการ และมีหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นอนุกรรมการ เช่น กรมศิลปากร กรมเจ้าท่า กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานราชการในพระองค์เป็นที่ปรึกษาและอนุกรรมการคอยให้คำปรึกษาและข้อแนะนำการปฏิบัติต่างๆ ให้แก่คณะอนุกรรมการ เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สง่างาม และสมพระเกียรติ โดยการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จัดเตรียมเรือพระราชพิธีรวมทั้งสิ้น จํานวน 52 ลํา

ในที่นี้รวมถึงเรือพระที่นั่งสำคัญ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

เรืออนันตนาคราช

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ

พร้อมเรือพระราชพิธีอื่นด้วย เช่น เรือเอกชัยเหินหาว เรือครุฑเหินเห็จ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรืออสุรวายุภักษ์ เรือรูปสัตว์ เรือดั้ง เรือแซง เป็นต้น

สําหรับเรือพระราชพิธี ทั้ง 52 ลำ นั้น นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 มาจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 7 ปี ที่ได้ว่างเว้นการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค โดยกองทัพเรือได้ร่วมกับกรมศิลปากร สำรวจสภาพเรือพระราชพิธีแล้ว มีสภาพชำรุด ทรุดโทรมมาก เช่น เรือมีรอยแตก ตัวเรือบิด กองทัพเรือจึงได้ขอพระราชทานพระบรม ราชานุญาตในการซ่อมทำบูรณะเรือพระราชพิธี โดยแบ่งงานออกเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรกเป็นการซ่อมตัวเรืออยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ โดย กรมอู่ทหารเรือ และส่วนที่สองเป็นการตกแต่งตัวเรืออยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร โดยสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร

เรือทุกลําทำจากไม้ มีอายุในการสร้างมายาวนาน โดยเฉพาะเรือพระที่นั่งทั้ง 3 ลํา กล่าวคือเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ สร้างในรัชกาลที่ 5 มีอายุกว่า 102 ปี เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ สร้างในรัชกาลที่ 5 แล้วเสร็จสิ้นในรัชกาลที่ 6 มีอายุ 108 ปี เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช สร้างในรัชกาลที่ 6 มีอายุ 95 ปี เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2539 มีอายุ 23 ปี ส่วนเรืออื่นๆ ในขบวน โดยเฉพาะเรือรูปสัตว์แต่ละลำที่มีอายุการสร้างนับร้อยปี

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ปัจจุบันการซ่อมบูรณะเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เรือพระราชพิธีทั้ง 52 ลำอยู่ในสภาพพร้อม เมื่อวันที่ 11 ก.ค. จึงมีการประกอบพิธีบวงสรวงเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ จำนวน 14 ลำ

พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีบวงสรวงพระภูมิเจ้าที่ พิธีสงฆ์ และเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือพระราชพิธี ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และโรงเรือพระราชพิธี ท่าวาสุกรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยมีเรือร่วมในพิธี ประกอบด้วยเรือเอกชัยหลาวทอง เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง และเรืออสุรปักษี

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

บวงสรวง

จากนั้นวันที่ 12-23 ก.ค. เป็นการเชิญเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ลงน้ำ และลากจูงเรือเข้าเก็บที่อู่ทหารเรือธนบุรี เพื่อเตรียมงาน พระราชพิธี

ด้านกําลังพลประจําเรือพระราชพิธี คัดเลือกกำลังพลจากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือจํานวน 2,200 นาย เป็นกำลังพลประจำเรือพระราชพิธี ซึ่งเป็นกำลังพลของกองทัพเรือทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นกำลังพลที่ไม่เคยเป็นกำลังพลประจำเรือพระราชพิธีมาก่อน และได้มีการฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ปัจจุบันได้รับการฝึกความคุ้นเคยกับเรือภายในหน่วยเสร็จสิ้นแล้ว และเริ่มฝึกซ้อมในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. เป็นต้นมา โดยเป็นการฝึกซ้อมการเข้ารูปขบวน และการเดินทางเป็นรูปขบวนเดินทางตามลําดับ

ขณะเดียวกันยังมีการซักซ้อมในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เกิดความพร้อมเพรียงของเรือในขบวนเรือพระราชพิธี จํานวน 10 ครั้ง แบ่งเป็นการซ้อมย่อย จำนวน 8 ครั้ง และซ้อมใหญ่ เสมือนวันพระราชพิธีจํานวน 2 ครั้ง

เส้นทางเสด็จพระราชดําเนินที่ได้เตรียมไว้เป็นเส้นทางเดียวกับที่เคยใช้มาตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร คือ เส้นทางจากท่าวาสุกรี ถึง วัดอรุณราชวราราม โดยการซ้อมย่อยเป็นรูปขบวนในแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งแรกกำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 22 ส.ค.2562

ด้านการเตรียมการจัดขบวนเรือพระราชพิธีครั้งนี้จัดรูปขบวนตามรูปแบบโบราณราชประเพณีทุกประการ โดยจัดรูปขบวนเรือ แบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3 สาย ดังนี้

– ริ้วสายกลาง ซึ่งเป็นเรือสายสำคัญ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่ง 4 ลำ มีเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ นอกจากนี้มีเรืออีเหลือง เรือกลองนอก เรือแตงโม ซึ่งเป็นเรือของผู้บัญชาการขบวนเรือ เรือกลองใน พร้อมด้วยเรือตำรวจนอก และเรือตำรวจใน

– ริ้วสายใน ขนาบข้างสายเรือพระที่นั่ง มีเรือทองขวานฟ้าและเรือทองบ้าบิ่น เป็นเรือประตูหน้า เรือเสือทยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์ เป็นเรือพิฆาต เรือรูปสัตว์ 8 ลำ และปิดท้ายสายในด้วยเรือเอกไชยเหินหาว และเรือเอกไชยหลาวทอง ซึ่งเป็นเรือคู่ชัก

– ริ้วสายนอก ประกอบด้วยเรือดั้ง และเรือแซง สายละ 14 ลำ

ประชาชนจะได้สัมผัสบรรยากาศแห่งความงดงามตระการตาของริ้วขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาติ ถ่ายทอดด้วยศิลปกรรม ประติมากรรม ที่วิจิตรบรรจงในการสลักเสลาจนเป็นลำเรือที่อ่อนช้อย งดงาม เมื่อผนวกกับกาพย์เห่เรือที่ร้อยเรียงด้วยถ้อยคำอันสละสลวยงดงามตามฉันทลักษณ์ ขับขานด้วยเสียงที่ดังกังวานไปทั่วคุ้งน้ำ โดย นาวาเอก ณัฐวัฎ อร่ามเกลื้อ ประกอบกับความพลิ้วไหว และพร้อมเพรียงของฝีพายทำให้บรรยากาศทั่วทั้งบริเวณที่ขบวนเรือแล่นผ่านประดุจดังเมืองสวรรค์ สมพระเกียรติเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพุทธศักราช 2562 วันที่ 24 ตุลาคม 2562 เป็นครั้งแรกในรัชกาลปัจจุบัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน