3 จว.ใต้ยังระอุ ที่ปัตตานี 4 คนร้ายยิงเด็กปั๊มดับ ลวงจนท. ตรวจที่เกิดเหตุแล้วกดบึ้ม 2 ตูมสนั่นปั๊มน้ำมัน ทำเจ็บ 7 ทั้งตำรวจ ทหารพราน และชาวบ้าน ส่วนที่นราธิวาส 10 คนร้ายกระหน่ำยิง 3 อส.ทพ.ดับ 1 เจ็บ 2 ขณะรปภ.โรงเรียน แล้วชิงอาวุธประจำกายเจ้าหน้าที่หลบหนี

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 ก.ย. ร.ต.อ. ชนาวุฒิ ขวดใส รองสารวัตรสอบสวน สภ. มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามบุกยิงอาสาสมัครรักษาดินแดน อ.สุไหงโก-ลก ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงเรียนบ้านลูโบ๊ะลือซง เสียชีวิตและบาดเจ็บ เหตุเกิดที่สะพานลอยหน้าโรงเรียนบ้านลูโบ๊ะลือซง ม.2 ต.มูโนะ

จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก พ.ต.ท. ศกรรจ์ จันทร์แย้ม รอง ผกก.ป.สภ.มูโนะ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ อส.สุรินทร์ และสุข ถูกยิงที่ต้นขาซ้ายกระดูกหัก และ อส.มะรอสือดี ตาตูเล๊ะ ถูกยิงที่บริเวณหัวไหล่ขวา จึงช่วยกันนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลกอย่างเร่งด่วน

ส่วนที่บริเวณหน้ารั้วลวดหนามของบ้านเลขที่ 32/5 พบศพ อส.อุสมาน รูเป๊ะ นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ ถูกกระสุนปืนของคนร้ายพรุนไปทั้งร่าง ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่บนถนน 4 จุดใหญ่ รวมกว่า 60 ปลอก และที่บริเวณฝาผนังรวมทั้งกระจกของบ้าน ถูกกระสุนปืนของคนร้ายเป็นรูพรุนและกระจกแตก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่า ระหว่างที่ อส.ทั้ง 3 นายกำลังนั่งเก้าอี้พลาสติกหลบร้อนอยู่บริเวณใต้สะพานลอย หน้าโรงเรียนบ้าน ลูโบ๊ะลือซงอยู่นั้น มีคนร้าย 10 คน แต่งกายด้วยผ้าคลุมผมแบบผู้หญิงอำพรางใบหน้า ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย. 5 คันมาจอด โดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนอาก้าคนละกระบอกกราดยิงใส่ อส.ทั้ง 3 นาย แบบไม่ให้ตั้งตัว จนอส.อุสมานเสียชีวิตคาที่ ส่วน อส.สุรินทร์และ อส.มะรอสือดีถืออาวุธปืนประจำกายหนีเข้าไปในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ แต่คนร้ายยังคงตามไล่ยิง ทำให้ อส.สุรินทร์และ อส.มะรอสือดีถูกกระสุนปืนของคนร้ายล้มลง กลุ่มคนร้ายคิดว่า อส.ทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว จึงหยิบอาวุธปืนของ อส.ทั้ง 3 นาย ประกอบด้วย อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนอาก้า 2 กระบอก แล้ววิ่งไปซ้อนท้ายรถ จยย.ที่เพื่อนติดเครื่องรออยู่หลบหนีไป เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการ กระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อลอบดักสังหาร เจ้าหน้าที่รายวัน

เวลา 12.45 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.เกียรติชัย นัคเร สภ.โคกโพธิ์ รอง สว.(สอบสวน) รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงน.ส. ธีรภัทร จันทโรจวงศ์ อายุ 37 ปี ลูกจ้างปั๊มน้ำมัน ที่ศีรษะและหน้าอก เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ในหมู่บ้านบางโกระ เลขที่ 33 ม.1 ต.บางโกระ ตั้งอยู่ริมถนนสายบางโกระ-โคกโพธิ์

จึงนำกำลังรุดไปที่เกิดเหตุ ซึ่งในเวลาต่อมาได้เกิดระเบิดขึ้น 2 ครั้ง ภายในปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ ทำให้เกิดเพลิงไหม้สำนักงานของปั๊ม และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์ ประกอบด้วย ด.ต. นิมิตร บุญถาวร อายุ 47 ปี, ส.ต.ต.มะยูนัน เหมตำ อายุ 21 ปี, ส.ต.ต.รัฐพล เพชรกาฬ อายุ 25 ปี, ส.ต.ต.นวพล ก้องสมัน อายุ 23 ปี, อส.ทพ.วัฒนา ฤทธิ์ภู่ อายุ 24 ปี อส.ทพ.กิตติพงศ์ หวันธิปนาย อายุ 31 ปี และน.ส.ชญานันท์ อินทรัตน์ อายุ 27 ปี ชาวบ้าน สำหรับตำรวจทั้ง 4 นาย สังกัดสภ.โคกโพธิ์ ส่วนอส.ทพ.สังกัดกรมทหารพรานที่ 43 ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้วทุกคน

จากการสอบสวนทราบว่า ปั๊มน้ำมัน ดังกล่าวเป็นของนายสมพงษ์ พรหมปลอด อายุ 46 ปี ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ผู้ตายกำลังนั่งตามลำพังอยู่บริเวณหัวจ่ายน้ำมันเพื่อรอ บริการให้ลูกค้าที่จะเข้ามา โดยพนักงานคนอื่นได้ออกไปพักเที่ยง มีคนร้าย 4 คน ขี่รถจยย. 2 คัน มาทำทีจะเติมน้ำมัน ช่วงที่ ผู้ตายกำลังจะหยิบหัวจ่าย คนร้ายได้ชักอาวุธปืนจ่อยิงทันที 1 นัดที่ศีรษะจนล้มกองกับพื้น คนร้ายอีก 2 คนได้วิ่งเข้าไปในสำนักงานพร้อมนำระเบิดแสงเครื่อง 2 ลูก หนักรวมกัน 20 กิโลกรัม จุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุสื่อสารและแบบตั้งเวลา จากนั้นคนร้ายรีบขึ้นรถจยย. เร่งเครื่องหลบหนีไป เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารพรานมาถึงที่เกิดเหตุ ขณะกำลังจะเดินเข้าภายในปั๊ม คนร้ายได้กดชนวนระเบิดทันทีจนเกิดระเบิดขึ้นพร้อมกัน 2 ลูก

จากการตรวจสอบพบ แรงระเบิดทำให้สำนักงานของปั๊มได้รับความเสียหายอย่างหนัก และพบหลุมระเบิด 2 หลุม มีชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ และพบใบปลิวถูกทิ้งไว้ โดยระบุข้อความว่า “เป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐต่อเนื่อง” เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุวัตถุ มี น้ำหนักประมาณ 25-30 กิโลกรัม จุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ หรือวิทยุ

คาดคนร้ายก่อเหตุยิงพนักงานปั๊มน้ำมันเพื่อล่อลวงเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุ และระเบิดซ้ำ นับเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก โดย เจ้าหน้าที่ร่วมกำลัง 3 ฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้กระจายกำลังไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว พร้อมเร่งติดตามหาเบาะแสคนร้าย และแจ้งทุกหน่วยเฝ้าระวังเต็มพิกัด

ด้านชุดสืบสวนสอบสวน สภ.โคกโพธิ์ เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบ และเส้นทางที่กลุ่มคนร้ายใช้เส้นทางในการก่อเหตุและหลบหนี พบคนร้าย 4 คน ขี่รถจยย. 2 คัน โดยคันที่ 1 ใช้รถจยย.ฮอนด้า ดรีม สีแดง คนขับสวมหมวกกันน็อกสีแดง คนซ้อนท้ายสวมหมวกปีกสีขาว และคันที่ 2 จยย.ฮอนด้า เวฟ สีขาว-ดำ คนขับสวมเสื้อ สีน้ำตาล สวมหมวกกันน็อกสีขาวดำ ปิดหน้า คนซ้อนท้ายใส่ไอ้โม่งสีดำ สวมเสื้อแจ๊กเกตสีน้ำเงิน

โดยเบื้องต้นมีพยานยืนยันว่ากลุ่มคน ดังกล่าวเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุจริง แต่อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะนำภาพวงจรปิด ดังกล่าวไปตรวจสอบเพื่อหากลุ่มบุคคลในภาพเป็นใครกันบ้างและมีความเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในครั้งนี้หรือไม่

พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผบก.ภ.จว.ปัตตานี นำกำลังชุดสืบสวนสอบสวนมาที่เกิดเหตุ พร้อมเรียกกำลังร่วม 3 ฝ่ายวางแผนก่อนจะกระจายกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นทันทีในรัศมี 1 กิโลเมตร เพราะเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นแนวร่วมในพื้นที่ เนื่องจากก่อนหน้านี้เพียง 3 วันรายงานจากหน่วยข่าวความมั่นคงว่า จะมีการก่อเหตุในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ โดยเป้าหมายหลักเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและพื้นที่ชุมชนชาวไทยพุทธ ทั้งนี้เพื่อต้องการแสดงศักยภาพและตอบโต้เจ้าหน้าที่ของรัฐ

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ถึงการแต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษรัฐบาลหรือรัฐบาลส่วนหน้าว่า จะมีความชัดเจนในวันนี้หรือวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งรอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลงนาม โดยคณะทำงานมีทั้งหมด 13 คน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน