บิ๊กไบก์ อ่วมขึ้นภาษีคันละ 1 แสนบาท ส่วน 150 ซีซี ขึ้นเป็น 3% ปล่อยคาร์บอนสูงยิ่งโดนเยอะ!

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบการเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ จากเดิมเก็บตามขนาดเครื่องยนต์ มาเป็นตามการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาได้เห็นชอบตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว แต่เมื่อมีครม.จากรัฐบาลใหม่ กรมฯ จึงเสนอให้รับทราบอีกครั้ง โดยภาษีใหม่จะเริ่มเก็บกับรถที่นำออกจากโรงงานหรือนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563

อัตราภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่จะทำให้รถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 150 ซีซี. ที่ใช้เป็นส่วนใหญ่ 90% ของรถทั้งหมดในประเทศ มีภาษีเพิ่มขึ้นคันละประมาณ 100 กว่าบาทเท่านั้น เพราะจากเดิมเสียภาษีในอัตรา 2.5% ของราคาหน้าโรงงาน มาเสียภาษี 3% ของราคาขายปลีกหรือราคานำเข้า

ขณะที่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่เครื่องยนต์เกิน 1,000 ซีซี. ขึ้นไปหรือ ‘บิ๊กไบก์’ ต้องเสียภาษีเพิ่มคันละประมาณ 1 แสนบาท เนื่องจากกินน้ำมันและปล่อย CO2 มาก ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่รถมีราคาแพงคันละกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งบิ๊กไบก์ในประเทศไทยได้รับความนิยมในประเทศไทยมากขึ้น มีสัดส่วน 2-3%

สำหรับอัตราภาษีรถจักรยานยนต์ประกอบด้วย 3%, 5%, 9% และ 18% ตามการปล่อย CO2 โดยหากผู้ประกอบการไม่มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้ปล่อย CO2 ลดลง จะทำให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปี 500-700 ล้านบาท

“การเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามการปล่อย CO2 ทำให้เกิดการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม รถบิ๊กไบก์มีทั้งจากค่ายยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งอาจปรับเทคโนโลยีให้ทันสมัยเพื่อให้เสียเพิ่มขึ้นน้อยลง แต่โดยรวมบิ๊กไบก์ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นคันละประมาณ 1 แสนบาท เพราะราคาสูงต่อคันกว่า 1 ล้านบาท”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน