หมอเตือน คนเป็นจอประสาทตาบวม จากเบาหวาน มากขึ้น เสี่ยงตาบอด แนะวิธีป้องกัน

นพ.ยิ่งพันธุ์ ธาราวัชรศาสตร์ จักษุแพทย์ โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Yingpan Tarawatcharasart โพสต์ระบุข้อความว่า อยากให้คนไทยรู้จักDME จอประสาทตาบวมจากเบาหวาน DiabeticMacularEdema (DME)

วันนี้หลังจากผมตรวจคนไข้เกือบ 100 คน ยิงเลเซอร์และฉีดยาเข้าวุ้นลูกตาไป 10 กว่าคน ก็เกิดความรู้สึกว่าทำไมคนไทยเป็น โรคจอประสาทตาบวมจากเบาหวาน เยอะขนาดนี้ และดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำยังไงที่คนไทยจะรู้จักโรคนี้เพราะมันเป็นภาวะที่ทำให้ตาบอด รักษายาก แต่จริง ๆ แล้วป้องกันได้

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ผมอยากจะเล่าคร่าว ๆ ให้สั้นที่สุดและง่ายที่สุดนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ เมื่อคนไข้เป็นโรคเบาหวานนาน 20 ปี ขึ้นไป 99% ของเบาหวาน type1 หรือ 60 % ของเบาหวาน type2 จะพบเบาหวานขึ้นตาในระยะใดระยะหนึ่งเสมอ ในจำนวนนี้เราจะพบ DME (Diabetic Macular Edema) ได้ประมาณ 12 % และอาจมากถึง 40 % เมื่อเป็นเบาหวานถึง 30 ปี

เส้นเลือดในจอประสาทตาของคนเป็นเบาหวานจะมีการเปลี่ยนแปลง มีการรั่วของสารน้ำ, เลือด, และอื่น ๆ อาจมีการขาดเลือดหรืออักเสบบริเวณนั้นร่วมด้วย จนเกิดการบวมของจอประสาทตา เมื่อจอตาบวมตรงจุดรับภาพคนไข้จะมีอาการตามัว การรักษาแพทย์จะมุ่งลดการบวมดังกล่าวโดยการใช้เลเซอร์, การฉีดยาเข้าลูกตา, หรือการผ่าตัด แต่เราไม่สามารถหวังผลได้ 100 %

สิ่งที่ดีกว่าการรักษาก็คือ การป้องกัน โดยการ ควบคุมน้ำตาลสะสม HbA1c ให้ต่ำกว่า 7%, ควบคุมความดันโลหิต ให้ต่ำกว่า 130/80 mmHg, ควบคุมไขมันLDL ให้ต่ำกว่า 100 mg/dL และ ตรวจจอประสาทตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

สรุปง่าย ๆ ก็คือ การควบคุมอาหารที่มี น้ำตาล เกลือ หรือ ไขมันสูง การออกกำลังกาย การพักผ่อน การงดบุหรี่และแอลกอฮอล์ จะช่วยป้องกันภาวะนี้ได้ ซึ่งที่จริงมันก็ดีกับโรคอื่น ๆ อีกด้วย จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ขึ้นอยู่กับใจล้วน ๆ ครับ อย่ามาเลยครับโรงพยาบาล หมอไม่อยากเจอคนไข้หรอกครับ เราเจอกันข้างนอกโรงพยาบาลดีกว่า จริงไหมครับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน