เบี้ยวนัดครั้งที่ 7 “บอส อยู่วิทยา” ไม่มาพบอัยการส่งฟ้องคดีขับซิ่งเก๋ ง ชนตำรวจ เสียชีวิต เผยส่งทนายมาขอเลื่อน อ้างติดธุรกิจเร่งด่วนในต่างประเทศ แต่อัยการเห็นว่าอ้างเหตุทำนองนี้ต่อเนื่องหลายครั้งแล้ว มีเจตนาประวิงคดี หลบหนี เตรียมประสานอังกฤษติดตามตัว ตามพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงาน ต่างประเทศ ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาคดีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ กทม. เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555

ร.ท.สมนึกกล่าวว่า ตามที่อัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 นัดนายวรยุทธให้มาพบในวันที่ 27 เม.ย. ปรากฏว่าเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 26 เม.ย. นายวรยุทธส่งทนายความมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีออกไปอีก โดยอ้างเหตุเร่งด่วนไปจัดการธุรกิจที่ประเทศต่างๆ อัยการเห็นว่านายวรยุทธส่งทนายความขอเลื่อนคดีด้วยเหตุลักษณะเดียวกันนี้อย่างต่อเนื่องหลายครั้งแล้ว มีเจตนาประวิงคดีและหลบหนี ดังนั้น นายสุทธิ กิตติศุภพร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีตามที่ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด มีคำสั่งกำชับไม่ให้ ผู้ต้องหาเลื่อนคดีอีก

ร.ท.สมนึกกล่าวว่า อัยการให้เวลานาย วรยุทธเข้ามาพบอัยการภายในเวลา 16.00 น. วันที่ 27 เม.ย.นี้ หากนายวรยุทธเดินทางมาพบอัยการ หรือเจ้าหน้าที่ติดตามตัวมาได้ อัยการคดีอาญากรุงเทพใต้นำตัวยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันที เนื่องจากอัยการเตรียมสำนวนคำฟ้องเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว แต่ล่าสุดจนถึงกำหนดเวลาปรากฏว่าไม่มาตามนัด ดังนั้น ในวันที่ 28 เม.ย. อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้จะมีหนังสือไปยังพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป

ส่วนนายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศกล่าวว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดไว้ชัดเจนว่า หากสั่งฟ้องผู้ต้องหาต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้ตัวมาดำเนินคดี และหากอยู่ต่างประเทศก็จะต้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ตามขั้นตอนพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบสำนวนต้องแจ้งพนักงานสอบสวนติดตามตัว โดยส่งคำขอไปยังศาลว่าผู้ต้องหามีเจตนาหลบหนีขอศาลออกหมายจับ เมื่อศาลออกหมายจับแล้วจะต้องติดตามจับให้ได้ก่อนคดีขาดอายุความ

อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศกล่าวว่า หากผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ ตำรวจต้องสืบสวนให้ชัดเจนก่อนว่าผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ที่ใด และอยู่ในประเทศอังกฤษตามที่สื่อมวลชนนำเสนอหรือไม่ หากระบุที่อยู่ได้ชัดเจนแล้ว พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมคำสั่งฟ้องของอัยการ ประกอบการพิจารณาอัตราโทษตามพ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 ที่มีเงื่อนไขระบุโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป คดียังไม่หมดอายุความ และไม่เป็นคดีความผิดทางการเมืองและการทหาร ย่อมสามารถเข้าสู่กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้

นายอำนาจกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเคยมีผู้ต้องหาคดีขับรถชนตายที่ประเทศอังกฤษหนีเข้ามาอาศัยในไทย และอังกฤษขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาแล้ว เราก็ดำเนินการให้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าข้อหาดังกล่าวเคยมีการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนกัน แต่ถ้าอังกฤษปฏิเสธคำขอของไทยด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งก็จะใช้พ.ร.บ. ความร่วมมือคดีอาญาระหว่างประเทศ ขอให้ประเทศอังกฤษเริ่มดำเนินคดีใหม่ที่ประเทศอังกฤษได้เช่นกัน โดยเราเป็นผู้ส่งหลักฐานไปให้ การดำเนินการนี้กระทำได้กับทุกประเทศที่มีสนธิสัญญาและเคยดำเนินการมาแล้ว โดยอัยการสูงสุดกำชับว่าจะไม่ละเว้นการติดตามผู้ต้องหามาดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ต้องหาย้ายประเทศพำนักอาศัยบ่อย นอกจากการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว ยังใช้วิธีการประสานตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล ได้หรือไม่ นายอำนาจกล่าวว่า การขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นได้เตรียมตั้งคณะทำงานไว้รองรับแล้ว หากได้รับคำร้องจากตำรวจ และครบองค์ประกอบที่จะขอผู้ร้ายข้ามแดนได้ จะยื่นคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ภายใน 7 วัน เมื่อคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปถึง ประเทศปลายทางก็จะเป็น ผู้พิจารณาดำเนินการตามเงื่อนไข เราก็มีตำรวจสากลคอยเป็นผู้ชี้เป้าว่าตัวผู้ต้องหาอยู่ที่ไหน ก่อนประสานตำรวจประเทศนั้นเป็นผู้จับกุม

อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศกล่าวอีกว่า หากผู้ต้องหาไหวตัวทัน ย้ายประเทศที่พำนัก เราก็จะติดตามตัว โดยทำคำร้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศนั้นต่อไป แต่คำร้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่เคยส่งไปก็ยังมีผลบังคับใช้ ทำให้ผู้ต้องหาไม่สามารถกลับมาพำนักยังประเทศเดิมได้ ส่วนกรณีนาย วรยุทธขอสัญชาติอังกฤษนั้น ยอมรับว่าจะทำให้เงื่อนไขการส่งตัวยากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่ายืนยันว่าคดียังไม่ขาดอายุความ ความผิดขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อายุความ 15 ปี จะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย.2570 ดังนั้น กระบวนการทั้งหมดยังดำเนินการได้ ความผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยถือว่าไม่มีเจตนา

“พูดภาษาง่ายๆ เป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่การกระทำเจตนาไปฆ่าคน หากศาลฟังได้ว่าผู้ต้องหารายใดก็ตามที่กระทำประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ไปดูแลญาติฝ่ายผู้สูญเสียเต็มที่ และเป็นที่พอใจ ศาลก็จะให้โอกาสเหมือนกับคดีตัวอย่างนายศรราม เทพพิทักษ์ เมื่อดูแล กระบวนการยุติธรรมก็ให้โอกาส” นายประยุทธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีของนายวรยุทธยังเหลือข้อหาที่อัยการจะสั่งฟ้อง คือไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ และไม่แจ้งเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุกสูงสุด 6 เดือน คดีจะหมดอายุความเดือนก.ย.2560 และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ยังเหลืออายุความ 10 ปี

สำหรับการขอเลื่อนคดีของนายวรยุทธที่ผ่านมา รวมถึงการเลื่อนนัดครั้งล่าสุดวันที่ 27 เม.ย. รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง คือ 1.วันที่ 25 เม.ย.2559 ให้เหตุผลว่าอยู่ต่างประเทศ 2.วันที่ 25 พ.ค.2559 ขอเลื่อนเนื่องจากร้องขอความเป็นธรรมพยานในประเด็นการขับรถเร็วไปที่คณะกรรมาธิการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สนช. 3.วันที่ 24 มิ.ย.2559 อ้างว่าอยู่ระหว่างกระบวนการร้องขอความเป็นธรรมคณะกรรมาธิการฯ สนช.

4.วันที่ 28 ต.ค.2559 ขอเลื่อนอีกโดยอ้างเหตุผลเดิม 5.วันที่ 30 พ.ย.2559 ขอเลื่อนอีกครั้งโดยอ้างติดภารกิจที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 6.วันที่ 30 มี.ค.2560 ขอเลื่อนคดีอีกครั้งโดยอ้างว่าติดภารกิจอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และ 7.วันที่ 27 เม.ย.2560 นายวรยุทธขอเลื่อนคดีออกไปอีก อ้างเหตุเร่งด่วนไปจัดการธุรกิจที่ประเทศต่างๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน