เถ้าแก่ต้มเลือดหมูปืนดุ ยิงสนั่นตลาดคลองเตย ยัวะลูกค้า ร้านไก่สด สั่งของไปกินแล้วทำ ถ้วยชามหายต่อว่ากลับโดนรุมทำร้าย เลยกลับบ้านคว้า.38 รัว 5 นัดเข้ากลางวงสุรา สาหัส 3 หลังก่อเหตุหนีไปไหว้พระ ตกบ่ายติดต่อขอมอบตัว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 พ.ค. พ.ต.ท.วันชาติ ปราบงูเหลือม รองผกก.(สอบสวน)สน.ท่าเรือ รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาทและมี ผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ที่ร้าน”น้องแบงค์ ไก่สด” เลขที่ 29/14 ถนนรัชดาฯ แขวงและเขตคลองเตย กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น., พล.ต.ต. สุธีร์ เนรกัณฐี รองผบช.น., พล.ต.ต.มงคล สุวรรณโณ ผบก.น.5 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น.ฝ่ายสืบสวน บก.น.5 และฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ

ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายไก่สด ตั้งอยู่ริมถนนระหว่างซอยชุมชนตลาดท่าเรือคลองเตย ซอย 2-3 ที่บริเวณหน้าร้านพบขวดเหล้าและเศษแก้วแตกกระจายเกลื่อน และคราบเลือดหลายแห่งที่พื้นฟุตปาธ นอกจากนี้ยังพบหัวกระสุนปืนตกอยู่ในร้าน 1 หัว ในเบื้องต้นทราบว่า มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลสุขุมวิท 2 ราย ประกอบด้วยนายมนตรี หรือแบงค์ พลเขต อายุ 27 ปี ถูกยิงที่หน้าอกและหัวไหล่ซ้าย รวม 2 นัด อาการสาหัส และนายณัฐวิชช์ เกษมณี อายุ 25 ปี ถูกยิงที่มือซ้าย 1 นัด ส่วนอีก 1 ราย นำส่ง โรงพยาบาลจุฬาฯ ชื่อนายพิริยะพงศ์ พรหม หมื่นไว อายุ 25 ปี ถูกยิงที่แขนขวา 1 นัด

ส่วนมือปืนคือ นายสัญญา จันทร์เลิศธนา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/16 ถนนสุนทรโกษา แขวงและเขตคลองเตย กทม. ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายต้มเกาเหลาเลือดหมู ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตร หลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีไป

จากการสอบถามนางสุภาพร แซ่เตียว อายุ 52 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุทราบว่า ปกติจะเปิดร้านขายของประมาณเวลา 03.00 น.และช่วงเวลา 04.00 น.หรือ 05.00 น. นายแบงค์จะให้ลูกน้องมาสั่งอาหารไปกินเกือบทุกวัน โดยก่อนเกิดเหตุก็ได้มาสั่งเกาเหลาต้มเลือดหมูไปกิน 2 ถ้วย จนเวลา 08.00 น. สามีก็ได้ออกไปเก็บถ้วยเกาเหลา พอสักพักก็วิ่งกลับเข้ามาที่ร้านด้วยท่าทางโมโห ขณะนั้นตนกำลังนั่งล้างของอยู่ ก่อนวิ่งกลับออกไปและก็มารู้อีกทีว่าไปยิงคนบาดเจ็บดังกล่าว

“ปกติสามีไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ชาวบ้านในละแวกนี้รู้กันดีว่า สามีเป็นคนทำมาหากินไม่เคยมีเรื่องกับใคร วันนี้มีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่อง คิดว่าจะบอกสามีไม่ต้องออกไปเก็บชาม เดี๋ยวจะออกไปเก็บเอง แต่ปากหนักไม่ทันบอกทางสามีได้เดินออกไปก่อน จนกระทั่งไปเกิดเรื่องดังกล่าว” นางสุภาพรกล่าว

จากการสอบสวนเจ้าของร้านข้างเคียง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นายมนตรี หรือแบงค์ พร้อมกลุ่มเพื่อน ประมาณ 4-5 คน กำลังนั่งดื่มสุรากันอยู่หน้าร้านดังกล่าว นายสัญญาเจ้าของร้านต้มเลือดหมูได้เดินมาที่หน้าร้านเกิดเหตุ เพื่อเก็บถ้วยชามที่ฝ่ายผู้บาดเจ็บกินกันอยู่ แต่กลับถูกฝ่ายผู้บาดเจ็บต่อว่าด่าทอและมีการชกต่อยกัน นายสัญญาสู้ไม่ไหว จึงกลับไปเอาอาวุธปืน ขนาด.38 ที่บ้านพักห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 200 เมตร จากนั้นกลับมาที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง ก่อนชักอาวุธปืนกระหน่ำยิงเข้าใส่กลุ่มผู้บาดเจ็บ 5 นัด จนกลุ่มผู้บาดเจ็บล้มลงกองกับพื้น แล้วหลบหนีไป

ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานทราบว่า หลังจากนายสัญญาออกไปเก็บถ้วยเกาเหลาแล้ว ปรากฏว่าพบแต่ถาดที่ใส่ของ ส่วนถ้วยเกาเหลานั้นหายไป 2 ใบ จึงทำให้เกิดโมโหและต่อว่ากลุ่มคนเจ็บ จนทำให้เกิดมีปากเสียงกันขึ้น ก่อนถูกกลุ่มคนเจ็บรุมทำร้าย หลังจากนั้นนายสัญญาก็วิ่งกลับไปเอาปืนที่บ้านมากระหน่ำยิงกลุ่มคนเจ็บดังกล่าว สำหรับอาวุธปืนที่ก่อเหตุเป็นปืนลูกโม่ขนาด.38 ซึ่งเป็นปืนที่ได้รับมรดกและมีทะเบียน เบื้องต้นได้สั่งให้พนักงานสอบสวน รวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับตัววันนี้ พร้อมได้ประสานญาติๆ ให้ติดต่อตัวมือปืนให้เข้ามามอบตัว เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดจากความบันดาลโทสะ ไม่ใช่เหตุคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงอะไร ซึ่งตนก็จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในการดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.20 น.ของวันเดียวกัน นางสุภาพรพร้อมญาติๆ ได้พาตัวนายสัญญาเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.สมบัติ แก่นวิจิตร ผกก.สน.ท่าเรือ ที่ห้องฝ่ายสืบสวน สน.ท่าเรือ จึงควบคุมตัวไว้สอบปากคำ ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อว่า ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามฆ่า, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกันระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา

นายสัญญาให้การว่า ตนก่อเหตุไปด้วยความบันดาลโทสะ และอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากถูกกลุ่มผู้เสียหายรุมทำร้าย จึงกลับบ้านไปหยิบปืนมายิงดังกล่าว หลังจากนั้นตนได้เรียกรถแท็กซี่ไปส่งยังวัดหลวงพ่อ โสธร จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อกราบไหว้หวังพึ่งพระพุทธศาสนาช่วยทำให้จิตใจสงบลง หลังจากลงมือครั้งนี้ ต่อมาได้โทรศัพท์ติดต่อให้ญาติมารับตนที่วัดเพื่อจะเข้ามอบตัวกับทางตำรวจดังกล่าว

ทั้งนี้พล.ต.ท.ศานิตย์ได้เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกครั้งที่ สน.ท่าเรือ ในเวลาประมาณ 18.00 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน