เพื่อไทยยก”เนติวิทย์” เหนือกว่า”บิ๊กตู่” เพราะมาจากการเลือกตั้ง ท้านายกฯ ถ้ามั่นใจมีคนรักจริงต้องกล้าสมัครส.ส. ด้าน”คุณหญิงสุดารัตน์” แจ้งดำเนินคดีมือโพสต์เฟซบุ๊ก-ไลน์กลุ่ม-นายพล กล่าวหาอยู่เบื้องหลัง”เนติวิทย์” รองประธานสปท.อลงกรณ์ ยืนยันร่างพ.ร.บ. คุ้มครองสื่อฯของสปท. ไม่มีตีทะเบียนสื่อ ย้ำสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติไม่มีอำนาจออกใบอนุญาตแล้ว สุวพันธุ์ย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมหารือเพื่อหาทางออก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.กกต.ถกเสร็จแล้ว 20 มาตรา แขวนเพิ่มคุณสมบัติกกต.ให้เป็น กลางทางการเมือง เผยรายงานศึกษาชุด”หมอ เจตน์” ยื้อกกต.ชุดเก่าอยู่ครบวาระ ขัดแย้งกับกรธ. เลยชวดเก้าอี้ประธานกมธ. ปชป.หนุนตั้งพรรคใช้ทุนประเดิม 5 แสน แต่ขอให้เก็บค่าสมาชิกไม่เกิน 100 บาทตลอดชีพ

สนช.ชงเพิ่มคุณสมบัติกกต.

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คนที่หนึ่ง ที่มีนายตวง อันทะไชย เป็นประธาน กล่าวว่า ที่ประชุมพิจาณาแล้วทั้งสิ้น 20 มาตรา จาก 78 มาตรา ในหมวดของคณะกรรมการ เกี่ยวกับคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของคณะกรรมการ คณะกรรมการสรรหา ซึ่งเนื้อหาในส่วนนี้จะต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่กำหนดรายละเอียดไว้แล้ว หาก กมธ.มีการปรับแก้เพิ่มเติมจะต้องมีคำอธิบายชี้แจงต่อที่ประชุมใหญ่ สนช.ในการพิจารณาลงมติรายมาตราและวาระ 3 ให้ชัดเจน

นายทวีศักดิ์กล่าวว่า การพิจารณาในชั้น กมธ.มีทั้งการรับฟังความเห็นจาก กมธ.ในที่ประชุม ประกอบกับรายงานสรุปผลการศึกษาพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วย กกต.ที่มี นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ เป็นประธาน ขณะนี้มีบางประเด็นที่ยังไม่ตกผลึกแขวนไว้รอการพิจารณา เช่น ข้อเสนอให้เพิ่มคุณสมบัติ กกต.ว่าต้องมีความเป็นกลางทางการเมืองด้วย ซึ่งที่ประชุมยังมีความเห็นหลากหลาย โดยมองว่าการกำหนดเช่นนี้กว้างขวางเกินไปหรือไม่ นิยามของความเป็นกลางคืออย่างไร

เผยรายงานกก.หนุนอยู่ครบวาระ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายงานสรุปผลการศึกษาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. ของคณะกรรมการที่มี นพ.เจตน์เป็นประธาน เริ่มศึกษาและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็นตั้งแต่ วันที่ 9 ก.พ.-30 มี.ค. มีเนื้อหาที่น่าสนใจคือ การดำรงตำแหน่งของ กกต.ชุดปัจจุบัน สำหรับผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามครบตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกฉบับล่าสุด ให้อยู่ต่อไปจนครบวาระ โดยคณะกรรมการศึกษาเห็นว่า 1.ในเชิงกฎหมายจะถือว่าเป็นการพิจารณากฎหมายย้อนหลังหรือไม่ เพราะกฎหมายฉบับนี้จะนำหลักการใหม่ไปบังคับย้อนหลังให้ กกต.ที่ดำรงตำแหน่งถูกต้องตามกฎหมายฉบับก่อน ต้องพ้นจากตำแหน่ง ดังนั้น จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ มิเช่นนั้นจะเป็นมาตรฐานใหม่ที่ให้กฎหมายใช้บังคับย้อนหลังได้

2.การให้คณะกรรมการสรรหาวินิจฉัยชี้ขาดคุณสมบัติ กกต.ตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ และให้เป็นที่สุดจะทำได้หรือไม่ ในกรณีนี้ที่ กกต.อยู่ในตำแหน่งก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้ และ 3.ข้อดีขอการให้ กกต.ชุดปัจจุบันดำรงตำแหน่งต่อไปมีข้อดีหลายอย่าง ทั้งการผ่านประสบการณ์ มีความชำนาญการเลือกตั้ง จนได้ยอมรับจากประชาชน ตลอดจนรู้ถึงความสามารถของ เจ้าหน้าที่ จนทำให้การสั่งการเลือกตั้งมีประสิทธิภาพได้ สุดท้ายคณะกรรมการสรุปเป็นข้อเสนอแนะว่า ควรให้ กกต.ที่ได้รับการสรรหาโดยชอบตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระ

ชี้สาเหตุ”หมอเจตน์”วืดเก้าอี้ปธ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลการศึกษาและสรุปข้อเสนอแนะดังกล่าวทำให้สมาชิก สนช.บางรายเชื่อว่าเป็นสาเหตุทำให้ นพ.เจตน์ไม่ได้รับเลือกให้เป็นประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วย กกต. เนื่องจากหากปรับแก้ร่างกฎหมายดังกล่าวตามที่คณะกรรมการศึกษาเสนอ ซึ่งต่างไปจากของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นั้น อาจทำให้เกิดการตีความว่าขัดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดรายละเอียดไว้ชัดเจนแล้ว จนอาจทำให้เวลาการพิจารณาต้องล่าช้า มีการตั้ง กมธ.ร่วมอีก 25 วัน

กรธ.ดับฝันกกต.ขาดคุณสมบัติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการชุด นพ.เจตน์ได้เสนอรายงานสรุปผลการศึกษาที่เสนอให้ กกต.ชุดปัจจุบันอยู่จนครบวาระตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ต่อ กรธ.เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยผลการพิจารณาจาก กรธ.ระบุว่าขัดต่อหลักการตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ประสงค์ให้เฉพาะผู้มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในตำแหน่ง เว้นแต่มีข้อยกเว้นพิเศษ เช่น คุณสมบัติของ สนช.ในมาตรา 263 วรรคสอง

นอกจากนี้คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือว่าสูงกว่ารัฐธรรมนูญที่ผ่านมา การให้ ผู้ไม่มีคุณสมบัติยังอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจึงเป็นการตีความที่ให้ผลประหลาด และอาจเกิดข้อโต้แย้งทางการเมืองเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีประชาชนทั่วไปเสนอความเห็นต่อ กรธ.ให้เซ็ตซีโร่ กกต.ทั้งชุด เพื่อเป็นการเริ่มต้นทำหน้าที่ใหม่พร้อมกัน ผลการพิจารณาของ กรธ.เห็นว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ตามมาตรา 70 ของร่างกฎหมายว่าด้วย กกต. ที่กำหนดให้ กกต.ที่มีคุญสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเท่านั้นที่ยังดำรงตำแหน่งต่อไป

ปชป.หนุนเก็บค่าสมาชิกไม่เกิน 100

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี สนช. ขอแปรญัตติร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยปรับแก้ทุนประเดิมการตั้งพรรคจาก 1 ล้านบาทเหลือ 5 แสนบาท และค่าสมาชิกพรรครายปีไม่เกิน 100 บาทว่า เป้าหมายของ กรธ.อยากให้พรรคเป็นของสมาชิก ให้สมาชิกมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายและกำหนดผู้สมัคร ซึ่งกระบวนการมีส่วนร่วมคือใช้เงินเป็นตัวกำหนด ทั้งนี้ ตนคิดว่าค่าสมัครสมาชิกพรรคควรเก็บเพียงครั้งเดียวตลอดชีพ ซึ่งไม่ควรเกิน 100 บาท เช่นพรรคประชาธิปัตย์เก็บเพียง 20 บาท ถ้าจะปรับเป็น 30 บาทก็ไม่ขัดข้อง แต่ไม่ควรจะเกินนี้

นายวิรัตน์กล่าวว่า ส่วนทุนประเดิมพรรค 5 แสนบาทนั้นก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีทุนประเดิมพรรคเลยตนไม่เห็นด้วย เพราะจะเป็นการจดทะเบียนพรรคเพื่อเข้ามาหาผลประโยชน์ในบางเรื่อง เนื่องจากที่ ผ่านมาบางพรรคจดทะเบียนพรรคจะมีวัตถุประสงค์เป็นเหลือบการเมือง หากินกับงบประมาณ จึงขอย้ำว่าทุนประเดิมพรรคเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมี แต่ถ้า 1 ล้านบาทมากไป ปรับเป็น 5 แสนบาทตนก็เห็นด้วย

“หลักการโดยรวมของกฎหมายฉบับนี้ผมเห็นด้วย เพราะ กรธ.มีความตั้งใจปรับปรุงปัญหาของพรรคการเมือง แต่เรื่องสมาชิกพรรคบางครั้งคนยกร่างกฎหมายไม่เคยทำพรรค และเป็นสมาชิกพรรค ผมจึงอยากให้เก็บค่าสมาชิกพรรคแค่ครั้งเดียวตลอดชีพไปเลย จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะปรับจาก 2,000 บาทเป็น 20-30 บาท” นายวิรัตน์กล่าว

สปท.ยันไม่ตีทะเบียนสื่อ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการตีทะเบียนสื่อและการออกใบ รับรองสื่อจึงต้องออกมายืนยันอีกครั้งว่า ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม สปท.เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ยกเลิกอำนาจหน้าที่ของสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ ในการออกใบอนุญาตและถอนใบอนุญาตผู้ประกอบอาชีพสื่อมวลชนแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีการตีทะเบียนสื่อ

นายอลงกรณ์กล่าวว่า สำหรับประเด็นการออกใบรับรองโดยองค์กรสื่อมวลชน ไม่เกี่ยวกับการออกใบอนุญาต เนื่องจากคำว่าองค์กรสื่อมวลชนตามนิยามกฎหมาย ดังกล่าวหมายถึง สถานประกอบการเช่น บริษัทหนังสือพิมพ์ ซึ่งสถานประกอบการสื่อต่างๆ จะเป็นผู้ออกใบรับรอง ซึ่งปัจจุบันก็ถือปฏิบัติมาโดยตลอดอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่

รบ.ชี้ทุกฝ่ายต้องร่วมหาทางออก

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีกฎหมายที่เกี่ยวกับสื่อมวลชนว่า เรื่องนี้การพูดคุยหารือกันเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นเรื่องที่ดี กระทรวงยุติธรรมมอบให้ฝ่ายกฎหมายและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหารือแล้วในหลายประเด็น โดยเฉพาะสาระสำคัญของกฎหมาย ความเห็นของสื่อมวลชน มุมมองของภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งประเด็นบทบาทของสื่อมวลชนกับการพัฒนาและการแก้ปัญหาของประเทศ ยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรมเปิดกว้างและพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นผลดีต่อส่วนรวม

รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า รัฐบาลต้องหารือกับสื่อมวลชนเพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่แท้จริง โดยนายกฯ มอบหมายนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นหลักไว้แล้ว มีประเด็นที่ควรหารือร่วมกันหลายเรื่อง เช่น การปฏิรูปสื่อ เท่าที่ติดตามทุกภาคส่วนเห็นด้วย น่าจะคุยกันว่าประเด็นปฏิรูปควรเป็นอย่างไร องค์กรสื่อมองอย่างไร มีแผนปฏิรูปในใจเป็นอย่างไร สปช. สปท.มองไว้อย่างไร รัฐบาลมองอย่างไร การปฏิรูปทำได้ทั้งการออกกฎหมายในบางเรื่องที่จำเป็น และการปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงานตามกฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้วให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า นอกจากนั้นอาจต้องคุยกันว่าจะดูแลกันเองอย่างไร จะเชื่อมโยงกับรัฐด้วยกลไกและกระบวนการอย่างไร ทั้งสื่อกระแสหลักและสื่อในรูปแบบอื่นๆ ที่สำคัญคือการรับมือกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของรัฐบาลและสื่อมวลชนที่จะช่วยป้องกันผลกระทบจากข่าวสารที่ถูกผลิตและส่งผ่านทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ เราจะช่วยกันดูแลอย่างไรเพื่อให้สังคมได้รับข้อมูลที่เป็นจริง ไม่สร้างความสับสนให้แก่สังคมและผู้บริโภคข้อมูลข่าวสาร

พท.ยก”เนติวิทย์”เหนือกว่าบิ๊กตู่

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คงลืมว่าตัวเองเป็นนายกฯ เหตุใดจึงไปวุ่นวายก้าวก่ายกับการเลือกตั้งประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของน้องๆ นิสิต เพื่อเลือกตัวแทนภายในสถาบันการศึกษาของพวกเขา ไม่ใช่เรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน จึงไม่เกี่ยวกับพล.อ.ประยุทธ์และไม่ใช่เรื่องที่นายกฯจะต้องเข้าไปแทรกแซง ที่สำคัญ การที่พล.อ.ประยุทธ์ พูดจาชี้นำให้เลือกประธานสภาคนใหม่นั้น เป็นการแสดงตัวอย่างที่ไม่ดี อาจถูกมองว่าปลูกฝังวัฒนธรรมล้มการเลือกตั้ง และค่านิยมการไม่เคารพกติกาให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ๆ ถือเป็นความคิดที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า ที่จริง พล.อ. ประยุทธ์ไม่อยู่ในฐานะจะกล่าวโจมตีนายเนติวิทย์ได้เลย เพราะนายเนติวิทย์เข้าสู่ตำแหน่งที่สง่างามกว่าพล.อ.ประยุทธ์ อย่างน้อยก็มีความกล้าหาญที่จะพิสูจน์ตัวเองในสนามเลือกตั้งตามกติกา และได้รับการยอมรับจากเสียงส่วนใหญ่ในประชาคมนิสิตจุฬาฯ แม้ตำแหน่งไม่ใหญ่โตเท่านายกฯ แต่พูดได้เต็มปากว่ามาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้ยึดอำนาจใครมา ไม่เห็นจะน่าอับอายตรงไหน พล.อ.ประยุทธ์ ต่างหากที่ได้ตำแหน่งจากการยึดอำนาจ ไม่ได้เกิดจากการยินยอมพร้อมใจของประชาชน หากมองจากแง่มุมของความเป็นประชาธิปไตย ต้องถือว่า นายเนติวิทย์ มีศักดิ์ศรีเหนือชั้นกว่าพล.อ.ประยุทธ์

จี้หยุดผลักดันกม.คุมสื่อ

ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้การที่ผู้มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงในกิจการของหน่วยงานต่างๆ พร้อมกับผูกขาดความคิดของประชาชนในทุกระดับชั้น ล่าสุดก็ลามปามเข้ามาในสถานศึกษา เป็นเรื่องที่น่าห่วงและอันตราย โดยเฉพาะหากผู้มีอำนาจประสบความสำเร็จในการผลักดันร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองเสรีภาพสื่อฯ ซึ่งแท้จริงแล้ว คือกฎหมายควบคุมการเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนและประชาชน จะทำให้รัฐมีช่องทางและมีเครื่องมือครอบงำความคิดของประชาชนคนไทยได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้

“หน่อย”ส่งแจ้งจับมือโพสต์-นายพล

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ได้มอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความดำเนินคดีกับ บูรพ์ พุละกาพย์ ผู้เขียนเฟซบุ๊กด้วยข้อความอันเป็นเท็จ รวมทั้งนายพลทหารจากกองทัพบกและช่องไลน์กลุ่มต่างๆ อีก 43 กลุ่ม ทั้งกลุ่มสังคมจุฬาและกลุ่มออฟฟิศต่างๆ ที่ได้นำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความเสียหายและได้รับความเกลียดชัง กรณีนำภาพและข้อความเท็จเพื่อให้คนเข้าใจผิดว่าการที่นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล มาก้มกราบตนนั้น เป็นเพราะตนอยู่เบื้องหลังการกระทำของนายเนติวิทย์ ที่ไม่ก้มกราบพระบรมรูปพระปิยมหาราช

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตนไม่เคยรู้จักกับนายเนติวิทย์ การกระทำเช่นนี้เป็นการจงใจทำให้เกิดความเกลียดชังแก่ตนเองด้วยความเท็จ ขอวิงวอนให้ผู้ใช้โซเชี่ยลต่างๆ ก่อนโพสต์ก่อนแชร์ โปรดใช้สติและโพสต์แชร์ด้วยความมีคุณธรรมเพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งปัญญา

ท้า”ประยุทธ์”ลงเลือกตั้ง

นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ระบุเรื่องเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแม็ป เลือกให้ดีใครไม่ดีก็อย่าไปเลือก ต้องเลือกคนใหม่ อย่าเลือกคนที่มีปัญหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เข้าใจและไม่รู้เรื่องการเลือกตั้งจริงๆ บอกอย่างไรก็คงไม่เข้าใจเหมือนคนอยู่หัวแถว อธิบายให้ตายอย่างไรก็ไม่เข้าใจความรู้สึกคนอยู่หางแถว พล.อ.ประยุทธ์พูดเรื่องโรดแม็ป แต่ยังไม่กล้าประกาศวันเลือกตั้งด้วยซ้ำ มีใครจะเชื่อนายกฯกี่คน หากบอกว่ามีคนรักจริงก็ควรลงมาเลือกตั้ง อย่ารำมวยอยู่ข้างเวที

นายสมคิดกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ พึงทราบไว้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมาหลายครั้ง คนเก่าจะสอบตกเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะประชาชนที่เลือกเขารู้ดีว่าเขาจะเลือกใครไว้ใช้ ไว้เป็นตัวแทน พล.อ.ประยุทธ์ อย่าเที่ยวสั่งสอนประชาชนเหมือนตัวเองเป็นเทพเจ้าเพราะพวกท่านรวมถึงพวกพ้อง ไม่สนใจไยดีกับการลงเลือกตั้งอยู่แล้ว เห็นได้จากการร่างรัฐธรรมนูญ การทำกฎหมายหลายฉบับ ล้วนแต่รอแต่งตั้งพวกพ้องเข้าไปดำรงตำแหน่งจำนวนมาก

รบ.เล็งแถลงผลงาน3ปี-มิ.ย.นี้

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจัดเตรียมแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 3 ปีว่า ถ้านับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาก็ครบ 3 ปีตั้งแต่เดือนพ.ค. แต่ถ้าแปรสภาพเป็นรัฐบาลจะครบในเดือนส.ค. ฉะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.จึงให้แนวทางเบื้องต้น อยากให้ชี้แจงให้ประชาชนทราบว่ารัฐบาลได้ทำงานแก้ปัญหาเรื่องอะไรไปบ้าง โดยให้ว่าเป็นเรื่องๆ และต้องมีความเชื่อมโยงในแต่ละเรื่อง ไม่ใช่อธิบายเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพื่อประชาชนจะได้เข้าใจว่าการแก้ปัญหาแบบนี้ การบริหารหรือการปฏิรูปมีความเกี่ยวพันกันกันหมด

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ช่วงนี้อยู่ในช่วงเตรียมการ ก่อนเสนอนายกฯเพื่อขออนุมัติหลักการ โดยวันที่ 9 พ.ค.หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกฯ และกรมประชาสัมพันธ์ จะหารือเพื่อให้ได้ตุ๊กตาว่าการแถลงผลงานรัฐบาล 3 ปี จะทำอย่างไร และหลังจากนั้น 1-2 วัน จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกระทรวง ทบวง กรม อาทิ โฆษกกระทรวง มาหารือว่าใครต้องเตรียมการเรื่องไหนอย่างไรตามที่ได้วางแบบตุ๊กตาไว้ จากนั้นจะมอบภารกิจแต่ละกระทรวงไปดำเนินการ จะเร่งให้เร็วที่สุด โดยจะพยายามแถลงผลงานในช่วงต้นเดือนมิ.ย.ให้ได้

“ในการประชุมครม.วันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา นายกฯให้นโยบายว่า ทุกงานที่นายกฯสั่งการและให้แต่ละหน่วยทำ ที่เป็นแผนงานระยะสั้น อยากเห็นผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี คือภายในงบประมาณปี 2560 แต่ถ้าเป็นแผนระยะยาวก็ต้องเริ่มต้นโครงการให้ได้ในปี 2560 ไม่ใช่แค่เล่าเรื่องว่าจะมีโครงการอะไร ซึ่งจะต้องเป็นอย่างนี้จนถึงปีสุดท้าย” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

กมธ.นัดถกเข้มกม.ยุทธศาสตร์

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. พล.อ.สุชาติ หนองบัว โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ได้พิจารณาครบทั้ง 33 มาตราแล้วแต่ยังไม่ได้ลงลึกรายละเอียด เพียงเเต่ปรับปรุงถ้อยคำให้กระชับเพื่อความเข้าใจ โดยจะหารือเข้มข้นกันในวันที่ 11 พ.ค. และจะเชิญสนช. 5 คนที่แปรญัตติไว้เมื่อวันที่ 20 เม.ย.เข้ามาร่วมประชุมกับ กมธ.ให้ตกผลึก ชัดเจน ซึ่งจะพิจารณาเรียงรายมาตราอีกครั้ง รวมถึงมาตรา 12 เรื่องที่มาของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่ต้องตั้งภายใน 120 วันหลังรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้

พล.อ.สุชาติกล่าวว่า ส่วนที่กังวลเรื่องการมี ผบ.เหล่าทัพเข้ามาเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติโดยตำแหน่งนั้น อย่าพึ่งกังวล กมธ.เป็นเพียงเเค่ขั้นตอนหัวเชื้อ ยังไม่ได้เคาะว่าจะยึดตามร่างเดิมหรือจะเปลี่ยนเเปลง เราจะรวมความเห็นประชาชนจากเว็บไซต์ที่สภาและรัฐบาลเปิดไว้มาประกอบการพิจารณา ส่วนนักการเมืองถ้ามีความเห็นใดส่งมาได้เรายินดี พร้อมชี้เเจงและรับฟัง

เมื่อถามว่า กมธ.จะเปิดเวทียุทธศาสตร์ชาติเพื่อระดมความเห็นเรื่องความปรองดองที่รัฐบาลทำไปแล้วหรือไม่ พล.อ.สุชาติกล่าวว่า เราทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้น เรื่องอื่นเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหาร ตอนนี้รัฐบาลเเละทุกฝ่ายก็รับฟังความเห็นควบคู่อยู่ตลอด

เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกังวลเรื่องการวางยุทธศาสตร์ชาติไว้ 20 ปีนั้นไม่เหมาะสม พล.อ.สุชาติกล่าวว่า อยากให้ส่งความเห็นเข้ามาเพื่อจะทราบว่าทุกคนที่เป็นเจ้าของประเทศอยากเห็นหน้าตาอนาคตประเทศเป็นอย่างไร ยืนยันว่ารัฐบาลวันข้างหน้าแก้ไขกฎหมายได้ไม่ยาก หากเกิดความเปลี่ยนเเปลงของโลกรวดเร็ว ซึ่งวิธีการแก้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็ชี้เเจงชัดเจนเเล้ว ตนเห็นว่าประเทศที่เจริญเเล้วเขามียุทธศาสตร์ชาติเป็นเเผน ระยะยาวทั้งนั้น เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนของชาติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน