กำนันดังไทรโยคมอบตัว คดียิงดวลหนุ่มฆ่าสาวธ.ก.ส. ดับคาไร่ ขณะปรึกษาเรื่องกู้เงิน เลี้ยงวัวกันอยู่ก่อนเกิดเหตุหนุ่มมือปืนมาถามหาแล้วทะเลาะกับฝ่ายหญิงรุนแรง จากนั้นชักปืนยิงใส่กำนันที่ยืนอยู่ด้วย แล้วหันไปยิงสาวดับคาที่ สุดท้ายหนุ่มมือปืนโดนกำนันยิงสวนตายตาม ตร.เอาผิดกำนัน 2 ข้อหา เจ้าตัวรับเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย

จากคดีนายเชาวลิต พฤกษากร อายุ 37 ปี สามีบุกยิงน.ส.พรสวรรค์ ปัญวารินทร์ อายุ 32 ปี ภรรยาและพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จนเสียชีวิตภายในไร่ของนายดุสิต ฝุกฝัด หรือกำนันคิว อายุ 33 ปี กำนันต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา สอบสวนกำนันคิวให้การว่า น.ส.พรสวรรค์มาพบเพื่อให้คำปรึกษาเรื่องการขอสินเชื่อขยายธุรกิจเลี้ยงวัว ก่อนนายเชาวลิตจะมาตามหาและชักปืนยิงใส่ แต่ตนหลบทันและได้ไปยิงน.ส.พรสวรรค์จนเสียชีวิต จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายยิงต่อสู้กันจนนายเชาวลิตโดนยิงบาดเจ็บและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น

สำหรับความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ค. พ.ต.อ.บัณฑิต ม่วงสุขำ ผกก.สภ.ไทรโยค พร้อมพ.ต.ท.เชาวฤทธิ์ อินทรกรอุดม รองผกก.สส. พ.ต.ท.สนธยา ฉายเกียรติขจร สว.สส. พ.ต.ท.วิษณุ ภู่ทอง สวป. นำกำลังเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาหัวกระสุนและปลอกกระสุนที่ตกอยู่ รวมถึงวิถีกระสุนในการยิงต่อสู้ พร้อมตั้งข้อหานายดุสิตฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ต่อมานายดุสิตหรือกำนันคิวพร้อมทนายความเข้ารับทราบข้อหาที่สภ.ไทรโยค โดยเจ้าหน้าที่สอบปากคำนานกว่า 3 ช.ม. จึงปล่อยตัวกลับไปและนัดหมายให้มาพบวันที่ 8 พ.ค. เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลและฝากขังต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี

นายดุสิตเปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจ ซึ่งไม่น่าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น โดยขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย ก่อนมาพบตำรวจเพื่อรับทราบข้อหา ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนถูกไล่ยิงและวิ่งไปเอาปืนในบ้านมายิงต่อสู้ จากนั้นวิ่งหลบขึ้นไปที่เขาหลังบ้าน และไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร แต่หากตำรวจต้องการให้ช่วยติดตามใครก็พร้อมให้ความร่วมมือ

จากนั้นญาตินายเชาวลิตที่ใช้อาวุธปืนไล่ยิงกำนันคิว พร้อมผู้ช่วยผู้ใหญ่ในพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เดินทางเข้าพบพ.ต.อ.บัณฑิต เพื่อแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของปืนที่นายเชาวลิตใช้ก่อเหตุ เนื่องจากได้ให้ปืนนายเชาวลิตไป แต่ยังไม่ได้โอนชื่อผู้ครอบครอง โดยยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านพ.ต.อ.บัณฑิตเปิดเผยว่า เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นคดีสะเทือนขวัญ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผบช.ภ.7 จึงสั่งการให้ตำรวจกองวิทยาการ บก.ภ.จว.กาญจนบุรี ร่วมกับศูนย์พิสูจน์หลักฐาน บช.ภ.7 และหน่วยเก็บกู้ระเบิดจาก กก.ตชด.13 มาช่วยเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยสามารถเก็บปลอกกระสุนและหัวกระสุนตามจุดต่างๆ ได้อีกจำนวนมาก พร้อมเก็บหลักฐานและวิถีกระสุนจากรถของผู้ก่อเหตุและรถของ ผู้หญิง รวมทั้งรอยนิ้วมือแฝงตามจุดต่างๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน