แจ้งตร.-ขออย่ารุนแรง จาตุรนต์สับกม.พรรค เอื้อคนนอกนั่งนายก “ตู่”ควักปรับฮวงจุ้ยอีก เปลี่ยน”อ่างบัว”รอบ2

“เนติวิทย์” วอนหยุดข่มขู่ หลังโดนไล่ล่าถึงในจุฬาฯ ชี้รักสังคมไทย อย่าป่าเถื่อน ให้พูดคุยด้วยเหตุผล นิสิตจุฬาฯโพสต์แฉ คนคลั่งเพราะโดนเฮตสปีชปั่นหัว จาตุรนต์สับเละกม.พรรค ชี้ออกแบบให้คนนอกเป็นนายกฯ สวนทหารผิด ผบ.ทบ.ต้องรับผิดชอบหรือไม่ ทำเนียบปรับฮวงจุ้ยเสริมดวงอีก เปลี่ยนอ่างบัวรอบ 2 บิ๊กตู่ควักกระเป๋าเอง

บุกข่มขู่”เนติวิทย์”ในจุฬาฯ

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. มีวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ บริเวณหน้าอาคารสำราญราษฎร์บริรักษ์ หรืออาคารรัฐศาสตร์ 1 โดยคนขับใส่เสื้อสีฟ้า ใส่หมวกกันน็อก ขณะที่คนซ้อนใส่เสื้อขาวแขนยาวคล้ายชุดนักศึกษา เมื่อมาถึงได้พยายามสอบถามหาตัวนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตชั้นปีที่ 2 คณะรัฐศาสตร์ จากผู้คนบริเวณดังกล่าว พร้อมพูดจาด้วยถ้อยคำที่มีลักษณะข่มขู่ หยาบคายถึงนายเนติวิทย์ แต่ไม่พบตัว จึงขี่รถออกไป โดยล่าสุดนายเนติวิทย์ เดินทางไปสน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งความจากกรณี ดังกล่าวแล้ว

สำหรับนายเนติวิทย์ เพิ่งได้รับเลือกตั้งเป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ และมีบทบาทในการตอบโต้กับบุคคลสำคัญในรัฐบาลจนถูกจับตาอยู่ในขณะนี้

วอนรักสังคมไทยอย่าป่าเถื่อน

ด้านนายเนติวิทย์ ได้โพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊กส่วนตัว หลังจากถูกคนร้ายบุกเข้าไปข่มขู่ถึงสถานศึกษา และเข้าแจ้ความที่ สน.ปทุมวัน ว่า “ขอโอกาสให้ผมเถอะครับ ถือว่าให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้พิสูจน์ตัวเอง ถ้าเห็นต่างก็ไม่เป็นไร แต่เราควรจะมาคุยกัน ถ้ารักสังคมไทยจริง อย่าทำให้โลกและคนทั้งหลายเห็นเลยครับสังคมเรามาเฟียป่าเถื่อน อะไรๆ ก็ใช้แต่ความรุนแรง

ผมกลัวครับ แต่ผมจะสู้ต่อไป ขอให้เพื่อนๆ มาช่วยกันด้วย เราจะใช้สันติวิธี เราเชื่อว่าการชนะความเกลียดต้องด้วยความรัก ความเคารพในสิทธิของคนอื่น ผมอยากให้ประเทศไทยเป็นที่ของคนรุ่นใหม่เก่ามีปฏิสัมพันธ์คุยกัน ไม่ครอบงำกัน เราต้องช่วยกันจริงๆ ประเทศนี้คนมาจากการเลือกตั้ง ต้องปลอดภัย วันนี้ฝรั่งเศสได้ประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่อายุน้อยที่สุด ประเทศไทยยังจะจมปลักอยู่แบบนี้ต่อไปหรือ”

นิสิตจุฬาฯชี้โดนเฮตสปีชปั่นหัว

ด้านเฟซบุ๊กของ Tanawat Wongchai นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ประธานสภานิสิตจุฬาฯปีการศึกษา 2560 เนติวิทย์ ที่ได้รับการเลือกตั้งจากสภานิสิตจุฬาฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เป็นเพียงนิสิตธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังพักกลางวันจากการสอบปลายภาค ถูกผู้ไม่หวังดี 2 คน ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาภายในตึกเก่าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ยี่ห้อ scomadi สีดำ ไม่ทราบหมวดทะเบียน หมายเลข 1433 ด้วยท่าที่คุกคามและเดินเข้าไปค้นหานายเนติวิทย์ คุณลุงยามเห็นท่าทีนั้นจึงได้มองด้วยความสงสัย ชายสองคนนั้นได้ตอบกลับไปว่า “มึงมองหน้าทำไม มีปัญหาเหรอ มึงเป็นแค่ยาม” ก่อนที่ชาย 2 คนนั้น ได้เดินเข้าไปถามหาเนติวิทย์ในกลุ่มของเพื่อนเขา ด้วยถ้อยคำหยาบคายและข่มขู่ ที่โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์ ใต้ตึก 3 เนติวิทย์จึงได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ปทุมวัน แล้วเป็นที่เรียบร้อย พร้อมด้วยรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต นายบัญชา ชลาภิรมย์

เนติวิทย์เพิ่งได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานสภานิสิต และยังไม่ทันจะได้ทำหน้าที่นี้เลย กลับมีคนตัดสินเขาไปแล้วจากการปั่นข่าวของสำนักข่าวบางสำนัก ด้วยเฮตสปีช (hate speech) ต่างๆ และลงข่าวด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ใส่ร้าย และสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม

แนะควรพูดคุยด้วยเหตุผล

เนติวิทย์ไม่เคยคุกคามและข่มขู่ชีวิตของใคร เขาเป็นเพียงนิสิตธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น เขาเพียงแค่นำเสนอแนวคิดใหม่ๆ ให้กับสังคมได้ตระหนักคิดเท่านั้น เขาไม่เคยบังคับใครให้เชื่อตามเขา ไม่เคยจับคนที่คิดต่าง เขาต่อสู้ด้วย “ความคิด” ไม่ใช่ “อาวุธ” ถึงคุณจะมีอาวุธ เขาก็มีแต่ “มือเปล่าเท่านั้น” และถึงแม้เขาจะถูกกระทำแบบนี้ เขาก็ยังยืนยันในอุดมการณ์ที่มั่นคงและแน่วแน่ต่อไป

ถือเสียว่าสงสารนิสิตธรรมดาอนาคตของชาติคนนึงเถอะครับ อย่ามุ่งหมายทำร้ายกันเลย เขาพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นอยู่แล้ว หากท่านไม่พอใจหรือไม่เห็นด้วยกับเรื่องใด ก็พูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผลดีกว่าครับ เพราะผมเชื่อว่า “เหตุผล” ย่อมแก้ไขปัญหาได้ดีกว่า “กำลัง” และควรให้โอกาสเขาในการพิสูจน์ตัวเองในการทำงานในตำแหน่งนี้ด้วยนะครับ แถมตำแหน่งประธานสภานิสิตจุฬาฯ ก็มีอำนาจแค่ในจุฬาฯนี่แหละครับ ไม่กระทบชีวิตของพวกท่านที่จะเปลืองเวลามาคุกคามแน่นอน เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่าครับ #สังคมลงแดง #lessviolencemorepeace

ตู่ชี้เรือดำน้ำจบแล้ว-อย่าพูดอีก

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์หรือมินิคาบิเนต ครั้งที่ 5/2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล ร่วมกับรองนายกฯ รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนต้นของการประชุมว่า ขอขอบคุณที่ภาคเอกชนให้การสนับสนุน ทำงานร่วมกับรัฐบาล ปัญหาขณะนี้คือการสร้างความเข้าใจที่ดีให้ประชาชน ทั้งนี้ต้องการให้ภาคเอกชนช่วยชี้แจงการทำงานของรัฐบาลด้วย และรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเอกชน

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบการลงนามซื้อเรือ ดำน้ำกับจีน อาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 ว่า “จะเข้ามาตราอะไรก็เข้าไป ผมไม่รู้ ไปว่ากันตามกฎหมาย ผมขี้เกียจพูดแล้ว อย่ามาพูดกับผมเรื่องเรือดำน้ำอีก ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย จะไปว่าอะไรก็ว่ามา”

ผบ.ทบ.แจงซื้อรถถังจีน

ที่บ้านดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดซื้อรถถัง VT4 จากสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า เป็นโครงการจัดหารถถังทดแทน โดยรถถัง Oplot-M ของประเทศยูเครน ได้รับแล้ว 20 คัน อีก 5 คัน กำลังจะมา และที่ลงนามสัญญาในปีที่แล้วคือรถถัง VT4 จากจีน 28 คัน ตามสัญญาจะมาในปีหน้า แต่จะเร่งรัดให้มาทันในปีนี้และจะนำไปบรรจุที่กองร้อยกองบังคับการ กองพันทหารม้าที่ 6 (ม. พัน 6) และกองร้อยกองบังคับการ กองพันทหารม้าที่ 21 (ม. พัน 21 ) จ.ขอนแก่น และร้อยเอ็ด

เมื่อถามว่าการจัดซื้อรถถัง VT4 จะชี้แจงให้ประชาชนรับทราบหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ยุทโธปกรณ์ที่ใช้อยู่ค่อนข้างจะเก่ากว่า 50 ปี มีการจัดหาใน 2 ระยะคือ จัดหามาจากยูเครน ซึ่งยังมีปัญหาสงครามภายในประเทศ การส่งจึงยังไม่ครบขั้นตอน ส่วนระยะที่ 2 ได้ไปดูที่จีนและมีคณะกรรมการเปรียบเทียบกัน 4 ประเทศคือจีน รัสเซีย ยูเครน สิงคโปร์ ท้ายที่สุดคณะกรรมการก็เลือกของจีน เพราะจากที่ได้ดูรายการส่งกำลังบำรุงค่อนข้างชัดเจน และข้อตกลงสุดท้ายคือการมาสร้างศูนย์ซ่อมสร้าง เพื่อดูแลเรื่องอะไหล่ในพื้นที่ของเราเอง ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น ส่วนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในส่วนศูนย์ซ่อมสร้างนั้น อยู่ในขั้นตอนของกระทรวงกลาโหมที่ดูในภาพรวม อยู่ในความดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและรมว.กลาโหม ถือเป็นขั้นตอนใหญ่

วิษณุไม่ขัดยื่นสอบเรือดำน้ำ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบการจัดซื้อเรือดำน้ำ อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 23 ของพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ที่ระบุให้การของบผูกพันต้องดำเนินการภายใน 60 วันหลังวันที่ 1 ต.ค. 2559 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ ระบุว่าสัญญาระหว่างประเทศต้องผ่านสนช.ว่า การเสนอของบประมาณ หากมีความจำเป็นก็พิจารณาได้โดยไม่ผิดขั้นตอนอะไร และหากเป็นสัญญาระหว่างประเทศที่เข้าข่ายมาตรา 178 ต้องให้สนช.พิจารณาก่อน แต่เรื่องนี้ผู้เกี่ยวข้องให้ความเห็นแล้วว่าไม่เข้าข่ายมาตรา 178 ไม่ใช่ว่าสัญญาทุกประเภทจะต้องเข้าข่ายมาตรานี้ บางอย่างก็ไม่เข้า เมื่อร้องเข้ามาก็มีการตรวจสอบ

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจว่ากระบวนการจัดซื้อเรือดำน้ำทำถูกต้องแล้วหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ผู้ที่เกี่ยวข้องเขายืนยันเช่นนั้น”

ศรีสุวรรณยื่นผู้ตรวจแล้ว

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ใช้อำนาจรัฐธรรมนูญ มาตรา 231 (2) เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครอง กรณีการดำเนินการลงนามในสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำ S26T จากจีน ของรัฐบาลหรือกระทรวงกลาโหมหรือกองทัพเรือ ว่าเป็นการกระทำของหน่วยงานรัฐ หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีปัญหาความชอบตามรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย หรือไม่

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การจัดซื้อดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.วิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2503 มาตรา 23 ที่ระบุว่าหน่วยงานของรัฐที่จะก่อหนี้ผูกพันจะต้องเสนอเรื่องให้ ครม.อนุมัติเห็นชอบภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้นใช้บังคับ ซึ่งกรณีนี้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2560 ถูกใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2559 ครม.สามารถอนุมัติก่อหนี้ผูกพันได้ไม่เกินวันที่ 30 พ.ย.2559 แต่พบว่ากองทัพเรือเสนอให้ ครม.พิจารณาในวันที่ 18 เม.ย.2560 ซึ่งถือว่าเกินระยะเวลา 60 วันตามที่กฎหมายกำหนด หรือจะอ้างว่ากองทัพเรือเสนอตั้งแต่ช่วง 60 วัน แต่ก็เหมือนกับว่า ครม.ยังไม่เห็นรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง เท่ากับครม.เซ็นเช็คเปล่าให้กับกองทัพเรือหรือไม่

รอดูคนยอมรับผลสอบหรือไม่

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า การลงนามซื้อเรือดำน้ำแบบรัฐต่อรัฐ น่าจะเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคง การลงทุนของประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 ซึ่งกำหนดว่าต้องเสนอให้รัฐสภาหรือสนช.ให้ความเห็นชอบก่อน แต่วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ซึ่งเป็นผู้แทนของรัฐบาลไทย ได้ลงนามข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำลำที่ 1 กับประธานกรรมการบริษัทของจีน ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าการกระทำเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.วิธีงบประมาณ และขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาและเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครอง เพื่อให้วินิจฉัยว่าการลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างเรือดำน้ำจากจีนลำที่ 1 เป็นโมฆะหรือไม่

“การที่ผมยื่นเรื่องให้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบเรื่องเรือดำน้ำในก่อนหน้านี้ ถือเป็นคนละเรื่องกับการยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน อย่านำมาปนกัน ซึ่งขณะนี้ สตง.ยังไม่มีการชี้ชัดว่าการกระทำของกองทัพเรือเข้าข่ายผิดวิธีงบประมาณหรือไม่ ซึ่งผมจะเฝ้าติดตามว่าผลการพิจารณาจะออกมา สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และเป็นที่ยอมรับของสาธารณชนหรือไม่ ซึ่งผลการพิจารณาจะเป็นเครื่องตรวจสอบการทำงานขององค์กรเหล่านั้นเอง” นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายสงัด กล่าวว่าคำร้องนี้เป็นคำร้องแรกของผู้ตรวจการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งยืนยันว่าผู้ตรวจฯ มีอำนาจตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชนและคำร้องก็ชัดเจน ทางสำนักงานจะเร่งเสนอให้ผู้ตรวจฯพิจารณาโดยเร็ว ส่วนที่จะจ่ายเงินงวดแรก 700 ล้านบาทในวันที่ 24 พ.ค.นี้ ทางผู้ตรวจฯไม่มีอำนาจสั่งระงับ เพราะไม่ใช่ศาลที่จะไปสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้ แต่หากท้ายที่สุดศาลมีคำวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญ ศาลสามารถสั่งเพิกถอนการกระทำที่ผ่านไปแล้วได้ ส่วนความเสียหายสามารถเรียกร้องทางแพ่งได้

ลูกท็อปย้ำไม่ขายพรรค

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตรมช.คมนาคม และแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงจุดยืนของพรรคภายหลังมีกระแสข่าวจะรวมกับพรรคเพื่อไทยว่า การชี้แจงครั้งนี้ในนามครอบครัวศิลปอาชาที่ถูกพาดพิงในทางเสียหาย ยืนยันว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โทรศัพท์มายังครอบครัวศิลปอาชาจริง แต่โทรศัพท์มาแสดงความเสียใจกับการจากไปของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ตั้งแต่ปี 2559 เท่านั้น โดยไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องทางการเมือง ซึ่งนับจากนั้นมานายทักษิณก็ไม่เคยติดต่อมาอีก

นายวราวุธกล่าวว่า แนวทางการทำงานของพรรคจากนี้จะเดินหน้าสู่การเป็นสถาบันการเมืองในอนาคต โดยจะดำเนินการในนามมติของพรรคเท่านั้น พรรคชาติไทยพัฒนาคือความภูมิใจของทุกคน หากขายเท่ากับทรยศต่อจิตวิญญาณของนายบรรหาร แม้ไม่มีทุนหนาอย่างที่ใครตั้งข้อสังเกต แต่ไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินของใคร สามารถอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง และคิดว่าเมื่อมีการเลือกตั้ง รัฐบาลน่าจะเปิดโอกาสให้พรรคทำกิจกรรม จากนั้นจะเปิดระดมทุนเหมือนการเลือกตั้งทั่วๆ ไป พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้เป็นพรรคใหญ่ แต่เป็นพรรคขนาดกลางและเล็กเท่านั้น นโยบายของพรรคที่วางไว้จะต้องขับเคลื่อนในสิ่งที่เป็นไปได้

ขอสานต่อปณิธาน”บรรหาร”

เมื่อถามว่าในอนาคตมีโอกาสที่พรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคเพื่อไทยจะทำงานร่วมกันหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคต เพราะการร่วมกันเป็นพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง การร่วมกันเป็นพันธมิตรในทางการเมืองก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการเข้ามาเทกโอเวอร์

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลือกหัวหน้าพรรคในอนาคต นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าผู้ใหญ่ในพรรคเห็นสมควรให้ตนดำรงตำแหน่ง ส่วนตัวก็พร้อมทำหน้าที่เพื่อให้พรรคก้าวเดินต่อไป โดยจะสานต่อปณิธานและจิตวิญญาณของนายบรรหาร ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องท้าทาย ส่วนตัวไม่หนักใจเพราะรู้ว่าไม่ช้าก็เร็ว นายบรรหาร ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าเพราะไม่ใช่ซูเปอร์แมน แต่ไม่คิดว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้

พิเชษฐยันยังหนุนมาร์ค

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสเทกโอเวอร์พรรคชาติไทยพัฒนาว่า สงสัยว่าประเด็นข่าวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย อยากถามว่าคนปล่อยข่าวนี้ต้องการอะไรจากสังคม นอกจากนี้นายวราวุธบุตรชายนายบรรหาร ได้ออกมาให้ข่าวในประเด็นดังกล่าวแล้ว ประชาชนฟังแล้วก็เชื่อได้ว่าเป็นไปจริงตามนั้น พรรคเพื่อไทยเคารพต่อความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่และมีจิตวิญญาณต่อสู้เพื่อประชาชน มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี ดังนั้นไม่ควรมีประเด็นข่าวว่าใครจะไปเทกโอเวอร์ได้ ทั้งนี้ขอให้กำลังใจพรรคชาติไทยพัฒนาไทยก้าวต่อไปเพื่อเป็นที่พึ่งที่หวังให้กับประชาชน

นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความแสดงเจตนารมณ์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า นอกจากนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ จะยอมเข้ามาดูแลแก้ไขสถานการณ์ ขอยืนยันว่า ตนและสมาชิกจำนวนไม่น้อย ยังสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ถ้าผิดจากนี้ จะขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะรับไม่ได้หากอุดมการณ์ 71 ปีของพรรคต้องถูกบิดเบือนไป

พท.จี้ผู้มีอำนาจหยุดครอบงำสื่อ

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ทีมสำนักเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักประกันได้ว่า ผู้มีอำนาจได้ล้มเลิกแนวคิดควบคุมการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนอย่างสิ้นเชิง แม้สปท.จะตัดประเด็นการออกใบอนุญาตสื่อและยกเลิกบทลงโทษจำคุกและปรับสื่อที่ไม่มีใบอนุญาตตามพ.ร.บ.คุ้มครองสื่อฯแล้ว แต่ยังวางใจไม่ได้ เพราะยังต้องผ่านการพิจารณาอีกหลายขั้นตอน ผู้เกี่ยวข้องยังสอดไส้เนื้อหาที่ขัดต่อหลักเสรีภาพของสื่อ หรือปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนได้อีก

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า หากผู้มีอำนาจมีความจริงใจและไม่คิดครอบงำสื่อจริงๆ ต้องยกเลิกแนวคิดกำหนดสัดส่วนคณะกรรมการจากภาครัฐไว้ในโครงสร้างของคณะกรรมการที่มีอำนาจกำกับดูแล หรือให้คุณให้โทษสื่อได้ ไม่ว่าในรูปของสภาวิชาชีพ หรือจะใช้ชื่อเรียกเป็นอย่างอื่น เพราะเป็นการวางกลไกครอบงำสื่อได้ทั้งสิ้น ขัดต่อหลักการทำงานของสื่อที่ต้องมีอิสระ เพื่อตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ ทั้งนี้ผู้มีอำนาจไม่ควรรีบร้อนผลักดันในช่วงนี้ เพราะยังมีกระแสต่อต้านและยังมีประเด็นที่ต้องถกเถียงและหาข้อยุติไม่ได้ ควรจะรอจนกว่าทุกฝ่ายจะได้พูดคุยกันจนเกิดความเข้าใจและยอมรับกติกา

“ส่วนสมาชิก สปท.และสนช. ก่อนจะเอาเป็นเอาตายกับการผลักดันกฎหมายที่มีเนื้อหาครอบงำสื่อและปิดหูปิดตาประชาชน ควรถามตัวเองว่าเคยสนใจทำเรื่องที่ดีๆ และมีประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่บ้างหรือไม่ เช่น ตรวจสอบการใช้งบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ” ร.ท.หญิง สุณิสากล่าว

“อ๋อย”สับเละกม.พรรค

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษา ธิการและแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่องกฎหมายพรรคการเมืองว่า ปัญหาใหญ่ที่ยังคงอยู่คือการกำหนดเงื่อนไขสำหรับการประกาศนโยบายต่างๆ การให้กรรมการบริหารพรรครับผิดกรณีสมาชิกพรรคทำผิดกฎหมาย และการให้ น้ำหนักกับสมาชิกพรรคและสาขาพรรคกำหนดผู้สมัครหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งโดยรวมแล้ว จะทำให้พรรคหา สมาชิกได้ยาก พร้อมๆ กับไม่ประสงค์จะให้มีสมาชิกมากๆ ทำให้พรรคส่วนใหญ่มีสมาชิกน้อยและไม่เป็นพรรคของมวลชน พรรคเล็กๆ และพรรคใหม่เกิดยากและอยู่ยาก

นอกจากนี้จะเกิดปัญหาในการบริหารพรรค อาจเกิดความขัดแย้งภายในพรรคจนไม่เป็นอันทำงาน อีกทั้งการกำหนดให้กรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดต่อการทำผิดกฎหมายของสมาชิกนั้น เป็นการผิดธรรมชาติและไม่มีองค์กรอื่นทำกัน

ทหารผิด-ผบ.ทบ.ต้องผิดด้วยหรือ

“เหมือนทหารคนหนึ่งไปทำผิดกฎหมายแล้วให้ผบ.ทบ.ต้องรับผิดไปด้วยหรือ” นายจาตุรนต์ระบุ

นายจาตุรนต์กล่าวว่า โดยรวมแล้วร่างกฎหมายพรรคนี้ จะทำลายบทบาทของพรรคและทำให้ระบบพรรคซึ่งเป็นกลไกสำคัญของระบบรัฐสภาและประชาธิปไตยอ่อนแอลงอย่างมาก

“ระบบอย่างนี้เหมาะกับรัฐบาลที่มีคนนอกเป็นนายกฯ ซึ่งนโยบายต่างๆ จะถูกกำหนดโดยข้าราชการประจำที่จะทำตาม นโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติเป็นหลักโดยไม่ต้องคำนึงถึงความต้องการของประชาชน แต่ถ้านายกฯ มาจากการเลือกตั้งและพรรคต่างๆ ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลขึ้น พรรคจะต้องสาละวนอยู่กับปัญหากฎหมายและความขัดแย้งในพรรค ที่สำคัญจะไม่สามารถกำหนดนโยบายตามที่สัญญากับประชาชนไว้ เนื่องจากกระบวนการที่พรรคประกาศนโยบายต่อประชาชนแข่งกันจะถูกขัดขวางตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งแล้ว” นายจาตุรนต์สรุป

มีชัยชี้รวมพรรคได้-แต่ซื้อผิด

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกระแสข่าวการซื้อพรรคการเมืองว่า ต้องตรวจสอบว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ หากพบว่าเป็นข้อเท็จจริงอาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย โดยร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง ฉบับที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาอยู่นั้น มีบทบัญญัติให้ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมกันตรวจสอบ

นายมีชัยกล่าวต่อว่า สำหรับกติกาใหม่ว่าด้วยพรรคการเมืองที่กรธ.บัญญัติคือ การรวมตัวของพรรค สามารถทำได้ 2 กรณี คือ พรรครวมตัวกันเพื่อตั้งพรรคใหม่ หรือพรรคใดพรรคหนึ่งยุบพรรคเพื่อร่วมกับพรรคหลัก ซึ่งทำได้ก่อนการเลือกตั้ง แต่หากมีการเลือกตั้งแล้วเสร็จ และมีส.ส.จะไม่สามารถรวมพรรคได้

ย้ำกม.คุมสื่อต้องไม่ขัดรธน.

นายมีชัยกล่าวถึงการส่งรายงานและร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน โดยสปท.ให้กับครม. ทั้งที่ยังมีประเด็นที่องค์กรสื่อมวลชนติดใจว่า เชื่อว่าการพิจารณาร่างกฎหมายใดนั้น จะใช้ความถี่ถ้วนและไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ทั้งนี้ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนดเงื่อนไขการออกกฎหมายไว้ว่า เมื่อสภาพิจารณาจนเสร็จ ต้องนำส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่ามีเนื้อหาที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวมีข้อกำหนดด้วยว่า ก่อนนายกฯ จะนำร่างกฎหมายทูลเกล้าฯ ต้องรอไว้ 5 วันเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดคือ สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา เข้าชื่อเพื่อส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ หากพบบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ

นายมีชัยกล่าวว่า กรณีที่องค์กรวิชาชีพสื่อยังมีข้อกังวลต่อเนื้อหาที่อาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญนั้น ในกระบวนการดังกล่าวสามารถส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้เช่นกัน แต่ต้องรอจนกว่าที่ร่างกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ที่ผ่านมาเคยมีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีกฎหมายการครอบครองแป้งข้าวหมาก ที่มีบทบัญญัติว่าผู้ใดครอบครองต้องได้รับอนุญาตก่อน เมื่อส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญและมีคำวินิจฉัยว่าเนื้อหาขัด ก็ไม่มีผลบังคับใช้

วิษณุแจงจัดคุยสื่อเป็นรอบๆ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการเชิญตัวแทน 30 องค์กรสื่อเข้าหารือเพื่อรับฟังความเห็นร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนว่า ต้องรอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ส่งร่างมาก่อน จากนั้นจะเชิญมาพูดคุย ที่บอกก่อนหน้านั้นว่าจะเชิญมา 40 คน อาจจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่ได้หมายความว่าจะเลือกคุยบางคน ถ้ามาทั้งหมดแล้วมีเวลา 2 ชั่วโมง คนที่ไม่ได้พูดก็จะว่าเอา

นายวิษณุกล่าวว่า ตนยินดีพบกับทุกคน ใช้เวลาหลายวันได้ ไม่มีปัญหาและพร้อมรับฟังความเห็น ไม่อย่างนั้นจะเชิญมาทำไม แต่การคุย คิดว่าต้องแบ่งเป็นรอบๆ จะได้พูดทุกคน แบ่งประเภทเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุพวกหนึ่ง และสื่อออนไลน์ จะได้คุยกันทั่วถึง จะพูดอะไรก็พูดไปและคิดว่าจะเชิญนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม และนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) มาร่วมพูดคุยด้วย เพราะอาจจะมีมุมอื่นที่ไม่ใช่สื่อหนังสือพิมพ์จะเสนอด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อรับฟังแล้วจะนำร่างไปปรับปรุงตามที่มีการคัดค้านหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องรอดูก่อนเพราะต้องเสนอเรื่องเข้าครม. หากครม.เห็นชอบให้ปรับปรุงก็จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่าควรมีคนของรัฐบาลเข้าร่วมในองค์กรวิชาชีพสื่อด้วยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ตอบ ซึ่งทราบว่าสื่อไม่ต้องการให้คนของรัฐเข้ามา และตนจะเชิญมาคุย ก็ช่วยมา บอกเหตุผลว่าอะไร

“บิ๊กตู่”ปรับอีกฮวงจุ้ยทำเนียบ

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ได้ปรับเปลี่ยนอ่างบัวใหม่จากอ่างดินสีดำ-เทาที่เพิ่งนำมาประดับเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จำนวน 10 อ่างในราคาอ่างละ 5 พันบาท โดยเปลี่ยนอ่างบัวทั้งหมดมาเป็นอ่างบัวเซรามิกสีเขียว-ฟ้าสดใส พร้อมปลูกบัวสีใหม่ เพื่อเสริมสิริมงคล

น.ส.เรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกฯ เปิดเผยว่า การเปลี่ยนสีอ่างบัวมาเป็นสีเขียวฟ้านั้น เป็นแนวคิดของพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ เพื่อให้สอดรับกับสีของสนามหญ้าบริเวณตึกไทยคู่ฟ้า จะได้เกิดความกลมกลืน และที่เลือกใช้อ่างเซรามิก เพื่อไม่ให้น้ำรั่วซึม เพราะถ้าเป็นอ่างดินเช่นเดิมจะมีปัญหาน้ำรั่วซึม จึงประสานกับสวนนงนุชซึ่งได้สั่งอ่างบัวจากจ.ราชบุรี มาปรับเปลี่ยนให้ทันที เช้าวันนี้เมื่อพล.อ.ประยุทธ์มาถึง พล.อ.วิลาศได้รายงานและชี้ให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนอ่างบัวใหม่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์พอใจ พร้อมกล่าวว่า “สวยดี แฮปปี้ และพอใจ” ส่วนค่าใช้จ่าย พล.อ.ประยุทธ์ใช้เงินส่วนตัวจัดซื้อเองทั้งหมด ซึ่งทางสวนนงนุชได้ลดราคาให้ รวมทั้งมาดูแลรักษาให้ทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บัวถือเป็นพืชมงคลที่นิยมปลูกในบ้านตามความเชื่อว่าจะนำมาซึ่งสิ่งดีๆ เป็นสัญลักษณ์ของคุณงามความดี เป็นไม้มงคล ที่สำคัญการปลูกบัวทางทิศตะวันตกจะเจริญงอกงามมากกว่าการปลูกบัวทางทิศอื่นๆ สำหรับพล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่เกิดวันเสาร์ จึงเน้นปลูกบัวสีม่วงและสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีประจำวันเกิด ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์เผยว่าชอบบัวโดยเฉพาะบัวหลวงอย่างมาก

“ตู่”วางกรอบ1.9หมื่นล.ทำงบปี61

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะกรรมการพิจารณาการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์แผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ครั้งที่ 1/2560 โดยใช้เวลาประชุมเพียง 1 ชั่วโมง

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ถือเป็นการประชุมระดับนโยบายข้างบนในเรื่องการเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ที่จัดเพิ่มเติมขึ้น ซึ่งเป็น กลุ่มงานยุทธศาสตร์ งานสร้างความเข้มแข็ง ที่ผ่านมาไม่เคยมี แต่รัฐบาลนี้มุ่งมั่นทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว เราพยายามจัดหาและรวบรวมงบที่มีอยู่มาเพิ่มเติมลงไป ข้อสำคัญคือการเสนอความต้องการที่มีจำนวนมาก ถือเป็นการจัดทำงบลักษณะนี้เป็นครั้งแรก และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งตนให้นโยบายไปว่าเห็นชอบในหลักการในวงเงินที่เสนอขึ้นมา แต่ต้องนำไปกลั่นกรองอีกครั้งหนึ่ง และที่ตนเห็นชอบเพราะผ่านระดับท้องถิ่น รองนายกฯ รัฐมนตรีขึ้นมาแล้ว จากนี้คณะกรรมการทั้ง 6 ภาคจะไปหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพราะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ได้วางกรอบความเร่งด่วนให้เสร็จใน 3 ระยะ คือ ระยะสั้นภายใน 1 ปี ระยะกลาง 2 ปี และระยะยาว 3 ปีขึ้นไป ทั้งนี้พยายามทำให้เร็วที่สุดแต่ขึ้นอยู่กับวิธีบริหารจัดการ ที่สำคัญอย่ามาว่างบฯเยอะและอย่ามีทุจริต ยืนยันว่าจะมีคณะกรรมการติดตามทุกภาคในการทำงาน ขอเตือนเจ้าหน้าที่ด้วย ขอร้อง ติเพื่อก่อได้ แต่อย่าล้มในสิ่งที่เรากำลังเริ่มดำเนินการ มันมีหลายอย่างด้วยกัน

เมื่อถามว่ากรอบงบประมาณทั้งหมดเท่าไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตั้งเอาไว้เดิม 1.9 หมื่นล้านบาท วันนี้เสนอมาเกินอยู่แล้ว ต้องตัดทอนออก อันไหนที่ทำไม่ได้ตามระยะเวลาก็แก้เป็นอย่างอื่นเพื่อให้นำไปทำประโยชน์เร็วขึ้น สรุปว่ามีหลายอย่างที่ยังติดอยู่

“บิ๊กตู่”ส่งสารยินดีปธน.ฝรั่งเศส

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเอ็มมานูเอล มาครง ได้รับคะแนนเสียงเป็นว่าที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่ว่า ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประเทศไทยก็เป็นมิตรกับฝรั่งเศส วันนี้เราต้องวางตัวเองให้ถูกว่าเราควรคบค้าสมาคมกับเพื่อนบ้านอย่างไร เราต้องวางตัวให้อยู่ในจุดที่พอดีและเหมาะสม คิดอะไรให้สร้างสรรค์ อย่าไปคิดให้ทะเลาะเบาะแว้ง เราต้องอยู่บนจุดยืนของเราให้ได้ ลดความหวาดระแวง สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและผลประโยชน์ที่เป็นธรรม เท่าเทียมในการคบค้าสมาคม เพราะเราก็เป็นหนึ่งประเทศมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่งสารแสดงความยินดีกับนายเอ็มมานูเอล มาครง ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส คนที่ 8 โดยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่ามีความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฝรั่งเศสจะแน่นแฟ้นมากขึ้น ภายใต้การนำของนายมาครง และตนเฝ้ารอที่จะทำงานร่วมกับนายมาครง อย่างใกล้ชิดเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

แกนนำนปช.รับข้อหาล้มประชุม

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สหัส โหรวิชิต รอง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ปฏิบัติราชการ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และพ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ในคดียุยงส่งเสริมให้ให้เกิดความปั่นป่วน กรณีกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงยกขบวนไปปิดล้อมและล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อเดือนเม.ย 2552

โดยมีนางธิดา โตจิราการ แกนนำนปช. พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง มาให้กำลังใจ ทั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. แจ้งว่าจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงบ่าย ขณะที่คนอื่นๆ ติดต่อขอเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ซึ่งภายหลังให้ปากคำและพิมพ์ลายนิ้วมือเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอนุญาตให้กลับได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ออกหมายเรียกแกนนำ นปช.รวม 7 คน มารับทราบข้อกล่าวหา ประกอบด้วย 1.นายวีระกานต์ 2.นพ.เหวง 3.นายณัฐวุฒิ 4.นายจตุพร 5.นายอดิศร เพียงเกษ 6.นายจักรภพ เพ็ญแข และ 7.นายสุพร อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน