ผบ.ตร.นำทีมสอบปากคำ “เปรี้ยว สวยสังหาร” กับพวกหลังถูกคุมตัว บินเข้ากรุง ก่อนแถลงรายละเอียดคดี เผยเปรี้ยวรับสารภาพ พร้อม เล่ารายละเอียดทั้งหมดว่าใครทำอะไร ยัน ไม่เกี่ยวแก๊งยาข้ามชาติ เผยเส้นทางหนี มีเงินติดตัว 1 แสน ด้านแม่เปรี้ยวดีใจลูกยอมมอบตัวกลับมารับโทษ วอนทุกฝ่ายอโหสิ กรรมให้ ขออย่าประหารชีวิตเลย ขณะที่ยายน้องแอ๋ม ขอบคุณตร.จับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด วิญญาณหลานจะได้สงบ ส่วนการดำเนินคดีขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ล่าสุดคุมตัวทั้ง 3 คนถึงขอนแก่น เตรียมทำแผนฯวันนี้ (คลิปน้ำตาไหล!! ‘เอิร์น-แจ้’เปิดปากครั้งแรก เผยนาทีอยู่ในเหตุการณ์หั่นศพ เก็บร่างแอ๋ม-ล้างเลือด)

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ สำนักงาน ตม.เชียงราย หน้าด่านพรมแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.ตม.) เดินทางไปรับตัว น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ”เปรี้ยว” อายุ 24 ปี น.ส.กวิตา ราชดา อายุ 25 ปี หรือ”เอิร์น” และ น.ส.อภิวันท์ สัตยบัณฑิต อายุ 28 ปี หรือ “แจ้” 3 ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ น้องแอ๋ม ที่ อ.เขาสวนกลาง จ.ขอนแก่น ภายหลังจากทั้ง3คนเข้ามอบตัวกับตำรวจเมียนมา ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และถูกควบคุมตัวมาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น หรือ ทีบีซีฝ่ายไทย และตำรวจตม.แม่สาย เมื่อคืนวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยหลังรับตัวมาทาง พล.ต.ท.ณัฐธร พ.อ.กิดากร จันทรา ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ประธานคณะกรรมการ ทีบีซี ฝ่ายไทย พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ ผกก.ตม.เชียงราย ได้สั่งการให้ควบคุมตัวผู้ต้องเอาไว้ภายในห้องขังของสำนักงาน ตม.เชียงราย ตลอดคืนที่ผ่านมา

ทั้งนี้การไปรับตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนดังกล่าว มีผู้สื่อข่าวและประชาชนที่ทราบข่าวตั้งแต่เมื่อคืน มารอสังเกตการณ์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการแถลงข่าวหรือให้รายละเอียดใดๆ ต่อมาผบช.ตม.พร้อมกำลังควบคุมตัวทั้ง 3 คนเดินทางมาที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ต.บ้านดู่ อ.เมือง เพื่อขึ้นเครื่องบินฟอกเกอร์ของกองบินตำรวจ เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่ กรุงเทพฯ เพื่อแถลงข่าวต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานจากแหล่งข่าวจากการสอบปากคำน.ส.เปรี้ยว ให้การว่าทั้งหมดเดินทางออกจาก อ.แม่สาย ข้ามไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก เมื่อวันที่ 25 พ.ค.และข้ามไปอยู่ที่ห้องพักข้างร้านคาราโอเกะและเมื่อทราบว่ามีการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝั่งจึงได้พากันหลบหนีไปอีกหลายจุดแต่ไม่ยอมบอกว่าใครพา หลบหนี ก่อนจะพาไปค้างอยู่ที่บ้านร้างหลังหนึ่งบริเวณบ้านแม่ขาว จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงกันข้ามบ้านสันผักฮี้ ม.13 ต.แม่สาย อ.แม่สาย ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ลำน้ำสายแห่งที่ 2 ห่างจากสะพานแห่งแรกประมาณ 5 กิโลเมตร จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ผ่านไปหลายวันทั้งสามคนคิดว่าจะถูกจับกุมแน่เพราะถูกกดดันหนัก จึงคิดมอบตัวโดยตอนที่หนีมาเปรี้ยวมีเงินติดกระเป๋าประมาณ 100,000 บาท ตั้งใจว่าจะใช้ให้หมด จึงพากันไปซื้อเสื้อผ้าและกระเป๋าใส่ของโดยทิ้งเสื้อผ้าเก่าไว้ที่ห้องจนหมด ก่อนโทรศัพท์แจ้งตำรวจไทยและเมียนมาว่าจะมอบตัว และนั่งรถรับจ้างเล็กในท่าขี้เหล็กตรงไปยังสถานีตำรวจท่าขี้เหล็ก ห่างจากพรมแดนเพียงเล็กน้อยเพื่อมอบตัวดังกล่าว

รายงานข่าวระบุว่าก่อนที่จะนำตัวขึ้นเครื่อง พล.ต.ท.ณัฐธร ได้เข้าสอบปากคำ น.ส.เปรี้ยวและพวก โดย น.ส.เปรี้ยวเผยที่มาของเงินที่ใช้ในการหลบหนีว่าเป็นเงินจากการทำงาน และยังรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุฆ่าหั่นจริง นอกจากนี้ยังยืนยันว่า นายวศิน นามพรม ผู้ต้องหาที่ถูกจับที่ประเทศลาวก่อนหน้านี้ ได้ร่วมหั่นศพด้วย โดยก่อนหน้านั้น นายวศิน เคยให้การอ้างว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าหั่นศพ เพียงแต่ทำหน้าที่ขับรถเท่านั้น

วันเดียวกันนางสาคร ภาษี มารดา น.ส. เปรี้ยว เผยว่าทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่พบลูกสาวแล้ว โดยได้เตรียมเสื้อผ้าและฝรั่ง ซึ่งเป็น ผลไม้ที่น้องเปรี้ยวชอบรับประทานเพื่อไปรอรับลูกสาวและเพื่อนที่คาดว่าจะดินทางมาถึง จ.ขอนแก่น ในช่วงค่ำของวันนี้ ส่วนตัวรู้สึกโล่งใจ เพราะรู้ว่าลูกปลอดภัยและมีชีวิตรอด อยากกอดลูก ลูกใครใครก็รัก เมื่อลูกผิดแล้วก็กลับมารับโทษและอย่าทำอีก ขอให้อย่าประหารชีวิตน้องเปรี้ยวเลย

“พ่อกับแม่ จะไปรับน้องเปรี้ยวในตัวเมืองขอนแก่น แม่เตรียมฝรั่งไปให้ลูกกิน ส่วนพ่อจะเอาพระไปคล้องคอให้ลูก เพื่อให้ลูกมีความสงบสุขในจิตใจ หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ เมื่อเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ของเพื่อนลูกสาว ที่ถูกจับกุมทั้งหมดเหมือนกัน และเมื่อเปรี้ยวกลับมารับโทษแล้ว ก็ขอให้ทุกฝ่ายอโหสิกรรมให้กับลูกสาวของตนเองด้วย”

ขณะที่นางสำราญ เพียแก่น อายุ 67 ปี ยายของน้องแอ๋ม เหยื่อฆาตกรรม กล่าวว่าติดตามข่าวมาตลอด วันนี้ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้หมดแล้ว ครอบครัวดีใจมาก เพราะวิญญาณของหลานจะได้ไปดี ไปอย่างสงบ ทุกคนสงสารน้องแอ๋มมาก สำหรับการดำเนินคดีกับ ผู้ต้องหาทั้งหมดนั้นขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยในความคิดเห็นส่วนอยากให้ได้รับโทษอัตราสูงสุดคือประหารชีวิต แต่ขณะนี้ทุกคนเริ่มทำใจได้ ก็คงเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ในขั้นตอนต่างๆ และครอบครัวขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งผู้สื่อข่าวที่มาทำข่าวน้องแอ๋มตั้งแต่พบศพจนจับกุมคนร้ายได้เป็นเวลาประมาณ 10 วัน








Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะเดียวกัน นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงกรณีมีเว็บไซต์บางแห่งลงข่าวว่านักสิทธิมนุษยชน ให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีฆ่าหั่นศพ ที่ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ในทำนองปกป้องผู้ต้องหา และว่าผู้ต้องหาไม่ได้ตั้งใจฆ่าหั่นศพ และการนำศพไปหั่นนั้น เพราะทำอะไรไม่ถูก โดยนำภาพของนางอังคณามาเป็นรูปประกอบข่าว ทำให้สังคมเข้าใจว่าเป็นผู้ให้ความเห็นดังกล่าวว่า

“อยู่ ตปท. ไม่เคยแสดงความเห็น หรือให้สัมภาษณ์เรื่อง “เปรี้ยว” เขียนกันซะเป็นตุ เป็นตะ ทีอย่างนี้กระทรวงไอซีที หรือ จนท.ทั้งหลาย รวมถึงพวก IO ที่คอยส่องเฟซ ส่องบล็อก จับผิดใครต่อใครไม่เห็นจับคนเขียนข่าวเท็จแบบนี้บ้าง หรือจะปล่อยให้พวกชอบสร้างความเกลียดชังชาวบ้านลอยนวลแบบนี้ #อยู่ยากขึ้นทุกวัน #อะไรๆ ก็มาลงตรงนี้แหละ” นางอังคณา ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชี่ยลมีการเผยภาพทั้งเปรี้ยว เอิร์น และแจ้ 3 ผู้ต้องหาขณะถูกควบคุมตัวที่ ตม.เชียงราย โดยทั้งหมดยังมีการทาครีมก่อนนอน แต่งหน้าแต่งตา ก่อนตำรวจพาตัวออกมาขึ้นเครื่องบิน บางภาพเห็นหน้าผู้ต้องหามีสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่มีอาการการสะทกสะท้าน สร้างกระแสวิจาร์ณด้วยความไม่พอใจไปทั่ว

ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหามาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สอบปากคำน.ส.เปรี้ยวด้วยตัวเอง โดยเปรี้ยวสารภาพว่าหั่นศพแอ๋มจริง และมีใครร่วมลงมือบ้าง ซึ่งหลังสอบปากคำเสร็จ พล.ต.อ.จักรทิพย์จะแถลงผลการจับกุม อีกครั้ง

ต่อมาเวลา 15.40 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รองผบช.ภ.4 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผกก.สภ.เขาสวนกวาง ร่วมกันแถลงข่าว

พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่าคดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ต่อมาวันที่ 25 พ.ค.ได้รับแจ้งพบศพหญิงสาวถูกฆ่าหั่นศพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนจนทราบตัวผู้กระทำความผิดจนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา 5 ราย โดยนายวศิน นามพรหม อายุ 22 ปี ถูกจับที่ด่านหนองคาย น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือเบนซ์ อายุ 21 ปี ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัว จากนั้น น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว อายุ 24 ปี น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น อายุ 25 ปี และน.ส.อภิวันท์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ อายุ 28 ปี ได้หลบหนีไปกบดานที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยผู้ต้องหาที่หลบหนีไปคิดที่จะมอบตัวแต่ยังลังเลอยู่ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้กดดันไปทางประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยติดตามตัว จนในที่สุดก็ยอมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่

พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยต่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเบื้องต้นกับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน 3 ข้อหา ประกอบด้วยข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ข้อหาปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ และข้อหาปล้นทรัพย์” ส่วนสาเหตุจากการสอบปากคำเบื้องต้นน.ส.ปรียานุช รับสารภาพว่ามาจากปัญหาส่วนตัว ทั้งเรื่องหนี้สินเก่าที่ผู้ตายได้ยืมเงินไปประมาณ 3-4 หมื่นบาท และเรื่องยาเสพติดที่มีการจับกุม น.ส.วริศรา หรือ น้องแอ๋ม ในคดียาเสพติดเมื่อปลายปี 59 จนนำไปสู่การขยายผลไปถึงน.ส.ปรียานุช ทำให้เมื่อน.ส.ปรียานุชกลับมาจากต่างประเทศและมาพบกับน.ส.วริศรา จึงต้องการแค่จะสั่งสอน แต่เมื่อพบว่าเสียชีวิตก็ทำอะไรไม่ถูก เขาคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรศพเริ่มจะแข็ง น.ส.ปรียานุชรู้ว่าทำไปแล้วตัวเองก็ไม่รอด แต่ด้วยความคิดของผู้ก่อเหตุในขณะนั้นมีเท่านี้ โดยน.ส.ปรียานุชรับว่ามีความคิดอยู่ 2 อย่างคือนำไปถ่วงน้ำ กับหั่นศพ แต่คิดต่อว่าถ้านำไปถ่วงน้ำศพก็โผล่มา ประกอบกับเคยดูภาพยนตร์ต่างประเทศถึงวิธีการฆ่าหั่นศพ จึงได้ตัดสินใจหั่นศพ โดยไปซื้อเลื่อยและอุปกรณ์มา หลังจากนั้นได้พากันหลบหนีไป

พล.ต.อ.จักรทิพย์ยังเปิดเผยต่อว่า โดยปกติแล้วการฆ่าหั่นศพจะเกิดในต่างประเทศ ประเทศไทยเกิดคดีแบบนี้น้อยมาก ตนคิดว่าสื่อและข่าวที่ออกไปก็มีส่วนอาจทำให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้เหมือนกัน ในเบื้องต้นจากการสอบสวนพบว่าน.ส.ปรียานุชและนายวศินได้ร่วมกันหั่นศพน.ส.วริศรา อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวมีผู้ที่ร่วมกันก่อเหตุทั้งหมด 5 ราย โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนรายละเอียดว่าใครทำอะไรบ้างไม่สามารถบอกได้ เพราะอยู่ในสำนวน หากเปิดเผยอาจทำให้ผู้ต้องหาเอามาเป็นข้อต่อสู้ในคดีได้ ยืนยันว่า คดีดังกล่าวไม่ใช่ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เป็นความแค้นส่วนตัว การค้ายาข้ามชาติแทบจะไม่มีน้ำหนัก ส่วนน.ส.จิดารัตน์หรือเบนซ์ แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆ่าคดีนี้ แต่ได้นำโทรศัพท์ของผู้ตายไปขาย นอกจากนี้ น.ส.จิดารัตน์เคยทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ น.ส.ปรียานุชก็เลยให้ช่วยติดต่อให้ โดยไม่มีผู้พาหนี ส่วนนายเก้าหรือเกล้าเจ้าหน้าที่ไม่มีข้อมูลว่าได้พาผู้ต้องหาหลบหนี ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนหลบซ่อนตัวด้วยตนเอง เจ้าหน้าที่พยายามกดดันทุกวิถีทาง คดีนี้ไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน หลังจากน.ส.ปรียานุชตั้งสติได้จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว เพราะไม่อยากให้คนที่ไปพักด้วยได้รับความเดือดร้อน จากประสบการณ์ของตนผู้ต้องหาตอบคำถามทุกคำถามโดยไม่ลังเล ทั้งนี้ผู้ต้องหาจะให้การอ้างว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องในสำนวนที่เขาจะให้การต่อไป

พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยต่ออีกว่า ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใส่กุญแจมือเพราะเชื่อว่าผู้ต้องหาคงไม่หลบหนี และอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบกับผู้ต้องหาคิดจะมอบตัวอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากสอบสวนแล้วพบว่ามีการกระทำที่เป็นความผิด เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ ผู้ต้องหาต่อไปแต่จะต้องรอสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 3 ก่อน นอกจากนี้การไปเที่ยวสถานบันเทิงก่อนก่อเหตุไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาจะเสพยาหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้จะส่งไปตรวจหาสารเสพติดต่อไป โดย เจ้าหน้าที่จะทำให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งนี้คดีดังกล่าวได้สอบปากคำไปแล้ว 22 ปาก หลังจากนี้ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งที่ จ.ขอนแก่น ก่อนจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพประมาณ 7-8 จุด ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้

ต่อมาเวลา 18.40 น. ตร.ควบคุมตัว ผู้ต้อง หาทั้งสามสาว ขึ้นเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินทางมาถึงสนามบินขอนแก่น โดยมีรถตู้มารอรับ ก่อนจะพาทั้ง 3 คน เข้าไปยัง ศฝร.ภาค 4 เพื่อสอบปากคำ เพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวทั้ง 3 คน มาถึง ศฝร.ภาค 4 ได้มีนางสาคร ภาษี แม่น.ส.เปรี้ยว และพี่สาว เดินทางมารอพบหน้า เมื่อแม่เปรี้ยวเห็นหน้าลูกสาวก็ถึงกับร่ำไห้ออกมา และพยายามฝ่าวงล้อมเข้าไป พร้อมกับตะโกนบอกว่า “เปรี้ยวลูกแม่ เปรี้ยวลูกแม่” แต่เจ้าหน้าที่ก็รีบพาตัวทั้ง 3 คนเข้าไปห้องด้านในทันที โดยที่แม่ลูกก็ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกัน จนทำให้ผู้เป็นแม่ถึงกับเป็นลมล้มพับ พี่สาวของเปรี้ยวต้องรีบคว้าตัวไว้ ก่อนจะพาแม่เข้าไปนั่งพักภายใน ศฝร.ภาค 4 เพื่อรอเจอหน้าลูกสาวอีกครั้งหลังสอบปากคำเสร็จ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน