สามีเผย “แอ๋ม” มาเข้าฝัน บอกว่า “ปล่อยมือกันนะ” เอ่ยคำลาครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินจากไป ขณะที่ “แก๊งเปรี้ยว-หั่นศพ” อ่วม โดนอีกข้อหา ไตร่ตรองไว้ก่อน โฆษกตร.ย้ำ ผบ.ตร. ไม่ปกป้องผู้ต้องหาแน่นอน เพราะผ่านประสบการณ์สืบสวนมานานจึงรู้ดี ด้านพี่สาว “เอิร์น” โผล่เข้าเยี่ยมที่เรือนจำ เผย น้องเล่าให้ฟังไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วเจอ “เปรี้ยว” พร้อมเพื่อนขับรถมารับพาไปก่อเหตุ บอกกับพี่ไม่ต้องส่งเงินมาให้ แต่ขอเครื่องสำอาง ครีมกันแดด แป้งขัดผิว ดินสอ เขียนคิ้ว

(คลิปข่าว‘เปรี้ยว’บอกตำรวจ!! เพื่อนไม่เกี่ยวหั่นศพ พี่สาว‘เบนซ์’ช็อกน้องโดนโทษประหาร-โวยตร.)

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่เรือนจำกลางขอนแก่น มีญาติมาติดต่อขอเยี่ยม น.ส.กวิตา หรือเอิร์น ราชดา หนึ่งในผู้ต้องหาแก๊งเปรี้ยว คดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา หรือแอ๋ม กลิ่นจุ้ย จากการสอบถามพี่สาวของ น.ส.เอิร์น ระบุว่ามาไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ พร้อมทั้งถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยน้องสาวบอกว่าวันที่ 23 พ.ค. ไปเที่ยวสถานบันเทิงในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ดื่มกินจนเมา แล้ว น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว โนนวังชัย พร้อมเพื่อนขับรถมารับ บอกว่าจะไปส่งที่บ้าน แต่ น.ส.เปรี้ยวไม่ได้ไปส่ง กลับพาไปร่วมก่อเหตุฆ่าหั่นศพ

พี่สาวเอิร์นกล่าวว่า แม้จะรู้ว่าน้องสาวไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วก็ต้องจำยอมรับผิด รับโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น ได้บอกน้องไปว่าระหว่างถูกคุมขังให้ทำตัวให้ดี ครอบครัวจะมาเยี่ยมและพูดคุยด้วย ส่วนพ่อแม่จะมาเยี่ยมภายหลังกระแสข่าวเงียบไปก่อน น้องสาวบอกว่าถูกแยกนอนห้องเดี่ยวในแดนหญิง มาแล้ว 2 คืน มีร้องไห้บ้างบางเวลา และเครียดเป็นบางครั้ง แต่จากการพูดคุยกัน น้องบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวล เพราะยังอยู่ในช่วงปรับสภาพจิตใจ ส่วนเรื่องเงินก็ไม่ต้องนำมาให้ เพราะไม่ได้ใช้ ขอเพียงเครื่องสำอาง โดยเฉพาะครีมกันแดด แป้งขัดผิว และดินสอเขียนคิ้วเท่านั้น

ด้านนายวีรชัย เพชรรัตน์ ผบ.เรือนจำกลางขอนแก่น กล่าวว่าส่งนักจิตวิทยามาพูดคุย และสอบประวัติในชั้นต้น ทุกคนปรับสภาพจิตใจได้แล้ว ต้องทำตามกฎระเบียบของเรือนจำเหมือนกับผู้ต้องขังรายอื่น มีจำนวนกว่า 500 คน มีเพียง น.ส.เปรี้ยว ที่มีอาการเครียดเป็นบางครั้ง และแยกขัง เพราะผู้ต้องหาคดีเดียวกันจะไม่นำมาคุมขังร่วมกัน

ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอน แก่น พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภาค 4 ในฐานะหัวหน้าชุดคดีฆ่าหั่นศพ เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนและสอบสวน โดยพล.ต.ต. เจริญวิทย์กล่าวว่าตั้งข้อกล่าวหาผู้ต้อง หาเพิ่มเติมอีกข้อหา ในความผิดตามมาตรา 289 ตระเตรียมการโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพิ่มจากข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลอบฝังซ่อนเร้น หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ปล้นทรัพย์ หรือรับของโจร

รองผบช.ภาค 4 กล่าวว่าขณะนี้สอบปากคำ พยานแวดล้อมรวม 15 ปาก และผู้ต้องหา 5 ปาก รวมทั้งหมด 20 ปาก แต่อาจจะสอบสวนเพิ่มเติมอีกในบางประเด็น และตัดประเด็นนายธวัชชัย หรือเก้า อ้อมชมภู ผู้ต้องหาหนีคดียาเสพติด ที่การข่าวระบุว่าพาผู้ต้องหาหลบหนี

ส่วน พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภาค 4 กล่าวว่าจากการสอบสวนผู้ต้องหาทุกคนให้การเป็นประโยชน์ เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แบ่งแยกหน้าที่กันอย่างชัดเจน โดยหลังจากฆ่า น.ส.แอ๋ม แล้วยังคงนำศพไว้บนรถ ก่อนขับรถตระเวนซื้อสิ่งของตามจุดต่างๆ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อนำไปหั่นชำแหละศพ ด้วยการใช้เลื่อยหั่นลำตัว พอถึงตรงกระดูกสันหลังจึงใช้มีดปังตอสับลงไป และตัดแขนซ้ายอีกด้วย ล่าสุดพนักงานสอบสวนมีความเห็นคัดค้านประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน หลังจากก่อนหน้านี้คัดค้านเฉพาะนายวศิน, น.ส.ปรียานุช, น.ส. กวิตา และ น.ส.อภิวันท์

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ กล่าวถึงกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีท่าทีและคำให้สัมภาษณ์ปกป้องผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพ ว่า ไม่ได้ปกป้อง ผบ.ตร.มีประสบการณ์ด้านการสืบสวนมาเป็นเวลานาน ไม่มีความจำเป็นต้องนำเกียรติไปแลกกับการปกป้องผู้ต้องหาอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน นายศักดิ์ชัย บาทเต็มดี สามีแอ๋ม ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ “ข่าวสด” ว่าตนเองและครอบครัวโล่งใจมากๆ ขอบคุณเจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายได้รวดเร็ว เชื่อว่าทั้ง หมดไม่ใช่แพะ หรือจับผิดตัวแน่นอน ใครทำอะไรกับใครไว้เช่นไร ต้องได้รับผลของการกระทำเช่นนั้น

“ช่วงจัดงานศพน้องแอ๋มที่บ้านเกิด จ.ชัย นาท ระหว่างนั้นผมติดตามข่าวน้องแอ๋มในโทรศัพท์มือถือ ได้กลิ่นคล้ายศพลอยมา จึงรู้สึกได้ว่าต้องเป็นน้องแอ๋มแวะเวียนมาหาผมแน่ๆ รู้สึกเหมือนน้องแอ๋มยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ ตัว นอกจากนี้มีอยู่คืนหนึ่งหลับฝัน เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าใช่น้อง แอ๋มหรือเปล่า แต่ส่วนตัวเชื่อว่าต้องเป็นน้องแอ๋ม ก่อนเดินมาพูดว่า ปล่อยมือกันนะ ก่อนผู้หญิงจะเดินจากไป ผมเชื่อว่าเป็นน้องแอ๋มมาบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย” สามีเหยื่อฆ่าหั่นศพกล่าว

วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เข้าพบ ร.ต.อ.กง ไม่เศร้า รอง สว. (สอบสวน) กก.3 ปอท. แจ้งความให้ดำเนินคดีเพจออนไลน์ ในโซเชี่ยลมีเดีย ที่แอบอ้างใช้ภาพถ่ายและเนื้อหาการแสดงความคิดเห็นของกรรมการ สิทธิฯ เกี่ยวกับคดีฆ่าหั่นศพ และก่อให้เกิดความเสียหาย

นางอังคณากล่าวว่าในช่วงเวลานั้น ทำงานอยู่ต่างประเทศ ไม่เคยออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ ภายหลังถูกนำภาพถ่าย ไปใช้ จึงได้รับผลกระทบ เพราะถูกผู้ใช้สื่อออนไลน์คอมเมนต์ต่อว่าด้วยคำพูดหยาบคายอย่างรุนแรง ส่วนการเข้าแจ้งความไม่ได้ต้อง การเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ต้องการให้สังคมเคารพการแสดงความเห็นของผู้อื่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน