ตร.ปทุมฯ คุมตัว “จิมมี่” หนุ่มเมียนมา ผู้ต้องหาฆ่าต่อเนื่อง 3 ศพ ให้พยานชี้ตัว ก่อนพาไปชี้จุดเกิดเหตุ ขณะที่เจ้าตัวยังยืนยันปฏิเสธไม่ได้ฆ่าใคร แต่รับว่าผ่านที่เกิดเหตุจริง เผยเคยถูกตร.บางซื่อจับส่งกลับเมียนมา ก่อนลอบกลับมาอีก ด้านตร.มั่นใจแม้เจ้าตัวปฏิเสธ แต่มีพยานเห็นตอนมัดศพ รอผล “ดีเอ็นเอ” จากรอยเลือดมัดตัว “ศานิตย์” สั่งสอบ โยงคดีฆ่า”ลุงยิ้ม” คนขายหนังสือพิมพ์ใต้ทางด่วนพระราม 6 หรือไม่ ล่าสุดคุมตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรี

จากกรณีคนร้ายลงมือก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องอย่างโหดเหี้ยม รวม 3 ศพ ในพื้นที่ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยรายแรก คือ นายศุภร โตกกราน อายุ 24 ปี รายที่สอง คือ น.ส.สุภาพรรณ คงอยู่ดี อายุ 38 ปี พบศพเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา จากนั้นวันที่ 6 ต.ค. พบศพนายเสถียร ศรชัย อายุ 48 ปี ถูกทิ้งใต้สะพานยกระดับรังสิตเป็นรายที่สาม ทั้งหมดถูกมัดมือไพล่หลังฆ่าปาดคอ หลังเกิดเหตุ ตร.สืบสวนจนได้ภาพวงจรปิดผู้ต้องสงสัยก่อนขออนุมัติหมายจับ ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายจิมมี่ หรือบัง อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมของกลางรถจักรยาน ได้ที่บริเวณข้างถนนกำแพงเพชร แขวงและเขตจตุจักร กทม. โดยมีพยานชี้ยืนยัน แต่เบื้องต้นเจ้าตัวยังปฏิเสธและให้การวกวน ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ต.ค. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาตลอดทั้งคืน ยังคงให้การภาคเสธรวมทั้งให้การวกวนในหลายเรื่อง แต่ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง เนื่องจากมีพยานเป็นสาวประเภท 2 มาชี้ตัวว่าเคยพบเห็นนายจิมมี่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุและยังขอมีเพศสัมพันธ์กับพยาน นอกจากนี้ยังมีพยานปากสำคัญซึ่งเป็นเด็กวัย 6 ขวบ เห็นเหตุการณ์ขณะคนร้ายกำลังใช้เชือกมัดศพแรกอย่างชัดเจน

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อว่า ส่วนผลการตรวจร่างกายแม้จะพบมีบาดแผลทั้งเก่าและใหม่ปรากฏอยู่ แต่ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากการกระทำความผิด ซึ่งระหว่างการสอบปากคำได้ตรวจพบคราบสีแดงคล้ำบนเสื้อที่ผู้ต้องหาระบุว่ามีสวมใส่เพียงชุดเดียว ซึ่งผลการตรวจด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์เบื้องต้นยืนยันว่าเป็นรอยคราบเลือดจริง และเชื่อว่าไม่ใช่รอยเลือดของผู้ต้องหา ทั้งนี้ถึงแม้พยานที่เห็นเหตุการณ์จะเป็นเด็กก็ไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากระหว่างการสอบปากคำมีเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพคอยดูแลอยู่ด้วย ทั้งนี้หลักฐานที่สำคัญที่สุดในคดีนี้คือ ผลการตรวจสอบดีเอ็นเอ บนเสื้อผ้าของ ผู้ต้องหา ซึ่งหากพบว่า ตรงกับผู้เสียชีวิตรายหนึ่งรายใดที่สามารถเชื่อมโยงกับคดีที่เหลือได้ทั้งหมด คาดว่าจะสรุปผลได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ สำหรับนายจิมมี่ได้ส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนสภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ไปตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา และจะคุมตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดธัญบุรีในวันนี้ แต่ระหว่างการควบคุมตัวชั่วคราวทางตำรวจจะประสานให้ทางจิตแพทย์เข้าตรวจสอบสภาพจิตใจเพิ่มเติมต่อไป

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่านายจิมมี่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของลุงยิ้ม หรือนายวันชัย น้อยมนตรี อายุ 56 ปี คนขายหนังสือพิมพ์ ที่เสียชีวิตจากการถูกอาวุธมีดแทงบริเวณลำคอและลำตัวประมาณ 10 แผล โดยเหตุเกิดบริเวณสวนหย่อมใต้ทางด่วนพระราม 6 ฝั่งตรงข้ามคลองประปา ถ.พระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากแผนประทุษกรรมใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามทุกอย่างเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเบื้องต้น นอกจากนี้นายจิมมี่ยังปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุและเกี่ยวข้องกับการตายของ 3 ศพ ในจ.ปทุมธานี และการตายของลุงยิ้มแต่อย่างใด ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรอเทียบเคียงดีเอ็นเอ และรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัด ทั้งนี้ขอเวลาให้ตำรวจทำงานเสียก่อน

รายงานข่าวแจ้งว่านายจิมมี่เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมลุงยิ้ม เนื่องจากหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ออกติดตามผู้ต้องสงสัย โดยเน้นบุคคลเร่ร่อนหลายคนในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ซึ่ง 1 ในบุคคลเร่ร่อนคือนายจิมมี่ จากการสืบสวนและตรวจร่างกายนายจิมมี่ยังไม่พบพิรุธ ทำให้ชุดสืบสวนต้องแจ้งข้อกล่าวหากับนายจิมมี่เพียงเป็นบุคคลหลบหนีเข้าเมือง ก่อนนำตัวส่งไปกักตัวที่สำนัก งานตรวจคนเข้าเมืองและนำตัวนายจิมมี่ส่งชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะลอบกลับเข้ามาอีก หลังจากจับกุมนายจิมมี่ ตำรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ นำไปเปรียบเทียบกับคดีฆาตกรรมในพื้นที่จ.ปทุมธานี ซึ่งจะนำไปเปรียบเทียบกับวัตถุพยานคืออาวุธมีดปอกผลไม้และไม้หน้าสาม ที่ตกอยู่ในจุดเกิดเหตุในคดีฆ่าลุงยิ้มด้วย เพื่อยืนยันว่าเจ้าตัวเกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมดหรือไม่

ทั้งนี้ หลังถูกจับนายจิมมี่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับบุคคลตามหมายจับจากภาพกล้องวงจรปิด แต่ไม่ได้ฆ่าใครโดยรับว่าอยู่แถวนั้นมา 6 วัน เพียงแค่ไปเก็บขยะและขอทาน เหตุผลที่ตนวิ่งหนีขณะเจอตำรวจนั้น เพราะไม่มีบัตรอะไรติดตัว โดยก่อนนี้เคยโดนจับ ที่ สน.บางซื่อ ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะโดนส่งตัวกลับประเทศ เมียนมา หลังจากนั้น ก็เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง เมื่อช่วงสิ้นเดือน ก.ย. โดยเดินเท้าเข้ามาทางด่านแม่สอด จ.ตาก ก่อนจะมาเจอกะเหรี่ยงใจดี ให้จักรยานมาปั่น เลยใช้ปันเข้ามาใน กทม.ใช้เวลา 6 วัน จึงมาถึง

ขณะที่พล.ต.ต.ถาวร ขาวสะอาด ผบก.ภ. จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.วารินทร์ ทองตรา รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.อริยะ พันธุฟัก ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 เข้ามาเก็บลายนิ้วมือของผู้ต้องหาอีกครั้ง และติดต่อพยานที่เห็นหน้าคนร้ายในวัน เกิดเหตุมาชี้ตัว ขณะเดียวกันยังนำรถจักรยาน ของกลางที่ผู้ต้องหาปั่นผ่านกล้องวงจรปิด ในวันเกิดเหตุมาตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย

ต่อมาเจ้าหน้าที่นำตัวนายจิมมี่มาสอบปากคำเพิ่มเติมและให้พยานชี้ตัว โดยให้ยืนปะปนกับชาวบ้านอีก 4-5 ราย ซึ่งพยานชี้ตัวได้ถูกต้องตรงกัน จากนั้นจึงนำตัวนายจิมมี่ ไปชี้จุดเกิดเหตุ โดยเริ่มจากจุดที่ 1 บริเวณสะพาน อบจ.ใกล้เคียงสะพานแก้ว ต.ประชา ธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ที่นายจิมมี่ ปั่นจักรยานผ่าน จุดที่ 2 บริเวณใต้สะพาน เป็นจุดที่นั่งดื่มเหล้ากับผู้ตาย 2 ศพแรก จุด ที่ 3 ริมถนนพหลโยธินขาเข้าที่ปั่นจักรยานผ่านมุ่งหน้าพหลโยธินขาเข้า จุดที่ 4 บริเวณจุดที่พบศพผู้ตายศพที่ 3 จุดที่ 5 บริเวณจุดจอดรถจักรยานริมถนนพหลโยธิน และจุดสุดท้ายจุดที่ 6 เป็นจุดที่พบสัมภาระของผู้ตายศพที่ 3 กองอยู่ โดยตลอดการนำตัวนายจิมมี่มาชี้ที่เกิดเหตุ นายจิมมี่พูดตลอดเวลาว่าตนเองผ่านมาจุดดังกล่าวจริงแต่ไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่า หลังจากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหากลับ

พ.ต.อ.วารินทร์กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้ เป็นการทำแผนแต่เป็นการชี้จุดที่เกิดเหตุที่ ผู้ต้องหาอยู่ แม้ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ก็ต้องมีการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ถ้ามีดีเอ็นเออยู่ ในตัวผู้ต้องหาก็ต้องรับ จากนี้จะนำตัว ผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดธัญบุรีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน