เรื่องราวชีวิตของนายนพรัตน์ จักรมา หรือ น้องต๋อง หนุ่มนักเรียน ปวช.ปี 1 ของวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร (บ้านบ่อ) ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตกับความยากจน เพื่อให้ตัวเองได้เรียนหนังสือ เพื่อให้ยายมีข้าวกิน และเพื่อให้น้องชายวัย 8 เดือน ได้มีนมดื่มนั้น หลังจากที่ถูกเปิดเผยโดยผู้ที่ใช้ชื่อทางเฟสบุ๊คว่า Sunanta Noipitak แล้ว ทางผู้สื่อข่าวก็ได้เดินทางไปพบน้องนพรัตน์ หรือน้องต๋อง หนุ่มน้อยสู้ชีวิตรายนี้ ผู้ที่มีทั้งความกตัญญูหาเงินเลี้ยงดูยาย เป็นพี่ชายที่แสนดีหาเงินมาซื้อนมให้น้องวัย 8 เดือน และผู้ที่มีความมานะบากบั่นหาเงินเพื่อส่งเสียให้ตัวเองได้เรียนหนังสือสูงๆ

 

 
โดยสภาพบ้านของน้องต๋อง ที่อาศัยอยู่กับยายและน้องชายวัย 8 เดือนนั้น เป็นบ้านเก่าชำรุดทรุดโทรม โอนเอนไม่แข็งแรง หลังคามุงด้วยสังกะสีและตับจาก พอกันแดดกันฝนได้บ้าง แต่ก็ไม่ทั่วทั้งหลัง พื้นไม้ภายในบ้านก็ต้องค่อยๆ เดิน เพราะอาจจะหักพังลงไปได้ รอบบ้านแวดล้อมไปด้วยต้นป่าจาก มีน้ำคลำกักขังเป็นบ่อเกิดของโรคหลายชนิด โชคยังดีอยู่บ้างตรงที่ที่ดินที่ปลูกสร้างบ้านอยู่นั้น เป็นที่ดินของญาติกัน

 

 
น้องต๋อง เล่าว่า ขณะนี้ตนเองกำลังเรียนอยู่ในระดับชั้น ปวช.ปี 1 สาขาอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 6 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร กับนางยุพา วรรณกี้ ผู้เป็นยาย อายุ 65 ปี และเด็กชายภาคิน เวียงสันเทียะ อายุ 8 เดือน เป็นน้องชายต่างบิดา โดยตนเองนั้นได้ออกหางานทำเป็นรายได้พิเศษตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพื่อเอามาไว้ใช้เรียนหนังสือและซื้อข้าวกินกับยาย โดยได้เข้าไปเป็นพนักงานของคุ้งน้ำรีสอร์ท ทำทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 06.30 – 15.30 น. ต่อมาเมื่อประมาณต้นปีนี้ แม่ได้เอาน้องชายมาให้ยายเลี้ยงดูอีกคน ตนจึงต้องหางานพิเศษทำเพิ่ม เพื่อหาเงินมาซื้อนมให้น้อง จึงไปรับจ้างที่ร้านขายหมูกระทะทุกวันหลังเลิกเรียน เมื่อเสร็จจากร้านหมูกะทะตอนประมาณ 4 ทุ่ม ก็จะกลับเข้าบ้านดูน้อง ดูยาย ทำการบ้าน แล้วก็อาบน้ำนอน พอเช้าก็จะดูแลน้อง ทำความสะอาดเสื้อผ้า อาบน้ำให้น้องก่อน จากนั้นจึงจะแต่งตัวไปโรงเรียน

 


ด้านคุณยายยุพา เล่าว่า ได้เลี้ยงดูน้องต๋องมาตั้งแต่อายุประมาณ 1 ขวบ หลังจากที่พ่อกับแม่ของเด็กแยกทางกัน และก็ไม่เคยมีใครกลับมาเหลียวแลน้องต๋องอีกเลย ซึ่งในอดีตยายพอทำงานได้บ้าง ทางครอบครัวแม้จะยากจนแต่ก็ไม่ค่อยเดือดร้อนอะไรมากนัก จนยายอายุมากขึ้น ก็หันไปเย็บตับจากขายมีรายได้วัน 70 – 100 บาท ส่วนน้องต๋องก็ออกหางานทำเป็นรายได้พิเศษในวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ เงินที่ได้มาก็จะเอามาให้ยายเก็บไว้ ซื้ออาหาร ยารักษาโรค และเรียนหนังสือ จนกระทั่งเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว แม่ของน้องต๋องกลับมาที่บ้านอีกครั้ง หลังจากที่หายไปนานหลายปี แต่การกลับมาคราวนี้ก็ได้อุ้มน้องพอร์ต น้องชายต่างบิดาของน้องต๋อง กลับมาทิ้งไว้ให้ยายเลี้ยง ซึ่งทีแรกก็บอกว่าจะส่งเงินเป็นค่านมมาให้ทุกเดือน แต่ก็ส่งมาให้แค่สองครั้งแล้วก็หายไป โทรศัพท์ไปหาแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ตนก็ต้องเลี้ยงดูเรื่อยมา ส่วนน้องต๋องเองก็ต้องหางานทำมากขึ้น เงินที่ตั้งใจว่าจะเก็บไว้สำหรับใช้ซื้ออุปกรณ์การเรียน ก็ต้องเอาออกมาซื้อนมให้น้องชาย ซึ่งน้องพอร์ตก็ต้องกินนมแบบพิเศษ ไม่สามารถกินนมผง นมวัวแบบทั่วไปได้ เพราะแพ้นมวัว เมื่อทานเข้าไปแล้วจะเกิดอาการคัน แล้วเด็กก็จะเอามือไปเกา จนเกิดเป็นแผลพุพอง โดยนมแบบพิเศษนั้นก็จะมีราคาแพงกว่านมปกติทั่วไป จึงนับเป็นอีกหนึ่งภาระที่น้องต๋องต้องแบกรับมากขึ้น

 
คุณยายยุพา บอกอีกว่า ทุกวันนี้ตนเองรู้สึกสงสารหลานชายทั้งสองคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะน้องต๋องที่ต้องมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว ต้องมาทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูยาย เลี้ยงน้อง และส่งตัวเองเรียนหนังสือ ซึ่งแต่ละวันกว่าหลานชายจะกลับมาถึงบ้านก็มืดค่ำเพราะไปทำงานพิเศษที่ร้านหมูกระทะ เมื่อมาถึงบ้านก็ทำการบ้านเข้านอน เช้าก็ต้องรีบไปโรงเรียน แทบจะไม่มีเวลาได้เห็นหน้าน้องชาย แต่ก็ยังนับว่าน้องต๋องยังพอจะโชคดีอยู่บ้าง ที่มีลุงซึ่งเป็นลูกชายคนที่ 3 ของตนนั้น คอยช่วยเหลือในเรื่องของค่าเทอมที่ไม่ได้มากอะไรนัก ส่วนที่เหลือทั้งค่ากินของ 3 ชีวิต ค่านม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ น้องต๋องต้องเป็นคนดิ้นรนหามาเองทั้งหมด ขณะที่ตนก็ยังนับเป็นโชคดีที่มีหลานชายอย่างน้องต๋อง ที่เป็นเด็กดี มีความประพฤติเรียบร้อย ขยันขันแข็ง ไม่เกเร ตั้งใจเล่าเรียน และมีความรับผิดชอบสูง ไม่ทิ้งน้อง ไม่ทิ้งยาย ซึ่งในส่วนความตั้งใจของยายนั้น ก็อยากจะเห็นน้องต๋องเรียนให้สูงๆ ในอนาคตจะได้ไม่ลำบาก

 


ด้านน้องต๋อง ก็บอกว่า ทุกวันนี้ตนเองไม่เคยมองว่ายายกับน้องชายเป็นภาระอะไรเลย ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อประมาณ 2 วันที่แล้วนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่จาก สำนักงาน พมจ.สมุทรสาคร พร้อมกับ ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งฯ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวฯ เข้ามาเยี่ยมเยียน และมอบสิ่งของกับเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่ง ทางด้านของวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร ก็มอบทุนการศึกษาให้ในวันไหว้ครูเป็นเงิน 5,000 บาท ขณะที่ความฝันของตนเองก็อยากจะเรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้มีงานทำดีๆ มีรายได้มาดูแลยายและน้อง ส่วนสิ่งที่ตนเองต้องการอย่างมากในตอนนี้ก็คงเป็นโน๊ตบุ๊ค สำหรับใช้เพื่อการเรียนแต่ละวิชา และเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับสาขาช่างอิเล็กทรอนิคส์ เพราะต้องกลับมาทำงานที่บ้านเพื่อส่งอาจารย์ อีกอย่างหนึ่งก็คือ นมผงของน้องชาย ที่ต้องเป็นชนิดพิเศษสำหรับเด็กที่แพ้นมวัว
ทั้งนี้สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะช่วยเหลือนายนพรัตน์ จักรมา หรือ น้องต๋อง อายุ 16 ปี พร้อมกับ คุณยายยุพา วรรณกี้ อายุ 65 ปี และเด็กชายภาคิน หรือน้องพอร์ต เวียงสันเทียะ อายุ 8 เดือนสามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 062 – 4610028 หรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร หมายเลข 986 – 1 – 21375 – 9 นายนพรัตน์ จักรมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน