ศบค.ฝากถึง‘ร้านนวด’ ถ้าอยากผ่อนคลายระยะ3 คิดมาตรการรับมือ หมอทวีสินเห็นใจ เหตุส่วนตัวเป็นคนชอบนวดผ่อนคลาย แจงเปิดห้าง-ไม่เปิดโรงเรียน

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หรือ ศบค. แถลงถึงการจัดเก็บข้อมูลแพลตฟอร์มไทยชนะว่า ข้อมูลทุกอย่างจะไปอยู่ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นไปตามข้อกำหนดของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่สามารถเข้าไปติดตามเรื่องข้อมูลทางการเงินหรือข้อมูลส่วนตัวได้ และจัดเก็บไว้นานเพียง 60 วันเท่านั้น โดยข้อมูลเหล่านี้ไม่มีการเปิดเผยในที่อื่นใด แต่จะถูกลบล้างไป จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เช่นเดียวกับกรณีผู้ติดเชื้อในวันนี้ รายชายไทย อายุ 72 ปีที่ไปตัดผม ตอนนี้ทีมสอบสวนโรคต้องเข้าไปหาผู้ที่มารับบริการตัดผมร้านแถวประชาชื่น ในวันเวลาใกล้เคียงกับคนนั้น ซึ่งวิธีการตรวจหาไม่ง่ายแต่ถ้าร้านตัดผมดังกล่าวลงทะเบียนแพลตฟอร์มไทยชนะ แล้วผู้ใช้บริการได้เข้าไปสแกนเช็กอินเช็กเอาต์ด้วย อย่างนั้นวิธีการหาจะไม่ยุ่งยาก ไม่สูญเสียงบประมาณ และเมื่อพบเจอก็จะได้รับมาตรวจหาเชื้อโดยเร็ว

ตอนนี้คนที่ได้ฟังข่าวและอยู่แถวประชาชื่น และไปตัดผมแถวร้านแถวนั้น ฟังข่าวแล้วก็คงจะตกใจ ร้านไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ข้อสงสัยจะเต็มไปหมด แต่ถ้ามีแพลตฟอร์มไทยชนะสิ่งเหล่านี้จะมีความกระจ่างในทันที

ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มผู้ประกอบการร้านนวดระบุว่า 31 พ.ค.นี้ ศบค.จะผ่อนปรนให้เปิดร้านนวดได้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และการผ่อนคลายระยะ 3 มีกิจการใดอยู่ในข่ายได้รับการปลดล็อกบ้าง โฆษกศบค. กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจอย่างมาก เพราะเป็นคนหนึ่งที่ชอบเข้าร้านนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการหลายกิจการที่รอการผ่อนปรนในระยะที่สาม หรือระยะต่อไป ซึ่งตนก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ทั้งหมด

แต่ถ้าตัวเลขต่างๆ ดีก็จะเกิดขึ้นได้ และเราก็จะไปต่อได้ อย่างที่เคยพูดไปแล้วว่าถ้าวันนี้ตัวเลขอยู่ที่หลักหน่วย แต่ถ้าระยะเวลาอีก 9 วันไม่ใช่อย่างนี้ เราย่อหย่อนและประมาทกันมากขึ้น การ์ดตกมากขึ้น ตัวเลขเพิ่มมากขึ้น ก็ยังไม่ใช่

“แต่ถ้าผู้ประกอบการร้านนวดอีก 9 วันจากนี้ ถ้าอยากอยู่ในล็อตแรกที่อยากได้รับการผ่อนปรนระยะที่ 3 ก็อย่าปล่อยระยะเวลา 9 วันนี้ให้ผ่านไปเฉยๆ สมาคมหรือชมรมก็ต้องเข้ามาช่วยดูในภาพรวม สามารถตรวจสอบกันเองก่อนได้ เหมือนที่กลุ่มภาพยนตร์ เขามีสมาพันธ์รวมตัวกันได้เป็นอย่างดี มีการทดสอบและให้คำแนะนำตรวจสอบกันก่อนก็สามารถทำได้

ดังนั้น กลุ่มร้านนวดต้องคิดให้ละเอียดกว่า รัฐบาลคิดมาตรการหลักคิด 5 ข้อ พวกท่านก็ต้องคิดเกินมาเป็น 10 ข้อ 100 ข้อ เพื่อดูแลทุกคนให้ได้อย่างละเอียดแล้วนำเสนอศบค.ว่า มั่นใจถ้าเปิดแล้วไม่ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อจากธุรกิจของท่านแน่นอน”

เมื่อถามว่าทำไมห้างสรรพสินค้าเปิดได้ แต่โรงเรียนเปิดไม่ได้ และถ้าโรงเรียนเปิดได้จะมีมาตรฐานกลางอย่างไร โฆษกศบค. กล่าวว่า สองประเด็นดังกล่าวแตกต่างกัน ห้างสรรพสินค้าสำหรับคนที่มีกิจการและกิจกรรมหรือคนที่จะต้องเข้าไปจับจ่ายซื้อของ ต้องมีมาตรการดูแลเพราะสำคัญต่อชีวิตประจำวัน

แต่การศึกษาเป็นกลุ่มเด็กนักเรียนที่มีความเปราะบาง มีความเสี่ยง ตามนิสัยของเด็กชอบเล่นและสัมผัสกัน มีโรคประจำตัว มีการติดเชื้อได้บ่อย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ช่วงเปลี่ยนฤดูกาลขณะนี้ โอกาสที่เด็กคลุกคลีกัน ติดเชื้อได้ง่าย หรือเด็กนำเชื้อกลับไปติดผู้ใหญ่ที่บ้าน ก็จะทำให้เกิดการระบาด

ดังนั้น มาตรการทั้งหลายนี้ คณะกรรมการวิชาการศึกษากันมาอย่างดี รวมถึงชุดข้อมูลจากต่างประเทศก็ถูกนำมาศึกษาทั้งหมด ดังนั้น จุดที่มีความเสี่ยงจึงต้องชะลอการเปิดไป แต่ไม่ใช่ไม่เปิด เมื่อมั่นใจจึงเปิด และระหว่างนี้การเรียนเกิดขึ้นได้ทุกจุด พัฒนาการของเด็กเกิดขึ้นได้ทุกที่ แม้จะมีความติดขัดที่ผู้ปกครองต้องออกไปทำงาน เราก็เข้าใจ แต่มาตรการเหล่านี้กำลังหาทางผ่อนคลายและให้กลับเข้ามาสู่ชีวิตวิถีใหม่ให้ได้ อาจจะไม่ทันใจบ้างก็ต้องกราบขออภัย แต่ต้องคิดถึงภาพรวม

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวหน่วยงานราชการยกเลิกการทำงานที่บ้านแล้ว ชัดเจนอย่างไร โฆษกศบค. กล่าวว่า เรื่องการให้ทำงานที่บ้านยังเป็นมติจากคณะรัฐมนตรี และในการประชุม ศบค. ล่าสุดนายกรัฐมนตรียังยืนยันว่าการทำงานที่บ้านเป็นหนึ่งในมาตรการที่ต้องทำให้ได้อย่างน้อย 50 % ขึ้นไป ไม่เช่นนั้นจะต้องไปแออัดกันในบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน

ดังนั้น การทำงานที่บ้านและการทำงานเหลื่อมเวลาจึงมีความสำคัญ นายกรัฐมนตรีมองเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องมีและขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน นี่คือชีวิตวิถีใหม่ที่จะต้องอยู่กับเราไปอีกนาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน