ไทยเฮ!! แม่น้ำสงครามตอนล่าง จ.นครพนม ขึ้นทะเบียนแรมซาร์ไซต์ แห่งที่ 15

วันที่ 28 พ.ค. ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) นายพุฒิพงศ์ สุรพฤกษ์ โฆษกทส. พร้อมด้วยนายประเสริฐ ศิรินภาพร รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) ร่วมแถลงข่าว การขึ้นทะเบียนแม่น้ำสงครามตอนล่าง จ.นครพนม เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ หรือ แรมซาร์ไซต์ แห่งที่ 15 ของประเทศไทย และเป็นแรมซาร์ไซต์ ลำดับที่ 2,420 ของโลก

นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า ไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำหรืออนุสัญญาแรมซาร์ ลำดับที่ 110 เมื่อปี 2541 โดยมี 171 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมภาคี เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่ต้องการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ และมีข้อตกลงหลักๆ คือ ภาคีต้องคัดเลือกพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญเพื่อบรรจุในทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ และส่งเสริมการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

สำหรับประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำแรมซาร์ไซต์ รวม 15 แห่ง โดยพื้นที่ชุ่มน้ำแม่น้ำสงครามตอนล่าง เป็นลำดับที่ 15 ของไทย และเป็นแรมซาร์ไซต์ ลำดับที่ 2,420 ของโลก นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีพื้นที่ชุ่มน้ำในระดับต่างๆ ทั้งระดับนานาชาติ ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น และพื้นที่สมควรได้รับการคุ้มครองและฟื้นฟูรวมเกือบ 2 หมื่นแห่งทั่วประเทศ

ด้าน นายประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับแม่น้ำสงครามตอนล่าง จ.นครพนม มีระบบนิเวศที่มีความสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ที่มีความหายาก ได้แก่ ป่าบุ่งป่าทามผืนใหญ่ มีความหลากหลายทางชีวภาพของชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ในระบบนิเวศ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพันธุ์ปลาน้ำจืด เป็นแหล่งประมงพื้นบ้าน

ตลอดจนเป็นแหล่งอพยพเพื่อผสมพันธุ์วางไข่ของพันธุ์ปลาจากแม่น้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลาก พบความหลากหลายของพันธุ์ปลาอย่างน้อย 124 ชนิด พันธุ์พืช 208 ชนิด รวมทั้งมีความสำคัญในเชิงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า พื้นที่ชุ่มน้ำแม่น้ำสงครามตอนล่าง มีขอบเขตตั้งแต่ปากน้ำบ้านไชยบุรี ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน ถึงบ้านปากยาม ต.สามผง อ.ศรีสงคราม ความยาว 92 กม. รวมพื้นที่ที่เป็นแรมซาร์ไซต์ทั้งหมด 34,381 ไร่

จากนี้ทางจังหวัด โดยองค์กรบริหารส่วนตำบลจะเป็นหน่วยงานที่จะดูแลรักษาอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำร่วมกับชุมชนตามหลักการสากล คือ การใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด เพิ่มให้มีพื้นที่ชุ่มน้ำและทรัพยากรธรรมชาติใช้ประโยชน์ตลอดไป พร้อมเพิ่มศักยภาพให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศระดับโลก

รองเลขาสผ. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เรากำลังศึกษาวิจัยเพื่อจะผลักดันพื้นที่บางปู จ.สมุทรปราการ ขึ้นเป็นแรมซาร์ไซต์ที่ 16 ของประเทศไทย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ทางความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นป่าชายเลนโดยรอบ มีชนิดพันธุ์ประเภทหายาก มีนกอพยพจำนวนมากที่เข้าข่ายใกล้สูญพันธุ์

เช่น นกปากแอ่นหางลาย นกนางนวลหางดำ ซึ่งพื้นที่บางปูประมาณ 300 ไร่ กองทัพบกเป็นหน่วยงานที่ดูแลอนุรักษ์พื้นที่ดังกล่าวมายาวนาน มีการเปิดให้แหล่งท่องเที่ยวโดยให้ประชาชนสามารถศึกษาธรรมชาติ โดยทางสผ.จะรายงานการผลักดันพื้นที่บางปูเป็นแรมซาร์ไซต์เป็นระยะๆ ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน