แม่ขอตร.จับกุมคนร้ายตัวจริงให้ได้ไม่อยากเป็นบาปในใจ – ความคืบหน้าคดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตปริศนา หลังหายตัวไปเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ผ่านมาเกือบ 30 วันแล้ว ก็ยังไม่พบแม้แต่ร่องรอยคนร้าย มีเพียงบุคคลต้องสงสัย ซึ่งนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย ลุงพล เปิดเผยว่า แม้ว่าจะเกือบเดือนแล้ว ยังไม่มีการจับกุมคนร้าย ตนก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเรื่อยมา

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ทั้งนี้มีรายงานว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอบุคคลต้องสงสัยกับหลักฐานบางอย่าง ขณะนี้ผลออกมาแล้ว แต่ ตร.ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งหลักฐานที่นำไปตรวจนั้นมีรายงานว่า เป็นเส้นผม หรือขนบางอย่าง ตกอยู่ใกล้กับศพน้องชมพู่ ซึ่งไม่แน่ชัดว่าผลการตรวจดีเอ็นเอนี้ จะสามารถนำไปสู่การออกหมายจับได้หรือไม่

โดย ลุงพล เป็นคนที่ไปนั่งร่ำไห้อยู่ข้างๆ ตอนเจอศพ เรื่องนี้ลุงพล บอกว่า ถ้าหากมีหมายจับออกมาจริง และเป็นตนเองถูกออกหมายจับ ก็ต้องดูก่อนว่าหมายจับนั้นนำมาจากหลักฐานอะไร ต้องมีรายละเอียด เพราะช่วงระหว่างที่ตนพบศพน้องชมพู่นั้น มีการถอดหมวก มีเหงื่อเยอะมาก อาจจะกระเด็นโดนศพ และไม่ใช่แค่เหงื่อตนคนเดียว มีชาวบ้านคนอื่นๆ อีก

ลุงหวั่นโดนหมายจับ ใช้เสื้อคลุมศพ แจงพ่อฝากไปให้

รวมทั้ง ยังได้นำเสื้อผ้าน้องชมพู่ที่พ่อแม่เตรียมไปให้ ตนก็ไม่แน่ใจว่า หยิบเสื้อผ้าให้ ตร.ทีละชุด หรือยื่นทั้งกระเป๋าให้ ซึ่งอาจจะมีลายนิ้วมือตน หรือ ดีเอ็นเอตนปะปนไปได้ รวมทั้งกระเป๋าเป้ที่ใช้ขึ้นเขาของตน ตำรวจก็เอาไปตรวจสอบ และ พบรอยดิน คล้ายกับที่พบอยู่ที่รอยเท้าน้องชมพู่ ก็อาจจะสงสัยอีก

เพราะดินที่เห็นเป็นดินที่ติดมาจากขวดน้ำที่นำไปดื่มเวลาขึ้นภูเหล็กไฟ ซึ่งหากตนถูกออกหมายจับ เพราะหลักฐานพวกนี้ ก็ถือว่าไม่ยุติธรรมกับตน ถ้าเป็นตนถูกออกหมายจับ ตร.ต้องชี้แจงและชัดเจนว่าหลักฐานอะไร

ส่วนการตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมตอนที่เจอรองเท้าน้อง แต่ลุงพลกลับเตรียมเสื้อผ้าน้องไปด้วย ทำไมถึงรู้ว่าน้องเสียชีวิตแล้ว เรื่องนี้ลุงพลบอกว่า ตนไม่ได้เป็นคนเตรียมเสื้อผ้าน้องชมพู่ไป แต่เป็นพ่อของน้อง เพราะคุณหมอที่สนิทแนะนำว่าให้นำเสื้อผ้า อาหารน้ำดื่ม เตรียมไปให้น้องด้วย และยังบอกวิธีการดูแล เพราะทุกคนเชื่อว่า ตอนนั้นน้องชมพู่ยังมีชีวิตอยู่ และคนที่เตรียมของก็คือพ่อแม่น้องชมพู่เอง

ส่วนการตั้งข้อสังเกตบุคคลต้องสงสัย ลุงพล บอกว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง ก็มีความสงสัยหลายประเด็นเช่นกัน แต่ได้แต่เก็บไว้ในใจ และก็เคยคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่กับการหลงป่า เพราะเคยมีเด็กหลงป่าอยู่ในนั้นถึง 7 วัน แต่เด็กคนนั้นไม่ได้เสียชีวิต มันก็ทำให้คิดได้ถ้ายังจับคนร้ายไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดก็เป็นแค่การสันนิษฐานของตน และขอยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และขอเป็นกำลังใจให้ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้โดยเร็ว อย่าจับแพะ

ด้านนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ตำรวจพาไปทำการจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงในวันที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่น้องชมพู่หายตัวไป พร้อมเปิดใจว่า วันนี้ครบ 30 วัน การหายตัวและเสียชีวิตของน้อง โดยส่วนตัวแม่ก็แอบคิดบุคคลต้องสงสัยในใจไว้ และหาก ตร.จับกุมคนร้ายตัวจริงได้ ก็ต้องดูพยานหลักฐาน ต้องชัดเจน หากไม่ชัดเจนแม่จะเป็นบาปในใจ

ตลอดระยะเวลา 1 เดือน แม่ยังทำใจไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้ใกล้จะเปิดเทอม หากชมพู่ยังอยู่ ก็จะต้องพาไปซื้อชุดนักเรียนตัวใหม่ เตรียมตัวไป รร. แต่ตอนนี้ไม่มีลูกแล้ว คนร้ายที่ทำกับลูกแม่ ใจร้ายมาก ถ้า ตร.จับได้ แม่จะถามคำถามแรกว่า ทำลูกทำไม อยากบอกคนร้ายว่าให้มามอบตัว และขอให้ครอบครัวของคนร้ายได้รับความทุกข์ทรมานกว่าครอบครัวตน

 

ขอบคุณที่มา เรื่องเล่าเช้านี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน