จากกรณี รถนำขบวนนายประภัตร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ขอโทษผู้เสียหาย หลังถูก รถนำขบวน ขับเบียดที่ จ.จันทบุรี พร้อมเปิดเผยว่าวันที่เกิดเหตุได้เดินทางไปด้วย แต่เพิ่งทราบตอนเห็นคลิปนั้น

น.ส.พัชรินทร์ วิกิตเศรษฐ์ ผู้เสียหาย อายุ 63 ปีคนขับรถเก๋ง เปิดเผยว่า ยินดีน้อมรับคำขอโทษของท่าน ด้วยความเต็มใจ แต่ตนข้องใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเจ้าของรถตำรวจทางหลวงและรถนำขบวนกลับปัดความผิดคนของตัวไปได้อย่างไร แล้วอย่างนี้จะกล้าไปแจ้งความได้หรือ เพราะคดีก็ต้องว่ากันไปเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้มีการปฎิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องนั่นคือเรื่องความปลอดภัยทั้งของประชาชนและผู้อยู่ในขบวน

น.ส.พัชรินทร์ กล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจต้องให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับรถนำขบวนหรือรถที่ใช้ไซเรนที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่ ผบ.ตร มอบหมาย เพื่อจะรู้ถึงวิธีการปฎิบัติและตรวจสอบว่ารถที่สามารถใช้ไซเรนได้คือรถอะไร และคนที่ใช้ไซเรนโดยไม่มีเหตุฉุกเฉินนั้น มีความผิดหรือประชาชนจะตรวจสอบได้อย่างไร

“บางครั้งเราเห็นรถมอเตอร์ไซด์ที่ไม่ใช่รถของตำรวจเปิดไซเรนวิ่งขอทางได้อย่างไร มีความผิดหรือไม่ ประชาชนจะตรวจสอบได้อย่างไร บางคันทั้งของเอกชนและของรัฐเมื่อวิ่งกันตามสิทธิที่ได้รับจากพรบ.จราจร ก็ห่ามไม่แพ้กัน ดังนั้นเรื่องอย่างนี้ต้องชัดเจนและเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจต้องออกมาให้ความรู้แก่ปชช.และผู้ได้รับสิทธิใช้รถฉุกเฉิน”

ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า ตนรอคำแนะนำจากนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทรโอชาที่ท่านเคยมีคำสั่งไว้ก่อนหน้าว่า ถ้ารถนำขบวนเปิดไซเรนโดยไม่มีเหตุฉุกเฉินท่านจะสั่งขัง แต่ตนอยากดูว่าคำสั่งท่านจะมีผลหรือไม่และท่านจะป้องกันเรื่องแบบนี้อีกครั้งได้อย่างไร ตนนึกภาพเหตุการณ์วันนั้นถ้ารถตำรวจนำขบวนปาดและตนหลบไม่ทันรถตนอาจเป๋ไปทางฃ้ายตกถนนแต่ถ้าเป๋ไปทางขวา นั่นหมายความว่ารถตนต้องไปชนกับรถตู้ที่ท่านรมช.นั่งมา

“อะไรจะเกิดขึ้นเราจะเสียบุคลากรคนสำคัญของประเทศไปกี่คน โดยเฉพาะเหตุนี้เกิดจากความห่ามและกร่าง ขอให้ท่านนายกฯจัดการ เพราะสำนักงานตำรวจคงไม่จัดการอะไรเนื่องจากเป็นคนของตัวและบางตำแหน่งก็ชอบใช้รถขบวนนำแบบนี้อยู่โดยเฉพาะในต่างจังหวัด”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน