สาวติดเชื้อ HIV ร่ำไห้ยอมรับผิดปกปิดความจริง ไม่บอกแฟนทุกคนที่คบ แต่บอกเป็นนัยให้ใส่ถุงยางแล้ว! พ้อชีวิตมันเหนื่อย ไม่อยากอยู่

กรณีชายคนนึงโพสต์ในเฟซบุ๊กแฉอดีตแฟนสาวปิดบังติดเชื้อ HIV แต่พอรู้ก็รัก ถึงขั้นผูกข้อไม้ข้อมือแต่งงานกัน สุดท้ายสาวหนีไปมีคนใหม่ ทำให้ชีวิตพังทลาย และห่วงอีกฝ่ายจะไม่หยุดแพร่เชื้อ ออกมาแฉเพราะไม่อยากให้ไปทำกับคนอื่น

รายการโหนกระแสวันที่ 25 มิ.ย. “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 เปิดใจสัมภาษณ์ “เอ” (นามสมมติ) สาวที่ถูก “บี” (นามสมมติ) แฉผ่านเฟซบุ๊กซึ่งติดต่อรายการขอเคลียร์ทุกประเด็น มาพร้อมกับ “ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ หังสสูต” หน่วยไวรัสวิทยา ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ยอมรับว่าติดเชื้อ HIV?
เอ : “ยอมรับค่ะ”

เรื่องเกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้มีผู้ชายโพสต์ว่าคุณ ข้อเท็จจริงคืออะไร?
เอ : “หนูยอมรับในสิ่งที่หนูเป็น แต่ประเด็นที่บอกว่าหนูถูกรุมโทรม หนูขอพูดว่ามันไม่จริง ถ้าถูกรุมโทรมถึง 10 คนขนาดนั้นต้องเป็นข่าวในช่วงนั้น ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง”

ไปรู้จักผู้ชายคนนี้ได้ยังไง?
เอ : “รู้จักที่งานบวชแฟนเพื่อน ประมาณเดือนก.ย. ปีที่แล้วค่ะ ตอนนั้นยังไม่ได้คุยกัน หนูเป็นแดนเซอร์ค่ะ พอเราไปเจอกันก็ไม่ได้อะไร เพราะเรามีแฟนอยู่ เราไม่ได้สนใจว่ายังไง สักพักเพื่อนโทรมาบอกว่ามีคนชอบ เราก็ใครวะ อยากรู้ เราก็คุย ตอนแรกทุกอย่างดี โอเค เขาเข้าใจเราดี แต่ยอมรับว่าเราไม่ได้บอกเขาตั้งแต่แรกว่าเราเป็น HIV เราไม่ได้พูด แล้วเราก็ตกลงไปอยู่กับเขา”

แล้วแฟนเราล่ะ?
เอ : “เราก็ทิ้งเขาเลย เรายอมรับว่าเราก็ไม่ได้ดี เราคุยกับเขาแล้วเขาเข้าใจเรา”

ไปอยู่กับคนนี้แล้วไงต่อ?
เอ : “ก็อยู่ด้วยกันปกติ”

คนเก่าได้บอกมั้ยว่าเป็น HIV?
เอ : “หนูก็ไม่ได้บอกจริงๆ ตอนอยู่ด้วยกันเขาก็ไม่รู้ น่าจะรู้ตอนหลังที่เราเลิกกันไป เม.ย. ที่ผ่านมา บีน่าจะทักไปบอกแฟนเก่าเราว่าเป็น HIV”

สาวติดเชื้อเอชไอวี

แฟนเก่ารู้จากปากบี?
เอ : “ใช่ค่ะ ก็ไม่ทราบเขาไปตรวจหรือยัง แต่เราไม่ได้บอกเขาค่ะ”

เป็นประเด็นข่าวได้ยังไง บีบอกมีการผูกข้อไม้ข้อมือ?
เอ : “จริงค่ะ ตอนแรกเลยก่อนผูกข้อมือ เราบอกว่าเรายังไม่พร้อม ซึ่งตอนนั้นเขาก็ตกลงว่าผูกกันเถอะ เขารักเราจริง อยากอยู่ด้วย สินสอด 3 หมื่นบาท ซึ่งหนูพูดว่าหนูไม่อยากได้เงิน ถ้าอยากมาผูกให้เก็บเงินมาเอง อย่าเอาเงินคนอื่นมา อยากผูกมากเลยเหรอ ก็ไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าจะต้องผูก หนูก็ไม่เคยผูกข้อมือมาก่อน

อันนี้เป็นงานแต่งครั้งแรกของหนูนะคะ แล้วเขาออกมาพูดว่าหนูผูกข้อมือเพราะอยากได้ค่าสินสอด ซึ่งไม่จริงค่ะ หนูไม่ได้อยากได้เงิน 3 หมื่น หนูทำงานตั้งแต่เด็ก หนูส่งตัวเองเรียน เขาก็รู้ดีว่าหนูเป็นคนทำงาน เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกัน เขาไม่ได้ทำอะไรเลย งานก็ไม่ได้ทำ เขาเสพยาเสพติดค่ะ ซึ่งหนูขอให้เขาเลิกหลายครั้งมาก”

เขาเสพยาอะไร?
เอ : “ยาบ้าค่ะ หนูก็ขอให้เขาเลิก ถ้ารักกันจริงก็ขอให้เลิก เขาก็ตกลงจะเลิก แต่ยิ่งอยู่ไปก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยิ่งหนักเข้า ทีแรกแอบเสพ จนเขามาขอสูบยา เราจะพูดอะไรได้ ก็เฉยๆ เงียบ เขาก็เลยสูบให้เราเห็น”

สาเหตุที่ทำให้ต้องเลิกคืออะไร?
เอ : “ตอนอยู่ด้วยกันทะเลาะกันก่อน เพราะคนที่บ้านเขาไม่รู้ใครพูด ว่าเราติดยา เราก็โวยวายว่ากูไม่ได้ติด ทำไมต้องมากล่าวหาว่าติดยา ไปเอามาจากไหน ไปตรวจเยี่ยวกันเลยมั้ย เพราะหนูไม่ได้ติดยาจริงๆ หนูก็ทะเลาะกัน มีปากเสียงกัน เขาก็ปกป้องญาติเขาว่าไม่รู้เลยว่าใครพูดจะโวยวายทำไม จนเขาด่าเราด้วยคำหยาบ”

ทั้งที่คุณเป็นคนหาเงินให้เขาใช้ เขาเอาไปเสพยา?
เอ : “ใช่ค่ะ มีส่วนน้อยที่เขาจะส่ง ช่วงแรกๆ ที่คบกัน ส่วนน้อยที่จะโอนมาให้ ส่วนมากคือหนูเต้นหาเงินให้เขา”

พอเขาด่าคุณหนีเลย?
เอ : “หนูก็เก็บของ ให้เพื่อนขับมอเตอร์ไซค์มารับไปบ้าน”

เขามาง้อ?
เอ : “เขาแชตเฟซบุ๊กมาง้อ บอกว่ารักเรานะ กลับมาไม่ได้เหรอ จนวันนั้นจะไปทำงาน หนูออกไปกับเพื่อน เขาขับมอเตอร์ไซค์มาที่บ้านโดยไม่ได้บอกใครเลย มีพี่สะใภ้อยู่ในบ้านกับหลานเขาเข้ามาโดยไม่บอกก่อน พอเจอกันเขาเดินออกจากห้องเรา ก็อ้าว มาได้ยังไง เขาก็ขับรถออกไป ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเขารื้อ เพราะทุกอย่างปกติ”

ทำไมเขาถึงรู้ว่าเราเป็น HIV?
เอ : “เขาไปรื้อแล้วเจอเอกสารที่เป็นใบส่งตัว หลังจากนั้นเขาก็บอกว่ารู้แล้วนะเราเป็นอะไรยังไง เราก็ตกใจ เราก็ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ จะบอกแล้วแต่ไม่รู้จะบอกยังไง เรากลัว รักก็รัก อายก็อาย ไม่ได้อยากทำร้ายชีวิตหรือพังชีวิตใคร”

ทำไมไม่บอกเขา?
เอ : “ตอนนั้นอารมณ์รัก ยังไม่กล้าบอก กลัวเขาทิ้งเราไป ก็ไม่กล้าพูด”

พอเขารู้ว่ามีเชื้อ HIV ให้เขาไปตรวจมั้ย?
เอ : “เราก็บอกให้เขาไปตรวจมาก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน เพราะตอนนั้นเราก็ต้องทำงาน ซึ่งก็ยังไม่มีใครรู้ตอนนั้น”

เขาไปตรวจแล้วยังไง?
เอ : “เขาก็ติดเชื้อจากหนูค่ะ”

ตอนนั้นที่คบกันแรกๆ เคยบอกให้เขาป้องกันมั้ย น้องไม่กล้าบอกเขาเพราะกลัวเขาทิ้ง นั่นคือมุมของน้อง แต่ต้องมีการเตือนคนที่รักหรือเปล่าให้ใส่ถุงยางอนามัย ไม่พร้อมมีอะไรแบบไม่มีถุงยาง?
เอ : “ก็บอกเป็นนัยๆ อ้อมๆ ว่าใส่ถุงยางเถอะ ยังไม่พร้อม กลัวพลาดท้อง เราไม่ได้พูดเรื่องโรคหรืออะไร แค่พูดให้ใส่ถุงยาง ป้องกัน ครั้งแรกเขาใส่ แต่หลังจากนั้นเขาไม่ได้ใส่ถุงยางเลย แล้วขอพูดตรงนี้เลยว่าเขาขอมีอะไรกับหนูตอนหนูเป็นประจำเดือนด้วย เพราะเขาเป็นคนอารมณ์สูง”

หลังเขารู้ว่าเขาติดเชื้อเขาว่ายังไง?
เอ : “เขาก็คุยกับเรา จะมาผูกข้อมือ หนูก็พูดว่าไม่ได้อยากผูกตอนนี้ มันเร็วไป เราเพิ่งคบกันได้ไม่นาน”

แสดงว่าเขารู้มานานแล้ว?
เอ : “น่าจะ 8 พ.ย. เขารู้”

หลังจากนั้นเขาถึงมาขอแต่งงาน แสดงว่าเขายอมรับตั้งแต่แรก เขาบอกหนูไปติดผู้ชายคนใหม่ เขาอยากเตือนผู้ชายคนอื่น?
เอ : “เรื่องเตือนหนูโอเคนะคะ แต่ตอนนี้คนแชร์ข่าวจากหลักหน่วย สิบ ร้อย ตอนนี้เป็นพัน เกือบหมื่นแล้ว ซึ่งหนูก็เสียหายในเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะหนูทำงาน พอไปถึงที่ทำงานซื้อน้ำกินปกติ ร้านพี่ตรงข้ามมาคุยกับร้านหนูเรื่องนี้ แต่ทำให้หนูทำงานไม่ได้ แม้เขาจะบอกว่าโอเคกับหนู แต่สายตาคนอื่น”

เพราะเขาเปิดหน้าเราเลย ทำให้คนรู้ว่าเป็น HIV?
เอ : “ใชค่ะ”

วันนี้มีคนใหม่หรือยัง?
เอ : “ยอมรับว่ามีค่ะ”

มีสัมพันธ์ลึกซึ้งมั้ย?
เอ : “มีค่ะ แต่หนูป้องกันนะคะ”

บอกเขามั้ยว่าเป็น HIV?
เอ : “ไม่ได้บอกค่ะ แต่ก็ป้องกันเหมือนเดิม”

ไม่ได้บอกอีกแล้ว?
เอ : “แต่เขาก็ป้องกันทุกครั้ง”

รู้ว่าเป็น HIV ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เอ : “ประมาณปีกว่าๆ ได้แล้วค่ะ”

หลังจากมี HIV มีสัมพันธ์กับแฟนก่อนหน้าคุณบี มาคุณบี คนล่าสุดก็ไม่ได้บอกเขา แต่มีการป้องกัน ก่อนหน้าคุณบีป้องกันมั้ย คนที่คุณทิ้งเขามา?
เอ : “ไม่ได้ป้องกันอะไร แต่ก็บอกเหมือนกันว่าให้ป้องกัน แต่เขาไม่ป้องกัน”

วันนี้ก็ไม่รู้ชะตากรรมว่าเขาติดเชื้อ HIV หรือเปล่า?
เอ : “ใช่ค่ะ”

ก่อนหน้าคนที่คุณทิ้ง มีมั้ย?
เอ : “ก็มีนะคะ แต่ไม่ได้อะไรขนาดนั้น”

ติดมาจากไหน?
เอ : “น่าจะแฟนเก่าค่ะ เป็นช่วงปีใหม่ประมาณปี 60 คุยมาสักพักนึงแล้วไปเจอเขา ก็นัดเจอกัน”

แต่ตอนแรกน้องบอกว่าน้องสงสัยรอยสักน้อง?
เอ : “แต่เข็มนี้ล้างแอลกอฮอล์ไปแล้ว เชื้อมันน่าจะตาย”

อาจมีคนคิดแบบน้องที่ไม่กล้าบอกคนอื่นว่าเป็น HIV อาจารย์มองยังไง?
ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ : “ตอนติดเชื้อมา รู้ว่ามีเลือดบวกรู้สึกยังไง”

เอ : “เคยอยากฆ่าตัวตาย ไม่อยากอยู่ (ร้องไห้) ไม่ไปโรงเรียนเลย”

ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ : “ความรู้สึกแบบนี้ตอนที่รู้ว่าเป็นเลือดบวก เวลามีเชื้อนี้อยู่ ต้องคิดว่าไม่อยากให้คนอื่นมีประสบการณ์เลวร้ายเหมือนเรา เรื่องผ่านไปแล้วนะ ก็อยากจะถามว่าเอทานยามั้ย”

เอ : “ทานค่ะ”

ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ : “ยังตรวจพบเชื้อไวรัสมั้ย เป็นศูนย์มั้ย”

เอ : “เหลือแค่ไม่กี่พันแล้วค่ะ ล่าสุด เหลือแค่หลักพัน ตอนแรกๆ กินยาไม่ตรงเวลา มันอัปไปหลักแสน แต่พอกินยาตรงตลอด มันลดมาเหลือหลักพัน ซีดีโฟร์ตอนนี้ขึ้นหลักร้อยปกติค่ะ แต่ตอนแรกที่เชื้อไวรัสขึ้นหลักแสน ซีดีโฟร์เหลือ 68 พอกินยาตรงเวลาเรื่อยๆ ซีดีโฟร์ขึ้นเป็นหลักร้อย เชื้อไวรัสลดลงมาเหลือหลักพัน”

ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ : “ตอนที่เริ่มทานยาตรงเวลาจนถึงปัจจุบันนี้ นานเท่าไหร่แล้ว”

เอ : “ที่กินตรงเวลาเลย ประมาณเดือนพ.ย.”

ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ : “6-7 เดือน จะเล่าให้ฟังว่าผู้ป่วย HIV พอเริ่มทานยา เชื้อต้องหายไปเลย ไม่ใช่เหลือหลักพัน การที่เหลือหลักพัน มีความหมายหลายอย่าง อย่างแรกเลย มีเชื้อดื้อยาในตัวคุณ สองทานยาไม่ตรงเวลา ถ้าทานยาตรงเวลาเป๊ะๆ 24 ชม. ให้รับประทานยา ทานยาสูตรเม็ดเดียวใช่มั้ย”

เอ : “สองเม็ดค่ะ มีเชื้อดื้อยา”

ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ : “การรับประทานยาไม่ตรงเวลา ทำให้เชื้อดื้อยา ถ้าเขาติดเชื้อมันก็แย่อยู่แล้วนะ ยิ่งเชื้อดื้อยาด้วย ยิ่งแย่กว่าเดิม ต้องเข้าใจนะว่าเราเป็นผู้โชคร้าย เป็นผู้เคราะห์ร้ายติดเชื้อจากใครก็ไม่รู้ ติดเชื้อครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่?

เอ : “ประมาณ 20 21 ค่ะ”

ตัวน้องอาจมีความเข้าใจว่าคนเป็น HIV กังวลใจที่จะบอกคนอื่น เขาก็ไม่ได้บอกคนอื่นที่เขาคบด้วย ต้องเตือนยังไง ถ้ามีคนแบบนี้ จะเป็นห่วงโซ่ต่อไปเรื่อยๆ เหมือนกลัวไม่กล้าบอก คิดว่าจะอยู่ในสังคมร่วมกันไม่ได้?
ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ : “ต้องแบ่งเป็นสองเรื่อง เรื่องเพื่อนร่วมงาน และคู่รัก สำหรับคู่รักพอเข้าใจได้ คนเรารักกันมาก กลัวเรามีตำหนิแฟนเราจะทิ้งเราไป แต่ในที่สุดเราต้องบอก ถ้าเรารักเขาจริงเราไม่อยากทำร้ายเขา เราต้องบอกในสิ่งที่เราเป็น นั่นคือความรัก ไม่ใช่อยากครอบครองเขาเอาไว้ คิดว่าคนติดเชื้อต้องคิดแบบนี้ ความรักต้องเป็นความรักที่เป็นการให้ไม่ใช่เอา สำหรับคนรอบข้างก็เป็นหน้าที่ของสังคม และแพทย์ทั่วไปที่ต้องให้ความรู้ว่าคนติดเชื้อ HIV สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้”

ถ้ามีรักครั้งต่อไปอยากให้บอกตรงๆ การทำแบบนี้สุดท้ายจะเป็นปัญหาตามมาและไม่จบสิ้น?
ผศ.ดร.นพ.ปกรัฐ : “อย่างที่เคยคุยกัน U=U ถ้าทานยาตรงเวลา เชื้อลงไปต่ำกว่าจุดที่แล็บวัดไม่ได้แล้ว นั่นคือจะไม่แพร่เชื้อให้ แต่ก็อยากให้ป้องกันอยู่ เพราะโรคอื่นก็มี”

มีประเด็นที่คนเขาพูดกัน น้องมีเรื่องรอยสักแก๊งนกฮูกยังไง?
เอ : “อันนี้ไม่จริงค่ะ แล้วมีสื่อบางสื่อเอาไปออกว่าเราไปเกี่ยวกับแก๊งนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ หนูเพิ่งสักรอยสักนี้ไม่กี่ปีนี่เอง มันไม่เกี่ยวกัน”

ที่บอกว่ามีอะไรกับผู้ชายมากหน้าหลายตา?
เอ : “ไม่จริงค่ะ”

ถ้าฝั่งบีดูอยู่อยากบอกอะไร?
เอ : “ก็ขอโทษในสิ่งที่หนูผิด แต่ก็อยากให้ออกมารับผิดชอบในสิ่งที่หนูต้องเจอ เพราะทุกวันนี้หนูออกไปทำงานไม่ได้ ในเมื่อหนูมีครอบครัวต้องดูแล ถึงเจ้านายจะโอเคยังไง แต่สายตาคนอื่นก็มองหนูไม่ดีอยู่แล้ว เขาไม่โอเค ถ้าเราไปทำงาน เขาก็จะเสีย เราทำงานก็เจอผู้คน”

อย่างแรกเรื่องอดีตแฟนออกมาแฉ โดยเอารูปไปโพสต์ว่าเป็น HIV อันนั้นก็คือผิดอยู่แล้วเป็นการละเมิด อีกมุมนึง การที่น้องคบใครรักใครแล้วไม่ได้บอกว่าติด HIV แม้ไม่มีกฎหมายบ่งชี้ว่าผิด แต่เป็นเรื่องจริยธรรม?
เอ : “หนูก็ยอมรับว่าหนูผิด”

แฟนคนปัจจุบันทราบแล้ว?
เอ : “ใช่ค่ะ”

แล้วเขาไปตรวจหรือยัง?
เอ : “ไปแล้วค่ะ ยังไม่รู้ผลค่ะ”

เขาตกใจมั้ย?
เอ : “เขาก็ตกใจ แต่เขาบอกว่าอย่าคิดสั้นนะ เราเคยพูดว่าไม่อยากอยู่แล้ว มันมืดไปหมด อยากจบชีวิต มันเหนื่อยแล้ว (ร้องไห้) เราทำงานไม่ได้ คนเริ่มด่าไปยันพ่อยันแม่ ด่าเราได้แต่พ่อแม่เราไม่เกี่ยว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน