ตร.พุ่งปมสังหาร 8 ศพ เป็นเรื่องทวงเงิน หลังพยานปากเอกยืนยัน ชัด คนร้ายพูดภาษากลาง “มึงเอาเงินนาย กูไปเยอะ”ยันทุกคนพกปืนยาว ชุดลายพราง ขณะที่จนท.สั่งสอบสวนทุกประเด็น เช็กวงจรปิดทุกเส้นทาง รวมทั้งโรงแรมทุกแห่งที่คาดว่าทีมฆ่า มากบดานดูลาดเลา พร้อมเชิญตัวเศรษฐินีสิงห์บุรี ที่พบมีความสัมพันธ์มาสอบด้วย ส่วนเรื่องโรงโม่หิน ก็พบมีความขัดแย้งกับนายทุนที่มาทำธุรกิจจริง ขณะที่นายกอบต.บ้านกลาง โต้ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ ยันไม่มีเรื่องขัดแย้ง ยังไม่เคยรับหนังสือว่าถูกร้องเรียน บิ๊กตู่ว้าก ถูกจับโยงเป็นฝีมือจนท. ลั่นให้ตร.จับให้ได้ มทภ.4 ปฏิเสธไม่ใช่ฝีมือทหารเด็ดขาด มีแต่พลเรือนที่ชอบแต่งเครื่องแบบทหาร

จากกรณีคนร้ายชายฉกรรจ์ 6-7 คน แต่งชุดลายพรางพร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้าไปในบ้านของนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ แล้วจับคนในบ้านไว้รอจนนายวรยุทธ เข้ามาแล้วก่อเหตุยิงโหด 8 ศพ ก่อนหลบหนีไปและยังเอารถเก๋งยาริสของผู้ตายไปด้วย ด้านตร.ชี้เป็นมืออาชีพ หลังก่อเหตุได้ทำลายหลักฐาน และเอาฮาร์ดดิสก์วงจรปิดไปด้วย พร้อมตั้งปมขัดแย้ง 5 ประเด็น ประกอบด้วย การเมืองท้องถิ่น โรงโม่หิน ฟ้องขับไล่รุกที่สาธารณะ ชู้สาว และยาเสพติด ตามที่ข่าวสดนำเสนอไปก่อนหน้านี้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ก.ค. ที่ห้องประชุม ศปก.ภ.จว.กระบี่ พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง ผบก.ภ.จว.กระบี่ เป็นประธานการประชุมคดี พร้อมรายงานต่อพล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยที่ประชุมให้แต่ละจังหวัดเช็กวงจรปิดตามเส้นทางแยกต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี ตั้งแต่ถนนเซาเทิร์นซีบอร์ด ไปยังจ.สุราษฎร์ธานี และแยกถนนเพชรเกษม เนื่องจากอาจมีเส้นทางที่กลุ่มคนร้ายใช้หลบหนี หรือเข้ามาแฝงตัวลงมือก่อเหตุ รวมถึงตรวจสอบยังโรงแรมและรีสอร์ตในอ.อ่าวลึก และพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากคาดว่าทีมสังหารอาจเข้ามาดูลาดเลาบริเวณบ้านที่เกิดเหตุก่อนลงมือ นอกจากนี้ยังแจกจ่ายภาพสเกตช์คนร้าย เพื่อใช้ติดตามจับกุมด้วย

ต่อมาพล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.สันติบาล เข้าสอบปากคำพยาน 2 ปาก ซึ่งเป็นผู้ที่รอดชีวิตในวันที่เกิดเหตุ โดยพยานทั้ง 2 คนให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการนำไปสู่การตามตัวคนร้าย พร้อมขอรับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย

ด้านพล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. นำทีมชุดสืบสวนกองปราบปรามประกอบด้วย พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5.บก.ป. พ.ต.ท.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา พ.ต.ท. อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ พ.ต.ท.ชัยฎิภูมิ อำนวยชัย รอง ผกก.5 บก.ป. และเจ้าหน้าที่กก.5 บก.ป.ลงพื้นที่คลี่คลายคดี

จากการสอบสวนชาวบ้านซึ่งอยู่ในอาการหวาดผวา ให้การว่าในวันเกิดเหตุไม่มีใครได้ยินเสียงปืน เนื่องจากบ้านผู้ตายอยู่ห่างไปในสวนปาล์ม และมีกระจกติดมิดชิด ทำให้ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา นอกจากนี้จากข้อมูลพบว่าคนร้ายสวมชุดลายพรางใช้รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน จ.สงขลา และรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว อ้างเป็นเจ้าหน้าที่มาเอาหมายศาลให้ชาวบ้านดูเพื่อสอบถามบ้านผู้ตายว่าอยู่หลังไหน

จากนั้นเข้าไปขอตรวจค้นภายในบ้าน อ้างว่าผู้ใหญ่บ้านเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และอาวุธสงคราม หลังก่อเหตุเอารถโตโยต้ายาริส สีเทา ของผู้ใหญ่บ้านพร้อมกุญแจรถทุกคันไปด้วย หลังก่อเหตุคนร้ายขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี พบว่ารถของกลุ่มคนร้ายวิ่งออกจากหมู่บ้านแล้วกลับรถมุ่งหน้า อ.ปลายพระยา เข้าทางหลวงหมายเลขสาย 41 สำหรับถนนเส้นนี้สามารถออกไป จ.สุราษฎร์ ธานี จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช ได้ โดยเจ้าหน้าที่กำลังไล่กล้องวงจรปิดเพื่อหาจุดหมายปลายทางในการหลบหนี

ส่วนประเด็นสังหาร ยังไม่ตัดประเด็นหนึ่งประเด็นใดทิ้ง ทั้งปมขัดแย้งกับนักการเมืองท้องถิ่นซึ่งเป็นถึงระดับนายกอบต. 2.เรื่องการร้องเรียนการสร้างโรงโม่หิน ซึ่งมีกรณีพิพาทกัน และทวีความรุนแรงมากว่า 1 เดือน 3.ปัญหาความขัดแย้งเรื่องการบุกรุกที่ดิน ที่ทางนายวรยุทธ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องไล่ที่ชาวบ้าน 8 ราย ขณะนี้เรื่องยังอยู่ในชั้นศาล และ 4.และสำคัญคือปมขัดแย้งเรื่องยาเสพติด เพราะคนร้ายอ้างว่ามาตรวจค้นยาเสพติด ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าผู้ตายเคยพัวพันกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่มุ่งประเด็นหลักในเรื่องของโรงโม่หิน เนื่องจากก่อนหน้านี้ นายวรยุทธรับเงินมาจากกลุ่มนายทุนโรงโม่หิน ที่มีนักการเมืองท้องถิ่นและผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง ตกลงว่าจะช่วยดำเนินงานในเรื่องการขอสัมปทาน รวมทั้งเกลี้ยกล่อมชาวบ้านที่ยอมให้มีโรงโม่หินให้เปิดได้สำเร็จตามที่ตกลง แต่เมื่อสุดท้ายโรงโม่หินไม่สามารถเปิดได้ จึงเกิดความขัดแย้งกันในเรื่องกล่าว

รายงานข่าวยังระบุอีกว่า จากการสอบปากคำพยานในเหตุการณ์ ให้การว่าตนสามารถจดจำใบหน้าและลักษณะของคนร้ายได้ 4 คน อีกทั้งยังได้ยินคนร้ายพูดถึงเรื่องเงินที่เคยมอบให้กับผู้ใหญ่บ้านโดยเสียงนั้นเป็นเสียงของคนภาคกลาง ว่า “มึงเอาเงินนายกูไปเยอะ” และระบุว่ามีคนร้าย 1 คน สวมไอ้โม่งปกปิดบังใบหน้า ส่วนคนที่เหลือไม่ได้ใส่ ไอ้โม่ง ซึ่งตนเชื่อว่าคนร้ายที่ใส่ไอ้โม่ง น่าจะเป็นคนที่ผู้ใหญ่บ้านหรือคนในบ้านรู้จักหรือคุ้นหน้ามาก่อน

รายงานข่าวแจ้งว่า พยานให้การว่า นอกจากทีมสังหารจะใส่ชุดลายพรางแล้ว ทุกคนยังถืออาวุธปืนยาวด้วย แต่ผู้รอดชีวิตจำไม่ได้ว่าเป็นปืนอะไร เจ้าหน้าที่จึงเตรียมนำภาพปืนยาวไปให้พยานชี้ยืนยันว่าอาวุธปืนที่กลุ่มคนร้ายถือติดตัวกันทุกคนเป็นปืนชนิดใดกันแน่

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ตามประกบผู้ต้องสงสัยแล้ว 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับ ผู้ตาย มาสอบปากคำ โดยเชื่อว่าจะมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ นอกจากนี้หลังเกิดเหตุพบรถต้องสงสัยขับเวียนบริเวณหน้าโรงพยาบาลอ่าวลึก ที่นำคนเจ็บไปส่ง จึงเกรงว่าคนร้ายจะตามมาฆ่าปิดปาก จนต้องจัดกำลังแน่นหนารอบโรงพยาบาล

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังมีประเด็นสงสัยว่าการที่คนร้ายอยู่ภายในบ้านนานถึง 8 ชั่วโมง มีความเป็นไปได้ว่ากำลังค้นหาสิ่งของบางอย่าง พร้อมใช้สุนัขตำรวจเข้าร่วมค้นหาภายในบ้าน รวมทั้งในรถซีอาร์วี สีขาว ทะเบียน กง 3665 สิงห์บุรี ที่จอดอยู่ในบ้านวันเกิดเหตุ

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับประเด็นชู้สาวนั้นตรวจสอบพบว่า นายวรยุทธ สนิทสนมกับเศรษฐินีคนหนึ่งชาวสิงห์บุรี ซึ่งขณะเกิดเหตุพบว่าอยู่ที่จ.กระบี่ด้วยเช่นกัน จึงเตรียมติดตามตัวมาสอบสวนว่ามีความเกี่ยวพันด้วยหรือไม่

ด้านนายมนัส ชูบุตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ส่วนกรณีผู้ใหญ่ฟ้องร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขณะนี้ ยังไม่รับหนังสือจากหน่วยงานที่ผู้ใหญ่ไปร้องเรียนแต่อย่างใด ส่วนที่ชาวบ้านบุกรุกที่สาธารณ ประโยชน์ พบว่าชาวบ้านได้อาศัยในพื้นที่มานานแล้ว แต่ไม่ได้ดำเนินการใดๆ จนกระทั่งผู้ใหญ่บ้านผู้ที่เสียชีวิต ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านเมื่อประมาณ 5 ปี ที่ผ่านมา ดำเนินการฟ้องร้องขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปสาเหตุหรือแรงจูงใจในการลงมือได้ แต่ยอมรับว่ามีข้อมูลรายงานเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งตนเองกำชับแนวทางการสืบสวนสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานติดตามจับกุมคนร้ายไปแล้ว ส่วนกล้องวงจรปิดในพื้นที่สามารถจับภาพคนร้ายได้หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อยู่ในสำนวน ส่วนกรณีคนร้ายนำรถยนต์ของผู้ตายไปด้วยนั้นจะต้องมีการวิเคราะห์ทั้งหมดทุกมิติ ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะนำไปก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ ซึ่งคนร้ายจะเป็นคนนอกพื้นที่อื่นเข้ามาก่อเหตุหรือไม่ ตนยังสรุปไม่ได้เช่นกัน ส่วนกรณีที่พบเงินโอนเข้ามาในบัญชีก่อนเสียชีวิตนั้น เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ แต่ก็ต้องสืบสวนทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง สำหรับพยานที่รอดชีวิต 3 ราย ยืนยันว่ามีมาตรการดูแลคุ้มครองอย่างดี ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายก่อเหตุได้นำมาตรวจสอบว่าเป็นอาวุธปืนของใคร ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก แต่เบื้องต้นสันนิษฐานได้ว่าคนร้ายน่าจะใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวในการก่อเหตุยิงทั้ง 8 ศพ แต่ทุกอย่างต้องรอผลทางนิติวิทยา ศาสตร์ ประกอบ

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้นำคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้เพราะเป็นคดีสำคัญ สะเทือนขวัญ ซึ่งส่วนตัวมั่นใจว่าจะสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ แต่ต้องให้เวลาในการทำงานสักระยะเพราะคดีเพิ่งเกิด คาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ จะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดีอีกครั้ง

ด้านพล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยว่า อาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุยิงล้างครัวเป็นปืนลูกโม่ ขนาด .38 แบบบรรจุกระสุน 5 นัด ซึ่งเป็นปืนของนายวรายุทธ ที่ถูกยิงเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังส่งปลอกกระสุนปืน 9 ปลอกที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ รวมทั้งหัวกระสุนปืนที่ยิงทะลุร่างของผู้เสียชีวิตฝังอยู่ในที่เกิดเหตุ และหัวกระสุนที่แพทย์นิติเวชผ่าออกจากร่างผู้ตาย จำนวน 4-5 หัวกระสุน ซึ่ง พฐ. จะเปรียบเทียบปลอก กับหัวกระสุนปืน ว่าคนร้ายใช้ปืนกระบอกเดียวปลิดชีพเหยื่อหรือไม่ ส่วนที่กระบอกปืน ตรวจสอบแล้วพบกระสุนปืนค้างในรังเพลิง 1 นัด และปลอกกระสุน 2 ปลอก นอกจากนี้ ได้เก็บดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝงไว้เปรียบเทียบ หากพบตัวผู้ต้องสงสัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีข้อสงสัยว่าคดีฆ่า 8 ศพ เชื่อมโยงกับคนมีสีด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ว่า “ใคร ให้ไปหากันมา ผมบอกแล้วไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย พวกสื่อก็ชอบย้ำอยู่นั่นแหละว่า คนร้ายเป็นเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบ สื่อก็ยุ่งกับไอ้เรื่อง พวกนี้”

“เสียใจกับครอบครับที่ถูกฆาตกรรมด้วย นี่หรือแผ่นดินธรรม พวกคนก็จะเอาแต่เรื่องการเมืองมากอดไว้ มันไม่ได้ เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ และต้องไม่เกิดขึ้นอีก วันนี้เราก็ต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอยู่ดี จะไปบอกว่าตำรวจไว้ใจไม่ได้มันไม่ใช่ เพราะตำรวจที่ดีก็ตั้งใจทำงาน ส่วนคนไม่ดีก็เอาออกไปลงโทษด้วยกลไกทางกฎหมาย กระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจนเท่านั้นเอง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เชื่อว่าคนร้ายไม่ใช่ทหารแน่นอน หากเป็นทหารจะใส่ชุดพรางไปก่อเหตุให้เป็นที่สังเกตทำไม แต่งเป็นพลเรือนจะดีกว่าหรือไม่ ซึ่งคนที่แต่งชุดทหาร ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องการเลียนแบบทหารแล้วไปก่อเหตุ ปกติคนร้ายย่อมต้องปกปิดตัวเองอยู่แล้ว พยายามเบี่ยงเบนด้วยการใช้เสื้อผ้า ซึ่งชุดทหารหาซื้อได้ง่าย มีพลเรือนใส่กันมาก และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความไม่สงบจังหวัดชายแดนใต้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน