หุ้นส่วนโรงโม่หิน “โกเสริฐ” โผล่พบ ตร. ยันไม่เกี่ยวข้องคดีฆาตกรรมยกครัวผู้ใหญ่บ้าน 8 ศพ ที่กระบี่ เผยเป็นเพื่อนสนิทคบกันมา 40 ปี และทำงานด้วยกัน วันเกิดเหตุเป็นคนให้ผญบ.ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ก่อนขึ้นเครื่องบินกลับ ระหว่างทางโทรศัพท์ติดต่อกันมาตลอด จนกระทั่งเข้าบ้าน ไม่คิดว่า จะเกิดเหตุร้ายขึ้น ยันไม่เคยมีปัญหาระหว่างกัน ขอให้ตร.พุ่งปมอื่นดีกว่า ขณะที่สอบสวนหญิง คนสนิทชาวสิงห์บุรี ยันไม่ได้เป็นเศรษฐินี แต่งงานอยู่กินกัน 3 ปี ครอบครัวฝ่ายชายก็รู้เรื่อง ไม่มีปัญหาอะไรกัน พฐ.เร่งตรวจสอบปืน ปลอกกระสุน และกระป๋องน้ำอัดลมที่ทิ้งไว้ในบ้าน ขณะที่ตร.-ทหารรักษาความปลอดภัยร.พ.กระบี่เข้ม เกรงคนร้ายกลับมาลงมือ

จากกรณีคนร้ายชายฉกรรจ์ 6-7 คน แต่งชุด ลายพรางพร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้าไปในบ้าน ของนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ แล้วจับคน ในบ้านไว้ รอจนนายวรยุทธเข้ามาแล้วก่อเหตุยิงโหด 8 ศพ ก่อนหลบหนีไปและยังเอา รถเก๋งยาริสของผู้ตายไปด้วย ด้านตร.ชี้เป็น มืออาชีพ หลังก่อเหตุได้ทำลายหลักฐาน และเอาฮาร์ดดิสก์วงจรปิดไปด้วย พร้อมตั้งปม ขัดแย้ง 5 ประเด็น ประกอบด้วย การเมืองท้องถิ่น โรงโม่หิน ฟ้องขับไล่รุกที่สาธารณะ ชู้สาว และ ยาเสพติด ตามที่ข่าวสดนำเสนอไปก่อนหน้านี้

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ห้องประชุม บก.ภ.จว.กระบี่ พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง ผบก.ภ.จว.กระบี่ เป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าคดีฆ่าหมู่ 8 ศพ โดย เจ้าหน้าที่สรุปความคืบหน้าในประเด็นต่างๆ อาทิ เรื่องที่ดินสาธารณะที่ผู้ตายฟ้องขับไล่ชาวบ้าน 8 รายออกจากพื้นที่ ประเด็นการ ที่บริษัทเอกชนขออนุญาตเปิดโรงโม่หินที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาขออนุญาตเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ถูกชาวบ้านคัดค้าน และประเด็นธุรกิจผิดกฎหมาย และเรื่องชู้สาวที่มีกระแสข่าวว่ามีเศรษฐินีสิงห์บุรีมาติดพัน แต่จากการตรวจสอบ ไม่พบว่าหญิงคนดังกล่าวมีฐานะร่ำรวยแต่อย่างใด โดยนายวรยุทธอยู่กินกับหญิงคน ดังกล่าวประมาณ 3 ปี และได้ซื้อบ้านพัก 1 หลัง อยู่ในตัวเมือง และรถยนต์อีก 1 คัน ซึ่งครอบครัวภรรยาหลวงก็รับทราบเรื่องนี้ดี

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการสืบสวนเชิงลึก เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่ประเด็นบริษัทเอกชน มาขออนุญาตเปิดโรงโม่หิน ซึ่งอนุญาตประทานบัตรเปิดเหมืองหินไปตั้งแต่ปี 2555 โดยมีนายวรยุทธเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ประสานงาน แต่ในขั้นตอนของการอนุญาตเปิดโรงโม่หินนั้น ยังไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากถูก ชาวบ้านคัดค้านมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจุดดังกล่าวค้นพบวัตถุโบราณจำนวนมาก และกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งโบราณคดี ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อบริษัทที่ขออนุญาต เปิดเหมือง โดยมีเพื่อนสนิทของนายวรยุทธมาเป็นหุ้นส่วน โดยมอบหมายให้นายวรยุทธคอยประสานงาน เจรจากับหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งกลุ่มที่คัดค้าน แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ แต่ทางบริษัทได้มีการลงทุนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ตัดทิ้งประเด็นอื่นๆ ที่จะต้องมีการสอบสวนกันต่อไป

ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ภ.9 พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง ผบก.ภ.จว.กระบี่ ร่วมประชุมที่บก.ภ.จว.กระบี่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดมกำลังออกตรวจสอบและเก็บภาพจากล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนจะหลบหนี เพื่อดูเส้นทาง โดยเฉพาะ รถของคนร้ายคือรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีดำ รถโตโยต้ายาริส สีขาว และรถยนต์โตโยต้า ยาริสของผู้ใหญ่บ้านที่ถูกขโมยไป 1 คันด้วย

ต่อมาเวลา 15.30 น. พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วยพ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เดินทางโดยสายการบินพาณิชย์เพื่อลงพื้นที่ติดตามคดี

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเปิดเผยว่า สั่งการ ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งเรียกบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทที่รับสัมปทานสร้างโรงโม่หินในพื้นที่ โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นหนึ่งในกรรมการบริษัทดังกล่าว และเพื่อนสาวคนสนิทของผู้ใหญ่บ้านมาสอบปากคำ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบข้อมูลในทุกด้านทุกมิติ โดยยังไม่สามารถตัดประเด็นการก่อเหตุใดทิ้งได้ ส่วนการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เส้นทางการหลบหนี รวมถึงเบาะแสที่พบว่าคนร้ายอาจใส่ชุดลายพรางคล้าย เจ้าหน้าที่เข้าก่อเหตุ จะประชุมติดตามเบาะแสการหลบหนี

พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุบ้านผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานต้องเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมดตามขั้นตอน ทั้งปลอกกระสุน ปืน ลูกกระสุนปืน และหารอยนิ้วมือแฝงต่างๆ ยอมรับว่าการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุคดี ดังกล่าวค่อนข้างยาก เนื่องจากคนร้ายวางแผนมาเป็นอย่างดี แต่เชื่อว่าจะต้องมีหลักฐานบางอย่างที่หลงเหลืออยู่บ้างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามพยานทราบว่าคนร้ายใส่ถุงมือถึง 2 ชั้น ป้องกันไม่ให้ มีลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าตลอดระยะเวลากว่า 7 ชั่วโมงที่คนร้ายอยู่ในบ้านดังกล่าว จะต้องทิ้งร่องรอย หรือมีหลักฐานหลงเหลืออยู่บ้าง โดยหลักฐานที่รวบรวมได้ ถูกแบ่งไปตรวจสอบตามศูนย์กองพิสูจน์หลักฐานที่มีผู้เชี่ยวชาญประจำอยู่แตกต่างกันออกไป เช่น พวกลูกกระสุนปืน ปลอกกระสุน อาวุธ หรือรอยนิ้วมือ จะถูกส่งไปตรวจสอบที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะที่การตรวจสอบดีเอ็นเออาจจะต้องส่งไปตรวจสอบที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ที่มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือไม่ ก็ส่งมาที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านประจำอยู่

รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมสืบสวนอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบอาวุธปืน ปลอกกระสุนปืน และหัวกระสุนปืน ที่เก็บได้จากในที่เกิดเหตุ ซึ่งประกอบด้วย อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 9 ปลอก หัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาด 2 หัว รวมทั้งกระป๋องน้ำอัดลม 1 กระป๋อง ที่เชื่อว่า เป็นของคนร้ายที่ดื่มทิ้งไว้

ทั้งนี้ ผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์จะเป็นส่วนหนึ่งในเบาะแสที่จะเชื่อมโยงสู่คนร้ายได้ ขณะเดียวกันชุดสืบสวนกองปราบฯ และสืบสวนจังหวัดกระบี่ กระจายกำลังกันออกติดตามรถยาริสของผู้ตายที่คนร้ายขโมยไปหลังก่อเหตุด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป ทำหนังสือถึงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อขอตรวจสอบนิติกรรมและการใช้เงินรวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ ประกอบด้วย สัญญาเงินกู้ เอกสารการจด จำนอง รายการเดินบัญชีตั้งแต่เปิดบัญชีเงินกู้จนถึงปัจจุบันของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดี 2 คน คือ นายเชษฐ์ดนัย ถิ่นพังงา และนายนรินทร์ เก่งธนทรัพย์ เนื่องจากทั้งคู่มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องกับแนวทางการสืบสวน เพื่อให้การสืบสวนคดีมีความคืบหน้ามากขึ้น

นอกจากนี้อีกประเด็นหนึ่งที่ชุดสืบสวนให้น้ำหนัก คือปมขัดแย้งเรื่องนายวรยุทธเป็นโจทก์ยื่นฟ้องขับไล่ที่ดินชาวบ้านจำนวน 8 ราย และมีความขัดแย้งรุนแรงเพราะมีการฟ้องร้องกันหลายคดี ซึ่งเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ของ อบต.แห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ ด้วยโดยขณะนี้ คดียังอยู่ในชั้นศาล

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา นายเชษฐ์ดนัยเข้าให้การกับตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ เพื่อชี้แจงถึงกรณีนายวรยุทธ ระบุว่า ตนเองบริสุทธิ์และเป็นเพื่อนสนิทกับนาย วรยุทธตั้งแต่เด็กๆ โดยบริษัทตั้งขึ้นมาช่วง ต้นปี เพื่อเตรียมรองรับการทำธุรกิจเกี่ยวกับเเร่ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มสำรวจสายแร่ และผู้ตายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังขอให้ตำรวจตัดประเด็นบริษัทตนเองออกไป และมุ่งไปที่ประเด็นอื่น เช่น ความขัดแย้งเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น หรือประเด็นที่ผู้ใหญ่ฟ้องขับไล่ที่ดินชาวบ้าน ที่บุกรุกที่ดินรัฐมากกว่า

นายเชษฐ์ดนัย ถิ่นพังงา หรือโกเสริฐ เพื่อนสนิทของนายวรยุทธ ผู้ใหญ่บ้านที่โดนยิงเสียชีวิต เจ้าของสวนปาล์มใน จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ตนเองกับนายวรยุทธเป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เป็นเพื่อนสนิทกันมา 43 ปี โดยชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.อ่าวลึก จะรู้ดีว่าตนกับนายวรยุทธสนิทกันมาก เมื่อโตขึ้นมาก็ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน โดยนายวรยุทธจะช่วยดูแลและประสานงานเรื่องธุรกิจในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่

โกเสริฐเผยอีกว่า ในวันก่อนเกิดเหตุ ตนมอบหมายให้นายวรยุทธเดินทางมาทำธุระเรื่องงานให้ที่กรุงเทพฯ ซึ่งตลอดเวลาที่นาย วรยุทธมาทำธุระให้ตนโทรศัพท์พูดคุยกันตลอด เวลา จนในวันเกิดเหตุนายวรยุทธขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพฯ กลับมายังกระบี่ ซึ่งก็โทรศัพท์พูดคุยกันตลอด ไม่มีลางบอกเหตุอะไร จน กระทั่งนายวรยุทธนั่งเครื่องถึงกระบี่ก็เดินทางกลับบ้านและเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น โดยขณะเกิดเหตุตนก็อาศัยอยู่บ้านพักตามปกติ และนายวรยุทธไม่ได้แวะมาหาที่บ้านพัก แต่อย่างใด

โกเสริฐเผยต่อว่า ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการตั้งโรงโม่หินในพื้นที่อ่าวลึกนั้น พื้นที่ตั้งโรงโม่หินก็อยู่ในพื้นที่สวนปาล์มของตนเอง และมีการขอประทานบัตรถูกต้องทุกอย่าง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากกรมศิลป์มาตรวจสอบพบวัตถุโบราณ จึงทำให้ยังเปิดไม่ได้และมีเสียงคัดค้านจากชาวบ้านในพื้นที่ด้วย พร้อมยืนยันตนและนายวรยุทธไม่ได้มีปัญหากับหุ้นส่วนรายใหญ่แต่อย่างใด ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงโม่หินคงต้องรอให้หุ้นส่วนรายใหญ่มาชี้แจง

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่พบว่านาย วรยุทธร่วมกันจดทะเบียน บริษัท ทรัพย์อนันต์ จำกัด เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2560 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการอุตสาหกรรมโรงโม่หิน มีชื่อนายวรยุทธ สังหลัง เป็นกรรมการลำดับที่ 3 มีนายเชษฐ์ดนัย ถิ่นพังงา และน.ส.วิจิราภรณ์ อินทร์จันทร์ เป็นกรรมการลำดับที่หนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับครอบครัวของนางอัญชลี บุตรเติบ หนึ่งในผู้รอดชีวิต เป็นภรรยานายสุทธิพงศ์ พริกดำ และเป็นน้องเมียของนายวรยุทธ สังหลัง ตามปกติแล้วทำหน้าที่ เป็นแม่บ้านให้กับนายวรยุทธด้วย ก่อนเกิดเหตุ ลูกสาวของนายสุทธิพงศ์และนางอัญชลี คือด.ญ.รัญชิดา พริกดำ ไปเล่นอยู่ที่บ้านของนายวรยุทธ จนกระทั่งกลุ่มคนร้ายบุกเข้ามาในบ้านก็จับคนทั้งหมดภายในบ้าน กระทั่งเย็นมากแล้วลูกยังไม่กลับมาบ้าน นางอัญชลีก็เลยเดินมาตาม แต่ก็หายไปเพราะถูกคนร้ายคุมตัวเอาไว้

ต่อมาไม่นานนายสุทธิพงศ์เมื่อเห็นลูกและเมียหายไปจึงออกไปตาม โดยอุ้มลูกสาวคนเล็กอายุแค่สามเดือนไปด้วยจนถูกจับไปอีกคน ก่อนที่นายสุทธิพงศ์จะถูกยิงจนเสียชีวิตอย่างน่าสลดหดหู่ เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย

นอกจากนี้ตามแนวทางการสืบสวนยังเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายอาจวางแผนลวง โดยใช้อาวุธปืน .38 ของนายวรยุทธยิงผู้ตายทั้งหมด เพื่อสร้างหลักฐานว่าเป็นฝีมือของนายวรยุทธก่อเหตุยิงเมียและลูกก่อนฆ่าตัวตายตามไป แต่ผิดแผนเนื่องจากวันเกิดเหตุได้มีสมาชิกครอบครัว พริกดำมาอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุด้วย ก็เลยต้องฆ่าให้ตายทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ให้มีพยานมาให้เบาะแสของคนร้ายกับตำรวจได้

ที่ร.พ.กระบี่ ทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่ปกครองทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 10 นายมาดูและรักษาความปลอดภัยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่รอดจากเหตุการณ์สังหารหมู่ โดยยัง รักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 2 คน และอีก 1 คนที่ทำเป็นแกล้งตาย ก็ขอเข้ามาอยู่ที่โรงพยาบาล กระบี่เช่นกัน

นพ.สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผอ.ร.พ.กระบี่กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บเพศหญิง 2 ราย ทั้งอายุ 2 ขวบ และ 13 ปี อาการปลอดภัยขึ้นตามลำดับ แต่ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด บางคนยังหวาดผวากับคนที่ไม่รู้จัก จึงขอความร่วมมือ ไม่ควรเข้ามาเยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายในตอนนี้ และหลังจากอาการดีขึ้นต้องให้นักจิตเวช กรมสุขภาพจิต มาดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจและดูแลเด็กหญิงทั้ง 2 คน ส่วนการรักษา ความปลอดภัย นั้นยืนยันว่าร.พ.กระบี่เข้มงวดเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นกรณีพิเศษ อาจจะให้ผู้เข้ามา ใช้บริการช่วงนี้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนมีสีหรือหน่วยทหารในพื้นที่หรือไม่ เพราะมีการระบุว่าคนร้ายที่ ก่อเหตุแต่งกายคล้ายทหารนั้น ตอนนี้ตำรวจกำลังทำงานอยู่ ก็ให้ตรวจสอบในประเด็นนี้ แต่ยังไม่ทราบและเห็นว่าคนที่แต่งกายคล้ายทหารก็มีอยู่มาก ซึ่งตำรวจก็ทำงานอย่างเต็มที่ ส่วน จะได้ข้อมูลมากน้อยแค่ไหนหรือคดีเป็นไปได้ขนาดไหนก็ต้องมาดูกันอีกที ซึ่งตนไม่ได้กำชับอะไรกับผบ.ตร. เพราะผบ.ตร.เองก็ได้ลงพื้นที่และติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมวางแผนติดตามคนร้ายในวันนี้พล.ต.อ.จักรทิพย์ สั่งการให้เพิ่มประเด็นหาแก๊งมีสีนอกแถว เนื่องจากได้เบาะแสมาว่ามีกลุ่มที่มีพฤติกรรมตบทรัพย์ รีดไถ กระทั่งปล้นทรัพย์ โดยแก๊งเหล่านี้เมื่อได้ข่าวคนในพื้นที่รายใด ได้เงินทองหรือทรัพย์สินเป็นจำนวนมากก็จะวางแผนฉกชิงทรัพย์ โดยจะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นเรื่องยาเสพติดในบ้านเป้าหมาย แต่จะมุ่งเอาทรัพย์สินเป็นเงินก้อนที่มีข่าวว่าเจ้าของบ้านเพิ่งได้มา ซึ่งพฤติกรรมของแก๊งฆ่า 8 ศพ ก็มีลักษณะคล้ายคลึงกันโดยแก๊งนี้อาจจะทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และคงเข้าใจว่านายวรยุทธ เพิ่งได้เงินจาก นักลงทุนก้อนใหญ่ จึงมาก่อเหตุ

ซึ่งแก๊งเหล่านี้รู้จักกันในนามแก๊งตีกินหรือแก๊งตีไก่ ที่เป็นพวกคนมีสีนอกแถวมารวมตัวกันรับงาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน