ทีมฆ่า 8 ศพ แฉ “บังฟัต” อ้างเป็นทหาร ให้เรียกตัวเองว่า “ผู้พัน” ส่วนคนอื่นๆ มีทั้งผู้กอง ผู้หมวด และจ่า ตร.เร่งรวบรวมหลักฐานขอศาลกระบี่ออกหมายจับ หลังใกล้หมดระยะเวลาควบคุมตัวตามคำสั่งหน.คสช. เบื้องต้นเจอ 4 ข้อหาหนัก “ร่วมกันฆ่า ปล้นทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยวและแต่งกายคล้ายทหาร” ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหาเริ่มเครียดเกรงจะโดนโทษประหาร ขณะที่บังฟัตให้การรับสารภาพ อ้างว่าเคยถูกผู้ตายลอบยิงมาก่อน ประกอบกับชอบดูหนังฝรั่งแนวฆาตกรรมซ่อนเงื่อน จึงนำมาใช้วางแผนลวงตำรวจ “บิ๊กป้อม” ชื่นชม “บิ๊กแป๊ะ” นำทีมจับคนร้ายได้รวดเร็ว ด้านชาวกระบี่ชื่นชมผบ.ตร.จอดรถขบวนลงไปช่วยเหตุหญิงขี่จยย.ล้ม เกิดกระแส “ไอดอลของเด็กๆ” พาลูกแต่งชุดตำรวจมาอวด

จากกรณีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุฆ่า 8 ศพครอบครัวนายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ ผู้ใหญ่บ้านเขางาม หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ที่บ้านเลขที่ 14/3 ม.2 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ระดมนักสืบมือดีลงพื้นที่สืบสวน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 9 ราย รวมทั้ง นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี หรือ บังฟัต นายทุนเงินกู้ชาว ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ หัวโจกใหญ่ โดยปมเหตุมาจากเรื่องโฉนดที่ดิน 2 แปลง ที่ทางผู้ใหญ่วรยุทธนำไปขายฝากเอาไว้ แต่บังฟัตนำไปจดจำนองต่อกับธนาคาร จนเมื่อมีการนำเงินมาไถ่ถอนคืน บังฟัตจึงไม่มีโฉนดคืนให้ จนเป็นเรื่องราวบานปลายมีการฟ้องร้องในศาล และทั้งคู่ทะเลาะวิวาทถึงขั้นขู่ฆ่ากันไปมา ขณะที่การสอบสวนกลุ่มลูกน้องบังฟัต รับว่าถูกจ้างให้มาทวงหนี้ บอกว่าหากสำเร็จจะออกเงินดาวน์รถให้ โดยบังฟัตเป็นคนลงมือยิงคนในบ้านทั้ง 11 คนด้วยตนเอง จนเสียชีวิต 8 ศพ ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่ กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดกระบี่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษา (สบ10) เป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าคลี่คลายคดียิง 8 ศพ โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนเข้าร่วมประชุมทั้งหมด หลังเสร็จสิ้นการประชุมพล.ต.อ.สุชาติ เปิดเผยว่า ภายในวันศุกร์ที่ 21 ก.ค.นี้จะครบกำหนดควบคุมตัว 7 วันตามอำนาจของทหาร ซึ่งขณะนี้ยังคงควบคุมผู้ต้องหาไว้ทั้ง 7 คน รวมทั้งผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนด้วย โดยคดียังอยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน ส่วนเรื่องการออกหมายจับและส่งตัวผู้ต้องหาให้กับพนักงานสอบสวน คาดว่าน่าจะไปขออนุมัติจากศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องได้ไม่น่าจะเกินวันที่ 20 ก.ค.นี้ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

พล.ต.อ.สุชาติ เปิดเผยต่อว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะส่งมอบตัวกลุ่มผู้ต้องหาที่ไหน อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนยังทราบว่าในคืนเกิดเหตุ ก่อนที่นายวรยุทธจะเสียชีวิต บังฟัตยังได้บังคับให้นายวรยุทธเซ็นโอนเอกสารรถยนต์โตโยต้า รุ่นยาริส สีเทา ให้กับตัวเอง หลังก่อเหตุแล้วจึงได้นำรถของผู้ตายกลับไปด้วย ส่วนสาเหตุของคดีอยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาที่ไป โดยข้อขัดแย้งเรื่องจำนองที่ดินยังมีข้อสงสัยอยู่ในบางเรื่อง รอตรวจสอบอีกนิดก็น่าจะชัดเจน

ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น.เปิดเผยถึงปมขัดแย้งว่า เป็นความขัดแย้งเรื่องการจำนองที่ดินระหว่างนายวรยุทธกับบังฟัต ระหว่างปี 2552 – 2554 โดยภรรยาของนายวรยุทธ ได้นำที่ดินของพ่อมาจำนองไว้กับบังฟัตซึ่งอดีตเคยเป็นเพื่อนบ้านหลายครั้งรวมเป็นเงินล้านกว่าบาท ต่อมานายวรยุทธ นำเงินไปไถ่ถอน ปรากฎว่า บังฟัตไม่ยอมคืนโฉนดดังกล่าวให้ จึงเกิดความขัดแย้ง จนถึงขั้นนายวรยุทธ ขู่ที่จะยิงล้างโคตรบังฟัต โดยจากการสอบปากคำ บังฟัต ยังให้การด้วยว่าเมื่อปี 2556 เคยถูก นายวรยุทธ ลอบดักยิงมาแล้ว แต่ไม่เป็นไรก็เลยไม่ได้แจ้งความ หรือไปลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานใดๆ จากนั้นเลยผูกใจเจ็บเรื่อยมา ซึ่งกรณีนี้จะต้องตรวจสอบในรายละเอียดด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทีมสอบสวนกำลังคัดกรองผู้ที่ถูกควบคุมตัวมาทั้ง 9 คน แบ่งออกเป็นชุดปฏิบัติการที่เข้าไปก่อเหตุครั้งนี้เป็นชาย 7 คน และผู้หญิงอีก 1 รายซึ่งรออยู่นอกที่เกิดเหตุ แต่เป็นผู้คอยสนับสนุนซื้ออาหารและน้ำดื่มให้กับคนร้ายและเหยื่อ ส่วนอีก 1 รายเป็นชายเจ้าของรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ที่คนร้ายใช้นำไปก่อเหตุที่ต้องสอบสวนว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ โดยขณะนี้ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ภายใน

สำหรับข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวนจะแจ้งดำเนินคดีกับคนร้ายมีรายงานว่าน่าจะเป็นคดี ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน, ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวโดยทำร้ายจิตใจ ผู้อื่น, แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร นอกจากนี้ยังมีข้อหาอื่นๆ ที่เป็นส่วนย่อยที่จะต้องแจ้งกับผู้ต้องหาบางรายด้วย ทั้งนี้ยังมีรายงานจากการสอบปากคำนายจักร ผู้ต้องหาที่เป็นคนสนิทของบังฟัต ได้ให้การรับสารภาพกับชุดสืบสวนด้วยว่า ตนมีอาชีพรับจ้างกรีดยางและรับจ้างทั่วไป ก่อนปฏิบัติการครั้งนี้ บังฟัตอ้างว่าให้ไปร่วมทวงหนี้จากนายวรยุทธ มาแล้ว 2 ครั้ง ทุกครั้งจะมีบังฟัตร่วมเดินทางไปด้วยพร้อมพวกอีก 5-6 คน ซึ่งก็แล้วแต่บังฟัตจะเรียกใครมาช่วยงาน ทุกครั้งที่ผ่านมา บังฟัตไม่เคยสวมหมวกไหมพรมปิดบังใบหน้า ส่วนตนนั้นได้ค่าจ้างครั้งละ 1,000 บาท สองครั้งที่ผ่านมาทวงหนี้ไม่สำเร็จเพราะไม่เจอ ล่าสุดบังฟัตติดต่อมาอีกครั้ง โดยที่ตนเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าครั้งนี้จะมีการฆ่ากันตายมากขนาดนี้ และบังฟัตก็ไม่เคยบอกมาก่อนถึงแผนการดังกล่าว

นายจักร ให้การต่อว่า ในวันเกิดเหตุ บังฟัต ได้นัดให้ทุกคนแต่งชุดทหารเหมือนกับทุกครั้ง โดยให้เรียกบังฟัตว่า “ผู้พัน” อีก 4 คนรวมทั้งตนให้เรียกว่า “จ่า” อีกคนให้เรียกว่า “ผู้กอง” คนสุดท้ายเรียกว่า “หมวด” เพื่อแสดงตัวตนว่าเป็นกลุ่มทหารให้ นายวรายุทธ กลัว แต่ครั้งนี้ตนรู้สึกแปลกใจว่าทำไม บังฟัต ถึงต้องสวมหมวกไหมพรมปิดหน้า แต่ ทั้งนี้ บังฟัต ให้ตนทำหน้าที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าบ้าน ตนยอมรับว่าเป็นคนกวักมือเรียกให้เหยื่อคนอื่นๆ ที่เข้ามาในบ้านภายหลังเข้ามาในบ้าน เพราะไม่อยากให้การทวงหนี้ครั้งนี้เอิกเกริกโดยไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุร้าย จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงค่ำจึงได้ยินเสียงปืนนัดแรก ตนจึงตกใจมากก่อนที่ บังฟัตจะลั่นไกยิงเหยื่อทีละคน

ส่วนการสอบปากคำบังฟัต ให้การรับสารภาพว่าพยายามเบี่ยงประเด็นการสังหารให้เป็นเรื่องความเครียดในเรื่องหนี้สินของนายวรยุทธ จึงก่อเหตุฆ่ายกครัวแล้วฆ่าตัวตายตาม ปกติเป็นคนชอบดูภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวน ฆาตกรรมลึกลับซ่อนเงื่อน จึงได้นำพล็อตเรื่องและเทคนิคของคนร้ายในภาพยนตร์ต่างประเทศมาใช้ในการหลอกล่อเจ้าหน้าที่ให้ไขว้เขว นอกจากนี้ก่อนเกิดเหตุได้มีการวางแผนหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ รวมทั้งเอาฮาร์ดดิสก์ กล้องวงจรปิดในบ้านไปด้วย

นอกจากนี้ในการสืบสวนยังทราบด้วยว่า กลุ่มบังฟัตมีพฤติกรรมปล่อยเงินกู้และออกทวงหนี้ในพื้นที่ จ.กระบี่ พังงา ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช มาตั้งแต่ปี 2555 หากลูกหนี้รายไหนไม่ยอมจ่ายหนี้ก็จะนำกลุ่มลูกน้องเข้าทวงหนี้ โดยสวมเครื่องแบบชุด ลายพรางติดอาวุธครบมือ นอกจากนี้ยังพฤติกรรมไม่คืนโฉนดที่ดินหลังลูกหนี้นำเงินมาไถ่ถอนอยู่หลายครั้ง จนทำให้มีฐานะร่ำรวยขึ้น มีทั้งเงินสด ที่ดิน และบ้าน อยู่ในหลายจังหวัดทางภาคใต้อีกด้วย

ส่วนบรรยากาศที่บริเวณหน้ากองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน.1) คลองท่อม สถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยด้านหน้าปากทางเข้าตามปกติ โดยมีรายงานว่าผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวนั้นเริ่มมีอาการเครียด โดยเฉพาะผู้ต้องหา 6 คน ที่ร่วมกับบังฟัต ในคืนเกิดเหตุ โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพ เนื่องจากเกรงจะถูกลงโทษถึงประหารชีวิต

ขณะที่บรรยากาศที่บ้านผู้ใหญ่บัติ ยังมีนายตำรวจ จาก สภ.อ่าวลึก จำนวน 6 นาย ตรึงกำลังดูแลสถานที่อยู่ บรรยากาศเริ่มเงียบแต่ก็ยังมีชาวบ้านเดินทางมาดูอยู่ในสวนปาล์มบ้าง แต่ไม่มากนัก

ขณะที่นายไพศาล จำนอง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/2 ม.2 ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช น้องภรรยาของบังฟัต ซึ่งรับฝากรถเก๋งยาริสที่ใช้ก่อเหตุเอาไว้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เรียกตนไปสอบสวน ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะถูกข้อกล่าวหาอะไรหรือไม่ แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกรณีที่บังฟัตไปก่อเหตุ อีกทั้งรถเก๋งที่บังฟัตนำมาเปลี่ยน ตนก็ได้เอาไปใช้ตามปกติไม่ได้เอาไปหลบซ่อนที่ไหน กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจยึดรถไป

“การไปพบตำรวจในครั้งนี้เพื่อไปพูดคุยและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เท่านั้น ซึ่งผลจะออกมาอย่างไรไม่สามารถคาดเดาได้ และหลังจากไปให้ข้อมูลคิดว่าสถานการณ์น่าจะชัดเจนขึ้นว่าผมอยู่ในฐานะไหน แต่ยังยืนยันเช่นเดิมว่าจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ตามที่ได้ตั้งใจไว้” นายไพศาลกล่าว

วันเดียวกัน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาคดีฆ่ายกครัว 8 ศพ ว่า ตนขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานเพียง 1-2 วัน สามารถคลี่คลายคดีและจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด โดยเฉพาะการทำงานของ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ลงไปทำคดีด้วยตนเอง ซึ่งทำงานได้ดี เรียกได้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามทำงานให้เป็นไปตามที่ประชาชนต้องการได้ ดังนั้น ขอให้มั่นใจได้ว่าทุกคดีที่เกิดขึ้น ทั้งคดีระเบิด ร.พ.พระมงกุฎฯ คดีฆ่าคนตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้ทั้งหมด

“ในที่นี้ผมขอให้กำลังใจ และชื่นชมว่าตำรวจพยายามทำงานอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ จนประชาชนได้ชื่นชมการทำงานด้วย โดยเฉพาะนักข่าวได้เดินทางไปที่เกิดเหตุเป็นร้อยสำนัก เพื่อไปติดตามการทำงานของตำรวจในพื้นที่อย่างใกล้ชิด” พล.อ.ประวิตร กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเปลี่ยน ผบ.ตร.ว่า ยังไม่รู้ เพราะยังไม่ได้พูดคุยกัน ซึ่งผบ.ตร.คนปัจจุบัน ก็ยังเหมาะสมในการทำหน้าที่อยู่ และขอยืนยันว่าตนไม่เคยมีสัญญากับพล.ต.อ.จักรทิพย์ ว่าจะให้นั่งในตำแหน่ง 2 ปี อีกทั้งก็ไม่มีความลำบากใจอะไรที่มีรุ่นน้องมาต่อคิวอยู่ เราพิจารณาดูว่าคนใดมีความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจับกุมคนร้ายได้ ในโลกโซเชี่ยลต่างชื่นชมการทำงานของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ไปนำทีมควบคุมการสืบสวนสอบสวนด้วยตนเอง อีกเหตุการณ์ที่ชาวกระบี่สุดประทับใจ คือระหว่างที่ คณะของพล.ต.อ.จักรทิพย์ กำลังเดินทางมาแถลงข่าวความคืบหน้าคดีฆ่า 8 ศพ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา เมื่อมาถึงบริเวณหน้าวัดโภคาฯ ถนนอุตรกิจ อ.เมืองกระบี่ เกิดเหตุรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ข้างทาง ทางผบ.ตร.ได้สั่งให้ขบวนรถหยุดก่อนที่จะลงจากรถมาช่วยเหลือผู้หญิงที่ขับขี่รถจักรยานยนต์คันประสบเหตุด้วยตนเอง ก่อนให้คณะผู้ติดตามเรียกรถพยาบาล และยังช่วยพยุงรถจักรยาน ยนต์ที่ล้มอยู่ด้วยตัวเอง จนเป็นภาพประทับใจของประชาชนชาวกระบี่ โดยหน้าเฟซบุ๊ก มูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา โพสต์รูปและข้อความชื่นชมโดยระบุว่า “ผบ.ตร. ครับเอาใจพี่น้องประชาชนไปเลย” จากนั้นไม่นานได้มีการแชร์ไปอย่างรวดเร็วจนทำให้ชาวกระบี่เห็นและชื่นชมภาพแห่งความประทับใจดังกล่าว

ขณะเดียวกันก็เกิดกระแส “ไอดอลของเด็กๆ” เมื่อชาวบ้านพาลูกหลานมาพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ระหว่างพักรับประทานอาหาร เพื่อให้กำลังใจในการทำงาน โดยเด็กๆ ได้ใส่ชุดข้าราชการตำรวจ พร้อมบอกว่านับถือว่า ผบ.ตร.เป็นไอดอล ในอาชีพตำรวจของเด็กๆ อีกด้วย

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยทั้งหมด อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งควบคุมตัวโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 โดยทหารมีอำนาจควบคุมตัวเป็นเวลา 7 วัน (นับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.) หากครบกำหนดจะต้องส่งตัวให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยระหว่างนี้ทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งการสอบปากคำพยาน ผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงคำรับสารภาพของผู้ต้องสงสัยทั้งหมด เพื่อให้สำนวนครบถ้วนที่สุดก่อนขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน