“สมีเณรคำ” ถึงไทย ดีเอสไอนำตัวสอบสวนทันที คาดยันสว่างแล้วส่งฝากขังเลย ด้านอดีตเมียพร้อมเป็นพยานอีกรอบ แต่ยังห่วงอิทธิพลศิษย์พระฉาว กระทบถึงลูก ส่วนตัวอโหสิให้แล้ว เช่นเดียวกับ ยายลอนเจ้าของที่สร้างวัด ก็อโหสิ-ปล่อยเป็นเรื่องของกฎหมาย ด้านศิษย์ที่ยังเคารพศรัทธาดีใจที่จะสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความจริง

จากกรณีศาลของรัฐเเคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีคำสั่งให้ส่งตัวนายวิรพล สุขผล อดีตพระภิกษุชื่อพระวิรพล ฉัตติโก หรือ เณรคำ อดีตประธานสงฆ์สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ กลับมาดำเนินคดี ในข้อหาพรากผู้เยาว์, กระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, ฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงิน กลับมาดำเนินคดี ที่ประเทศไทย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เดินทางไปรับตัวแล้วตามข่าว

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 19 ก.ค. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับ ขั้นตอนการรับตัวนายวิรพลนั้น หลังจากผ่านขั้นตอนที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ดีเอสไอจะควบคุมตัวเพื่อเดินทางมายังดีเอสไอทันที จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการสอบสวนบันทึกปากคำ พิมพ์ลายนิ้ว ตรวจสอบประวัติเพื่อยืนยันตัวตนตามขั้นตอนการสอบสวน โดยพนักงานสอบสวนฝ่ายคดีความมั่นคง ซึ่งรับผิดชอบคดีดังกล่าว จะบันทึกถ้อยคำให้การของผู้ต้องหาโดยละเอียด คาดว่าจะใช้เวลา ในกระบวนการดังกล่าวพอสมควร และพอถึงช่วงเช้าของวันที่ 20 ก.ค.นี้ ก็จะนำตัวนายวิรพล ส่งศาลฝากขังทันที

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวถึงกระแสข่าวจะนำตัวไปคุมขังในห้องที่อดีตเจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัดพังงาผูกคอเสียชีวิต ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะ กว่าพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำและตรวจสอบข้อมูลตามขั้นตอนต่างๆ ก็น่าจะใกล้เช้าแล้ว เวลาสอบปากคำก็นั่งในห้องสอบสวน ไม่ใช่ห้องขัง จึงอย่านำไปโยงให้เป็นประเด็นกันดีกว่า อย่างไรก็ตามหลังสอบปากคำแล้ว ตนพร้อมด้วยพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องในคดี จะออกมาแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนได้รับทราบต่อไป ทั้งนี้สำหรับการรักษาความปลอดภัยระหว่างคุมตัวนายวิรพลมานั้น ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ คอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกรอบบริเวณสำนักงานดีเอสไอแล้ว

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายอำนาจ โชติชัย อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ แถลงข่าวการรับตัวนายวิรพลว่า อัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงาน กลางมีคำร้องขอตัวนายวิรพลมาดำเนินคดี ซึ่งทางอสส.มอบหมายให้นางอินทรานี สุมาวงศ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ นายวีระเดชน์ ไตรทศาวิทย์ นายรองรัฐ พุ่มคชา อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน ต่างประเทศ เดินทางไปรับตัวนายวิรพลที่สหรัฐ ร่วมกับพ.ต.ท.ถิรพล พิณเมืองงาม ผู้บัญชาการสำนักงานคดีความมั่นคง พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ ผู้บัญชาการกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ พร้อมทั้งเจ้าหน้าดีเอสไออีก 6 คน ทั้งนี้ทราบจากคณะที่ไปรับตัวว่าคณะขึ้นเครื่องบินเมื่อตอน 03.00 น. ที่ผ่านมา จะถึงที่สนามบินนาริตะประเทศญี่ปุ่นในเวลา 14.00 น. จากนั้นจะเดินทางถึงประเทศไทย เวลา 22.00 น. วันนี้

นายอำนาจกล่าวว่า ได้ดำเนินการผ่านกระทรวงการต่างประเทศ โดยวันที่ 22 พ.ค.2558 ได้ยื่นขอต่อทางการสหรัฐขอให้จับกุมนายวิรพล เมื่อส่งคำร้องให้ทางสหรัฐแล้ว จึงเกิดการประสานงานแจ้งว่า ยังไม่มีเหตุให้จับเนื่องจากนายวิรพลเปิดสำนักสงฆ์อยู่ที่ประเทศ สหรัฐอเมริกาไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีไปไหน

นายอำนาจกล่าวต่อว่า เมื่อไม่มีความชัดเจน ว่าทางการสหรัฐจะพิจารณาให้ ทางอัยการสูงสุดจึงมีหนังสือขอให้ส่งตัวอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้การส่งตัวเต็มรูปแบบ เป็นการส่งตัวไปอย่างเป็นทางการเมื่อ 30 พ.ย. 2558 โดยเป็น การส่งเอกสารเพิ่มเติม จากนั้นวันที่ 22 ก.ค. 2559 ทางการสหรัฐจึงจับกุม และพิจารณา ที่ศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2560 ได้มีคำสั่งให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน หลังมีคำสั่งนายวิรพลมีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์ภายใน 2 เดือน

นายอำนาจกล่าวอีกว่า ซึ่งต่อมาทางสหรัฐแจ้งว่าให้ทางการไทยเตรียมไปรับตัว มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เนื่องจากเมื่อครบกำหนดฝ่ายนายวิรพลไม่ยื่นอุทธรณ์ หากทางการไทยไม่ไปรับตัว ทางการสหรัฐจะต้องปล่อยตัวทันที จึงต้องเดินทางไปเตรียมความพร้อมเพื่อรับตัวนายวิรพลกลับมาดังกล่าว และทันทีที่นายวิรพลกลับถึงเมืองไทย หน้าที่ในส่วนของอัยการสำนักงานต่างประเทศ และสิ้นสุดลง จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่จะดำเนินการสอบสวนและส่งตัวให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษดำเนินการยื่นฟ้องตัวต่อศาลอาญาต่อไป

นายอำนาจกล่าวว่า สาเหตุที่นายวิรพล ไม่ยื่นอุทธรณ์นั้น ทางตนไม่ทราบ แต่เข้าใจว่าการดำเนินคดีในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งนี้เมื่อเดินทางถึงเมืองไทยพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะประสานงานกับการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยในการตรวจคนเข้าเมือง ก่อนจะนำตัวไปสอบสวนและทำทะเบียนประวัติอาชญากร ก่อนส่งสำนวนและตัวมาให้กับอัยการสำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาต่อไป

ที่จ.ศรีสะเกษ คุณยายลอน มนัส อายุ 71 ปี เจ้าของที่ดินที่ตั้งวัดป่าขันติธรรม ของอดีตหลวงปู่เณรคำหรือนายวิรพล กล่าวว่า ส่วนตัว แล้วก็รู้สึกเฉยๆ เนื่องจากทราบข่าวและทราบพฤติกรรมของอดีตหลวงปู่เณรคำมาอย่าง ต่อเนื่อง ขณะนี้ได้อโหสิกรรมให้ แม้จะทำให้วัดป่าขันติธรรมเสียหายหมดแล้ว แต่วัด ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม เรื่องราวที่เกิดขึ้นมานี้เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล ใครทำกรรมอะไรไว้ ก็ให้รับกรรมกันไป ตนไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวบุคคล แต่เชื่อในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

คุณยายลอนกล่าวด้วยว่า หลังจากที่เกิดเรื่องเสียหายของอดีตหลวงปู่เณรคำ ได้สวดมนต์แผ่เมตตาให้กับอดีตหลวงปู่เณรคำเป็นประจำทุกวัน เพื่อต้องการให้มีแต่สิ่งที่ดีๆ เข้ามาที่วัดสามัคคิยาราม ที่ตัวเองและญาติ พี่น้องร่วมกับชาวบ้านยางและชาวบ้านดู่ ทุกคนได้ร่วมกันสร้างวัดสามัคคิยารามขึ้นมา เรื่องของ อดีตหลวงปู่เณรคำก็ปล่อยให้เป็นไปตามกรรม และเป็นไปตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป” คุณยายลอนกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านของนางหญิง (นามสมมติ) ภรรยาของนายวิรพล ได้มีเจ้าหน้าที่ ตำรวจจาก สภ.เมืองศรีสะเกษ มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัย หลังจากที่มีข่าวว่า ดีเอสไอ และอัยการเดินทางไปรับตัวนายวิรพลกลับมาดำเนินคดี โดยนางหญิงเคยไปขอรับการคุ้มครองพยาน เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย หลังจากเปิดเผยเรื่องที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอดีตหลวงปู่เณรคำ จนกระทั่งมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน

นางหญิงกล่าวว่า ขณะนี้ไม่ได้มีความรู้สึกอะไร เพราะไม่อยากติดใจเอาความ ได้อโหสิกรรมให้ไปหมดแล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม เหลือเพียงที่ยังติดใจอยู่ก็คือ เรื่องลูกอย่างเดียวเท่านั้น อยากให้มารับผิดชอบ เรื่องลูก เพราะรายได้จากการขายของเล็กๆ น้อยๆ มีกำไรไม่มากนัก และต้องเอาเงินไปหมุนเวียนซื้อของมาขาย เพื่อหาเงินเลี้ยงลูก ที่กำลังโต ทำให้ได้รับความลำบากมากเพราะว่าหาเงินเลี้ยงลูกคนเดียว และหากดีเอสไอ จะให้ไปเป็นพยานก็พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่ที่เป็นห่วงมากในขณะนี้คือเรื่องลูก และเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพลของนายวิรพล เพราะเป็นคนที่มีลูกศิษย์เป็นคนใหญ่คนโตมากมาย อย่างไรก็ตามได้ระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ เพราะหากตนเกิดเป็นอะไรไป ลูกของตนจะลำบากมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ที่วัดสามัคคิยารามหรือวัดป่าขันติธรรม บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา พระที่จำพรรษาอยู่ที่วัด 4 รูป ต่างเก็บตัวเงียบภายในกุฏิ และไม่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาที่วัดแต่อย่างใด มีเพียงชาวบ้าน 2- 3 คนมาทำบุญประจำที่วัดแห่งนี้และไม่สนใจข่าวอดีตหลวงปู่เณรคำ

ด้านนายถาวร เกษแก้ว อายุ 60 ปี กรรมการ วัดสามัคคิยาราม กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วพวกตนยังคงเคารพศรัทธาในตัวของอดีตหลวงปู่เณรคำ เนื่องจากเป็นผู้สร้างวัดป่าขันติธรรม ถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดแห่งนี้มีจำนวน มากและมีมูลค่าสูงมาก หากไม่มีหลวงปู่เณรคำ วัดป่าขันติธรรมก็จะไม่เจริญก้าวหน้ามาเหมือน ทุกวันนี้ ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นมานั้นพวกตนไม่ขอเกี่ยวข้อง ถือว่าเป็นเรื่องของครูบาอาจารย์ ขอให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง หากหลวงปู่เณรคำหมดสิ้นข้อครหาใดๆ จากทางโลกแล้ว ตนและชาวบ้านทุกคนก็พร้อมที่จะต้อนรับอดีตหลวงปู่เณรคำให้กลับมาพัฒนาวัดสามัคคิยารามหรืออดีตวัดป่าขันติธรรมให้เจริญก้าวหน้าอีกต่อไป

ที่จ.อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปดูความเคลื่อนไหวที่บ้านของพ่อและแม่นาย วิรพล ที่บ้านทรายมูล ม.10 ต.ทรายมูล อ.พิบูล มังสาหาร จ.อุบลฯ พบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 150 ตารางวา ยังคงปิดเงียบเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากพ่อและแม่ของนายวิรพลเสียชีวิต มีเพียงพี่ชายต่างพ่อ ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง ส่วนอาคารสูงสองชั้นเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา ที่อยู่ติดกับบ้าน ซึ่งเดิมนายวิรพลจะทำเป็นมูลนิธิขันติธรรม ปรากฏถูกทิ้งร้างจนหญ้าขึ้นรก

นายสงัด บรรเทา อายุ 52 ปี เพื่อนบ้านของนายวิรพล กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ติดกับบ้านอดีตหลวงปู่เณรคำ และอยู่ดูแลพ่อแม่ของอดีต หลวงปู่เณรคำจนวาระสุดท้าย โดยส่วนตัวเชื่อว่า อดีตพระเณรคำเป็นคนดี และเชื่อว่าไม่ได้ทำผิด ตามที่เป็นข่าว จึงเห็นด้วยที่จะเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อต่อสู้คดี และสังคมจะได้รับรู้ เรื่องราวความเป็นจริงที่เกิดขึ้นด้วย

สำหรับอดีตพระเณรคำ หรือนายวิรพล ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แจ้งข้อกล่าวหาหลังก่อเหตุอื้อฉาวรวม 5 กระทงประกอบด้วยพรากผู้เยาว์, กระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี, ฉ้อโกงประชาชน, ฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

เมื่อเวลา 20.30 น. ที่ห้องมิราเคิล วีไอพี เลานจ์ บริเวณชั้น 3 สนามบินสุวรรณภูมิ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยาน พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.6บก.ทท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมนำกำลังมารอรับตัวนายวิรพล สุขผล หรือเณรคำ โดยมีนักข่าวจากหลายสำนักทั้งไทยและต่างประเทศต่างมารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก

สำหรับนายวิรพลเดินทางมาด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 677 จากสนามบินนานาชาตินาริตะ กำหนดถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลาประมาณ 21.55 น.

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า ขณะนี้นายวิรพล ยังสวมจีวรพระสงฆ์อยู่ ซึ่งก่อนที่นายวิรพล จะหลบหนีออกนอกประเทศนั้นยังไม่ได้รับ คำสั่งปาราชิกจึงยังไม่มีความผิด แต่ขณะนี้ มีคำสั่งปาราชิกจากเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยก็ต้องดูเจตนาว่านายวิรพลได้ถอดจีวรหรือไม่ หากยังไม่ปฏิบัติจะให้ทางสำนักพุทธเป็นผู้ดำเนินการในข้อหาแต่งการเลียนแบบพระสงฆ์ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เตรียมแพทย์ในการตรวจร่างกายและทนายความที่ร่วมสอบสวน อีกทั้งทางด้านอัยการได้ร่างคำสั่งฟ้องศาลไว้เรียบร้อย สำหรับขั้นตอนจากนี้จะสอบปากคำเพิ่มเติมโดยละเอียดในคืนนี้เพื่อจะนำตัวไปส่งให้อัยการ ก่อนชี้แจงอย่างละเอียดอีกครั้งที่กรมสอบสวน คดีพิเศษต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน