สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทย ถือว่าสถานการณ์ดีวันดีขึ้น เราภูมิใจและประกาศว่า ในประเทศไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 ต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 49 แล้ว แต่ในการแถลงข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ ศบค. ประจำวันที่ 13 ก.ค. ทำให้คนไทยตั้งคำถาม และกลายเป็นกระแสเดือดในโลกออนไลน์

เมื่อพบนายทหารอียิปต์ เดินทางเข้ามาทำภารกิจเมื่อวันที่ 8 ก.ค. และเดินทางกลับออกไปวันที่ 11 ก.ค. แต่ผลตรวจพบว่าติดเชื้อ และพบ ด.ญ. 9 ขวบ ร่วมคณะทูต ติดเชื้อและพบว่าคนในครอบครัวไม่ได้รับการกักตัวในสถานที่ ที่สถานทูตกำหนด แต่พักอาศัยอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่ง

ทหารอียิปต์ป่วยโควิด

นายทหารชาวอียิปต์ อายุ 43 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 8 ก.ค. เข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งที่ จ.ระยอง วันที่ 9 ก.ค. ออกจากโรงแรมไปทำภารกิจทางทหารที่ประเทศจีน และกลับมาในวันเดียวกันเกือบเที่ยงคืน และเข้าพักโรงแรมแห่งเดิมใน จ.ระยอง วันที่ 10 ก.ค.ตรวจพบเชื้อ แต่ผลยังไม่ค่อยชัดเจนจึงตรวจอีกครั้ง โดยวันที่ 11 ก.ค. เดินทางกลับไปประเทศต้นทาง และผลตรวจออกวันที่ 12 ก.ค.ว่าพบเชื้อ

นพ.ทวีศิลป์ ระบุในการแถลงข่าวว่า ทหารท่านนี้เดินทางเข้ามาในลักษณะของลูกเรือ ตามข้อกำหนดมาตรา 9 ฉบับที่ 6 ที่ระบุคน 11 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะ และเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจ และมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรที่ชัดเจน

โดยกลุ่มนี้สามารถเข้ามาได้และจะมีที่พักให้ เดิมเป็นโรงแรมแถวสุวรรณภูมิ แต่เนื่องจากมีเที่ยวบินเข้ามามาก ทำให้ทหารและลูกเรือชุดนี้จำนวน 31 คน เดินทางเข้ามาและลงที่สนามบินอู่ตะเภาแทน ส่วนอีก 30 คนที่เหลือตรวจแล้วไม่พบเชื้อ

ศบค.ยอมรับว่า ได้หารือกันอย่างหนักในประเด็นดังกล่าว เพราะเดิมกลุ่มลูกเรือจะใช้โรงแรมแถวสุวรรณภูมิ แต่ครั้งนี้มาลงสนามบินอู่ตะเภา ทำให้มาตรการของการคุมเข้มในเรื่องตรงนี้มีข้อต้องทบทวนปฏิบัติกันใหม่

ทีมสอบสวนโรคยังพบว่า ทีมลูกเรือได้เดินทางไปสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง ซึ่งทีมจะสอบสวนโรคในพื้นที่สัมผัสทุกแห่งที่กลุ่มนี้เดินทางไป เช่น ห้างสรรพสินค้า ซึ่งล่าสุดมีการเปิดเผยว่า จะรู้ผลภายใน 3 วันว่ามีสถานที่ใดบ้าง

ประเด็นที่ทำให้เกิดข้อสงสัยคือ ศบค.ระบุว่า หากท่านคิดว่ามีความเสี่ยงหรือสัมผัส ให้โทร.เข้ามายัง 1422 แต่เมื่อมีผู้โทรไปกลับได้คำตอบว่า เป็นประเด็นด้านความมั่นคงไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่หากสงสัยว่าตนเองเสี่ยงให้กักตัว

ขณะที่ สุทธิชัย หยุ่น คนข่าวชื่อดัง คอลั่มน์นิสต์ประจำมติชนสุดสัปดาห์ ได้ออกมาซัดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า พอได้รับยกเว้นกักตัว 14 วัน ก็พบติดเชื้อ 2ราย ทหารและทูต นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าไวรัสไม่แยกอภิสิทธิ์ชนจากคนธรรมดา ประกาศจากโควิด-19 โปรดทราบ: เราไม่รับรองภูมิคุ้มกันทางการทูตและการทหารของประเทศไหนทั้งสิ้น

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดะยอง กล่าวถึงกรณีพบทหารชาวอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ขณะนี้ได้สั่งปิดโรงแรมที่ผู้ติดเชื้อพร้อมพวกรวม 30 คนเข้าพัก รวมทั้งทั้งหมด 2 ชั้น และกักตัวพนักงานโรงแรม 12 คน พร้อมให้ทีมแพทย์สาธารณสุขเข้าเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไปตรวจหาเชื้อ

ด้านรายงานข่าวจาก ศบค. แจ้งว่า เครื่องบินลำดังกล่าว ไม่ได้มาปฏิบัติราชการแต่แวะมาปรนนิบัติเครื่องหรือพักเครื่องเท่านั้น โดยไม่มีภารกิจในประเทศไทย ซึ่งมีผู้โดยสาร 31 คนเข้าพักในโรงแรม จ.ระยอง ทั้งนี้ ถือเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่โรงแรม ที่ปล่อยปละละเลยให้ทีมงานลักลอบออกมาเที่ยว

ส่วนพล.ร.ท.กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา คณะดังกล่าวมีทั้งหมด 31 คน คาดว่ามีเพียงหนึ่งคนในคณะนั้นหนีออกมาข้างนอกระหว่างที่เข้าพัก แต่ข้อมูลที่ถูกต้องขอให้ตรวจสอบกับทาง ศบค.อีกครั้ง พร้อมยืนยันว่าขั้นตอนการตรวจสนามบินไม่พบความผิดปกติ

สนามบินอู่ตะเภา

โดยการตรวจสอบก็ทำด้านนอกเทอร์มินอล ไม่ได้เข้ามาปะปนกับในอาคารผู้โดยสาร เพราะเป็นลักษณะของ State aircraft มีการแจ้งเข้า-ออก ในประเทศล่วงหน้าและต้องรับอนุญาตในเรื่องแผนการบิน และตารางการอยู่ในประเทศ

ด้านโซเชียลมีเดีย โพสต์ข้อความโจมตีอย่างรุนแรง โดยเฉพาะแฮชแท็กในทวิตเตอร์ พร้อมเรียกร้องความรับผิดชอบจาก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ก่อนหน้านี้ ได้ออกมาชี้แจงบุคคลและคณะวีไอพีจากต่างประเทศ เดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ตาม ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในการสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาอ้างอิง

ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของ รัฐบาลและหน่วยงานควบคุมป้องกันโรค ที่ต้องหาทางแก้ปัญหาต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน