อัยการจังหวัดแนะตำรวจแจ้งข้อหาเสี่ยรับซื้อรถมือสองของผอ.สาว เพราะเข้าข่ายรับของโจรและปลอมแปลงเอกสาร เพื่อให้มีพลเรือนร่วมเป็นผู้ต้องหากับ “ร้อยเอก” ดึงคดีเข้าสู่ระบบศาลยุติธรรม แทนที่จะไปขึ้นศาลทหาร ด้านตำรวจได้เบาะแสสัญญาณโทรศัพท์ของผอ.สาว ครั้งสุดท้ายอยู่แนวชายแดน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี แต่เป็นจุดที่มีกับระเบิดจำนวนมาก ต้องประสานหน่วยเก็บกู้มาช่วยจัดการก่อนเข้าตรวจสอบอีกรอบ

จากกรณีน.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผอ.กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา โดย นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พ่อของ น.ส.จุฑาภรณ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ช่วยติดตามหาโดยพบเบาะแสผู้แอบอ้างใช้ไลน์ของน.ส.จุฑาภรณ์ ยืมเงินจากญาติๆ หลายแสนบาทพบโอนเข้าบัญชีของนายทหารคนหนึ่ง นอกจากนี้ตำรวจยังตามเจอรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ ซึ่งมาทำสีใหม่ที่อู่รถแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าของอู่ระบุว่ามีคนซื้อรถมือสองสั่งให้ทำสีใหม่ ขณะที่เสี่ยซื้อรถมือสองอ้างว่าซื้อรถต่อมาจากนายหน้าคนหนึ่ง ที่รู้จักกัน โดยซื้อจากเจ้าของผ่านทางเฟซบุ๊ก ต่อมาตำรวจออกหมายเรียกร.อ.ศุภชัย ภาโส นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 จ.อุบล ราชธานี และติดต่อขอเข้ามอบตัวกับพล.ต.ต. สุรเดช เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ให้การปฏิเสธใน 4 ข้อหา ตามข่าวที่เสนอไป แล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ห้องประชุม ตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ พ.ต.อ. นิพล บุญเกิด รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เรียกประชุมชุดสืบสวนภ.จว.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจาก ตร.ภาค 3 ภาค 4 และ เจ้าหน้าที่จากกองปราบปราม เพื่อเร่งติดตามหาตัวของ น.ส.จุฑาภรณ์ เป้าหมายจะอยู่ที่ จุดพิกัดสัญญาณโทรศัพท์จุดสุดท้ายที่ขาดการติดต่อไป บริเวณ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ติดกับแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่พบปัญหาว่าบริเวณดังกล่าวมีกับระเบิดหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะเข้าไปค้นหาได้ จึงต้องประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดมาร่วมตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย

ด้านนายศักดา คล้ายร่มไทร อัยการจังหวัดกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เท่าที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดเห็นว่า คดีนี้มีพลเรือนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วย ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ลักทรัพย์หรือรับของโจรเป็นรถเก๋งของน.ส.จุฑาภรณ์ จึงเห็นว่าพนักงานสอบสวนควรแจ้งข้อหากับพลเรือนที่เข้ามามีส่วนร่วมในคดีนี้ด้วย เพื่อให้คดีขึ้นพิจารณาในศาลยุติธรรมแทนที่ไปขึ้นศาลทหาร

นายศักดากล่าวอีกว่าไปเยี่ยมนายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พ่อของ น.ส.จุฑาภรณ์ เพื่อช่วยเหลือด้านกฎหมาย จึงนัดหมายให้นายบุญเลิศกับญาติพี่น้องไปพบอัยการจังหวัดกันทรลักษ์ในวันที่ 15 ส.ค. เวลา 10.00 น. ที่ฝ่ายคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายอัยการจังหวัดกันทร ลักษ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายอย่างเต็มที่ต่อไป

วันเดียวกัน นายบุญเลิศ กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ที่ลูกสาวหายไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู เพื่อขอให้ติดตามช่วยเหลือตามหาลูกสาว แต่ได้รับการแนะนำว่าให้ไปแจ้งความที่ สภ.กันทรลักษ์ ท้องที่เกิดเหตุ แต่ทางเจ้าหน้าที่สภ.กันทรลักษ์ แจ้งว่า ผู้แจ้งภูมิลำเนาที่ใดให้ไปแจ้งที่นั่น และต่อมาหลังจากพยายามติดต่อทางโทรศัพท์กับลูกสาว รวมทั้งไลน์และเฟซบุ๊กมีเหตุผิดปกติว่าคนที่เล่นไลน์และเฟซบุ๊กไม่ใช่ลูกสาว อีกทั้งมีการขอยืมเงินด้วย ซึ่งลูกสาวไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้แต่อย่างใด

นายบุญเลิศกล่าวอีกว่ากระทั่งวันที่ 20 ก.ค. ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู พนักงานสอบสวนรับแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน จนกระทั่งไปร้องทุกข์กับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 8 ส.ค. และเป็นข่าวออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพบรถของลูกสาวที่หายไป ซึ่งหากว่าพนักงานสอบสวนรับแจ้งความและเร่งรัดในการดำเนินการตั้งแต่ต้นทุกอย่างคงจะรวดเร็วกว่านี้ หากลูกสาวเสียชีวิตไปแล้วป่านนี้ก็คงเหลือแต่กระดูก ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามหาตัวลูกสาวไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน