เจ้าของร้านชาบู เปิดใจ จากกรณีดราม่า ลูกค้าโวยถูกเก็บค่าบุฟเฟ่ต์เพิ่ม เพราะเลือกกินแต่กุ้งกับเนื้อ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก บนโลกออนไลน์นั้น

นายวันเลิด พวงพยอม อายุ 72 ปี เจ้าของต้นตำหรับชาบูนางใน สาขาพระรามเก้า 41 พร้อมด้วย ภก.ไกรฤทธิ์ หอโสภณพงษ์ หลานชาย ออกมาชี้แจงแทนเจ้าของร้าน สาขาพระรามเก้า 43 ที่เกิดดราม่า ว่า ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ขอปฎิเสธความรับผิดชอบอะไร ที่ผ่านมาสำหรับคนที่มาขอแฟรนไชส์ โดยปกติไม่ได้คิดค่าแฟรนไชส์อยู่แล้ว เพียงแต่จะขอให้ผู้ที่เปิดร้าน ให้มีความตั้งใจ ซื่อสัตย์กับลูกค้า และวัตถุดิบจะต้องมีคุณภาพ อีกทั้งเน้นย้ำให้ลูกค้าที่เข้ามากินอิ่มจนพอใจ ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราเน้นย้ำมาตลอด

ส่วนกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ตนก็เข้าใจได้ว่า อาจจะเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทำให้ หลายสาขาขาดทุน แต่การที่คิดเงินลูกค้าเพิ่มนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ สำหรับการไปเปิดแฟรนไชส์แต่ละสาขา ราคาก็จะขึ้นอยู่ที่ผู้ที่ไปเปิดเป็นพื้นที่ไหน สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร เพราะราคาอาจจะขึ้นอยู่กับค่าเช่าที่ซึ่งผู้ทำธุรกิจจะต้องบริหารจัดการเอง ซึ่งถ้าหากใครสนใจอยากจะเปิด ก็ต้องมาเรียนเองถึงที่ร้านต้นตำรับเท่านั้น

วันเลิด ชาบูนางใน

นายวันเลิด กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ตนยอมรับว่าเสียใจมาก เพราะอาจจะทำให้สาขาอื่นเดือดร้อนไปด้วย จึงแนะนำให้สาขาที่ไม่เกี่ยวข้องนั้น มาชี้แจงความบริสุทธิ์ใจได้เลย ส่วนสาขาต้นเรื่อง เมื่อวาน ทางด้านเจ้าของร้านก็ได้โทรเข้ามาขอโทษตน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

ด้าน เภสัชกร ไกรฤทธิ์ กล่าวว่า สำหรับ ชาบู ชาบู นางใน ยอมรับว่าหลายๆ สาขาก็ยังไม่คงที่ พอหลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ต่อไปนี้ทางสาขา จะต้องทำเป็นในเชิงระบบธุรกิจมากขึ้นที่จะมีการตรวจสอบคุณภาพและเป็นกฎระเบียบที่เหมือนกัน โดยตนเองก็จะสานต่อธุรกิจชาบูตามเจตนาของลุง ที่ยังคงเน้นมาตรฐาน คุณภาพ และบริการ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน