ดีเดย์ใช้ได้วันที่ 1 ตุลาฯนี้ ครม.ไฟเขียว”บัตรคนจน”ซื้อของร้านประชารัฐ 11.67 ล้านคน ได้รายละ200-300 บาท/เดือน ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อ 3 เดือน พร้อมช่วยค่าเดินทางทั้งรถเมล์ บขส. และรถไฟ เผยใช้เงินรัฐอุดหนุนปีละ 4.1 หมื่นล้านบาท อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุใช้ซื้อเหล้า-บุหรี่ได้ด้วย เผยผู้ที่ลงทะเบียนไว้ถูกตัดสิทธิ์ 2.53 ล้านคน เผยด๊อกเตอร์ที่ยื่นขอก็ได้สิทธิ์ด้วย เนื่องจากมีรายได้ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจน

เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 29 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่อย่าเพิ่งถามว่าจะให้จำนวนเงินเท่าไร เพราะยังเป็นเรื่องของระยะที่ 1 สำหรับผู้ที่มาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีทั้งเรื่องของค่าน้ำ ค่าไฟ รัฐบาลก็มีมาตรการไว้ส่วนหนึ่งแล้ว

นายกฯกล่าวว่า กลุ่มแรกที่ได้หากมีจำนวนเงินเหลือก็จะมีเงินเหลือซื้อสินค้าอุปโภค และบริโภค ถึง 200-300 บาทก็ยังดี ซื้อข้าวสารได้ เพราะเราตั้งงบประมาณไว้เพียงแค่ 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับยอดผู้ลงทะเบียนประมาณ 11 ล้านคน ถ้าหารกันจริงๆ จะเหลือคนละ 300 บาท ก็ไม่รู้จะให้ทำอะไร ต้องไปตั้งกองทุนและหาเงินซึ่งปีหน้าคงต้องตั้งงบประมาณเพิ่ม อีกทั้งต้องหาภาคเอกชนมาช่วย เช่น นำสินค้ามาจำหน่ายในราคาที่ถูก และหามาตรการทางการเงินการคลังช่วยผู้ประกอบการ เพื่อให้สินค้าราคาถูกลง

วันเดียวกัน น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการประชารัฐสวัสดิการ การช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ ผู้ลงทะเบียนคนจนไว้กับกระทรวงการคลังจำนวน 11.67 ล้านคน เพื่อนำไปลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน รวมเงินที่รัฐต้องจ่าย 41,940 ล้านบาท/ปี หรือเฉลี่ย 3,615 ล้านบาท/เดือน โดยใช้งบกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่ครม.อนุมัติวงเงินไปแล้ว 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงินรายเดือนเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเพื่อการศึกษา วัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่นๆ ของกระทรวงพาณิชย์ สำหรับผู้มีรายได้มากกว่า 30,000-100,000 บาท/ปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 200 บาท/เดือน หรือ 2,400 บาท/ปี ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท/ปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 300 บาท/เดือน หรือ 3,600 บาท/ปี

น.ส.สุทธิรัตน์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีวงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จากร้านค้ากระทรวงพลังงาน 45 บาท/คน/3 เดือน และยังช่วยเหลือลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้าจำนวน 500 บาท/เดือน วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. จำนวน 500 บาท/เดือน และวงเงินค่าโดยสารรถไฟจำนวน 500 บาท/เดือน และหากใช้ไม่หมด ไม่สามารถสะสมได้ ทั้งนี้ 1 ต.ค.นี้ ผู้ที่ลงทะเบียนคนจนทั่วประเทศจะสามารถใช้บัตรคนจนได้ จากการลงทะเบียนประชาชนมาลงทะบียนคนจนจำนวนมาก มีคนถูกตัดสิทธิ 2.53 ล้านคน แต่ในจำนวน 11.67 ล้านคน ทั้งหมดคุณสมบัติตรงตามภาครัฐกำหนด ไม่ได้มีการตัดสิทธิด๊อกเตอร์ที่มาลงทะเบียนแต่อย่างใด เพราะคุณสมบัติตรงตามระเบียบคนจน มีรายได้ต่ำกว่าเส้นยากจน

อธิบดีกรมบัญชีกล่าวว่าวงเงินที่รัฐบาลช่วยเหลือผ่านบัตร สามารถนำไปซื้อสินค้าที่ขายในร้านที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ได้ทุกชนิด ไม่เว้นแม้กระทั่งเหล้า บุหรี่ แต่ไม่รณรงค์ให้ขาย และสำหรับผู้ที่จะสามารถใช้บริการรถเมล์ รถไฟฟ้าฟรี ตามวงเงิน บัตรที่แจกจะเป็นบัตร 2 ชิป หรือบัตรแมงมุมจะแจกคนจนที่ลงทะเบียนไว้ในเขตกรุงเทพฯ และอีก 6 จังหวัด คือ นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม จำนวน 1.3 ล้านคน ของจำนวน 11.67 ล้านคน

“วงเงินที่รัฐบาลให้แต่ละเดือนนี้ จะให้เพียงเดือนละครั้งใช้จนเต็มวงเงินแล้วต้องรอเดือนใหม่ ซึ่งเงินจะเข้ามาทุกวันที่ 1 ของเดือน ถ้าใช้ไม่หมดเงินจะถูกตัด สะสมไม่ได้ เช่น เดินทางโดยรถเมล์ จะใช้ได้ไม่จำกัดครั้ง เดินทางได้จนเงินในบัตรหมด ที่เหลือก็ต้องจ่ายเงินเอง โดยจากการหารือกับกระทรวงคมนาคม ก็ได้รับการยืนยันว่า รถเมล์ทั้งหมดจะติดตั้งเครื่องรับบัตรให้รถเมล์จำนวน 800 คันก่อนในระยะแรก ส่วนร้านค้าก็จะมีเครื่องรับบัตรติดตั้งด้วยเช่นกัน โดยจากนี้ไปแต่ละร้านที่คนมีรายได้น้อยจะเข้าไปใช้บัตรได้ กระทรวงพาณิชย์จะประกาศออกมา หรือมีสติ๊กเกอร์ติดที่หน้าร้าน ซึ่งการติดตั้งเครื่องจะพร้อมใช้งานได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ

น.ส.สุทธิรัตน์กล่าวว่า การช่วยเหลือครั้งนี้ จะไม่รวมถึงการช่วยเหลือเรื่องค่าไฟฟ้า และน้ำประปา เพราะตอนนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบก็มีมาตรการช่วยเหลือสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว จึงยังไม่นำมารวมกับบัตรที่จะแจกให้ครั้งนี้ ส่วนกรณีของผู้ที่มีรายได้น้อยจากต่างจังหวัด ใช้บัตรซื้อตั๋วรถบขส.เข้ามาในกรุงเทพฯ จะยังไม่สามารถใช้บัตรนี้กับรถเมล์ในกรุงเทพฯได้ เพราะระบบของบัตรจะไม่รองรับระบบตั๋วร่วมของกรุงเทพฯ ที่รัฐบาลกำลังทำให้ครอบคลุมรถเมล์ รถไฟฟ้า และเรือ อย่างไรก็ตามในกรณีที่เงินในบัตรหมด หากใครต้องการเติมเงินก็สามารถทำได้ ซึ่งตอนนี้กำลังดูรายละเอียดก่อน และหากใครทำบัตรหาย หากมาทำใหม่ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมทำบัตร สำหรับบัตรที่มี 1 ชิป เสียค่าใช้จ่าย 50 บาท และบัตรที่มี 2 ชิป เสียค่าใช้จ่าย 100 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน