พ่อแม่โร่ร้องตร.หนองแค สระบุรี จี้คลี่คลายกรณีลูกสาวเสียชีวิตปริศนาในบ้านพักเพื่อนชาย ในสภาพใช้สายชาร์จโทรศัพท์ผูกคอแขวนกับลูกบิดประตู ตร.ลงความเห็นว่าฆ่าตัวตาย เพราะเสพยาบ้า แต่ครอบครัวไม่เชื่อ เนื่องจากพบถุงยางใช้แล้ว 2 ชิ้นในที่เกิดเหตุ อาจเป็นการข่มขืนแล้วฆ่าก็เป็นได้ พร้อมบุกถึงบ้านพิสูจน์ เจ้าของบ้านยันฆ่าตัวตายแน่นอน เพราะเครียดที่แฟนหนุ่มเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบิ๊กไบก์ แต่เพื่อนยังไม่เชื่อ ด้านตร.รอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ก.ย. ที่สภ.หนองแค จ.สระบุรี นายรณณรงค์ แก้ว เพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วยนางระย่อม บัวทอง อายุ 55 ปี และนายสมพร พุ่มพงษ์ อายุ 56 ปี พ่อและแม่ของน.ส.นิศากร พุ่มพงษ์ หรือบุ๋ม อายุ 24 ปี เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีกรณีการเสียชีวิตของน.ส.นิศากร ที่เสียชีวิตด้วยการผูกคอตายอย่างมีเงื่อนงำเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ โดยศพผูกคอกับลูกบิดประตูภายในบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี ทั้งนี้ตำรวจบอกว่าเป็นการฆ่าตัวตายจากเหตุเมายาบ้า
นายสมพรพ่อของผู้ตายกล่าวว่า จากที่ตำรวจตรวจเก็บหลักฐานพบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว 2 ชิ้น แล้วอ้างว่าผู้ตายเสพยาบ้า ตนไม่เชื่อเนื่องจากลูกสาวไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนั้น และไม่มีประวัติการเสพยามาก่อน นอกจากนี้ภายในที่เกิดเหตุตรวจพบกองเลือด คราบอสุจิ และยาเสพติด ไม่ทราบจำนวน ตนเชื่อว่าเป็นการข่มขืนแล้วฆ่า แล้วอำพรางศพโดยการแขวนคอฆ่าตัวตาย จึงอยากให้คดีของลูกสาวชัดเจนมากกว่านี้ ก่อนวันเกิดเหตุลูกสาวโทร.มาบอกว่าจะกลับบ้านเหมือนปกติทุกครั้ง นอกจากนี้ในโทรศัพท์มือถือของเพื่อนลูกสาวตนพบภาพถ่ายมีชายวัยรุ่นประมาณ 4 คนมั่วสุมกันอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านพักของพวกผู้ชายกลุ่มดังกล่าว ไม่ใช่ห้องของลูกสาวของตน ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงตอนนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า ในส่วนของผลชันสูตรที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เบื้องต้นแพทย์ผู้ชันสูตรศพระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากแรงกดทับที่ลำคอ มีรอยช้ำที่ข้อมือและขา รวมถึงด้านหลังศีรษะมีรอยบวมช้ำ
ด้านนายรณณรงค์กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาใคร และไม่มีข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับคดีนี้ รวมทั้งตำรวจระบุว่าไม่สามารถปลดล็อกมือถือของผู้ตายได้ ในส่วนของข้อความที่คุยในแอพพลิเคชั่นไลน์ของผู้ตายกับเพื่อนไม่มีลักษณะในเชิงที่จะคิดสั้นฆ่าตัวตาย จากผลชันสูตรเบื้องต้นแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง จากนั้นจะไปบ้านที่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจำลองเหตุการณ์ให้ทางญาติผู้เสียชีวิตได้ดู ทั้งนี้จะติดตามผลชันสูตรศพ ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมต่อไป รวมทั้งติดใจประเด็นการสอบสวนชายวัยรุ่น 4 คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่าให้การอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ปิติกรณ์ ชูพร้อม รองผกก.สส.(สอบสวน) สถ.หนองแค พาครอบครัวของผู้ตายและทนายมาที่บ้านที่เกิดเหตุ ซ.เมืองแก้ว 2 ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อจำลองเหตุการณ์เสียชีวิต ต่อมาผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านซึ่งเป็นพ่อของ 1 ในชายที่อยู่ในที่เกิดเหตุพาไปดูห้องดังกล่าว ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าในชุมชนมีกล้องวงจรปิด 8 ตัว แต่ไม่สามารถใช้การได้
โดยเจ้าของบ้านระบุว่า ตนจำลองเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล้ว ภายใน 3 วินาที ตามองไม่เห็น ประสาทไม่ทำงาน เป็นการฆ่าตัวตายที่สบายที่สุด ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่จะทำให้น.ส.นิศากรเสียชีวิต ทั้งนี้จากการสอบถามลูกชาย ก็บอกว่าไม่ได้มีอะไร อยู่กันแบบเพื่อนปกติ แล้วก็มานั่งกินหมูกระทะกันอยู่บ่อยๆ อีกทั้งลูกชายตนเล่าให้ฟังอีกว่าผู้ตายอาจเสียใจที่แฟนประสบอุบัติเหตุขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์เสียชีวิต ยืนยันว่าลูกชายของตนไม่กระทำแบบนี้อย่างแน่นอน รวมทั้งกลุ่มเพื่อนๆ ของเขาด้วย
เพื่อนของผู้ตายซึ่งไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า เป็นเพื่อนบุ๋มตั้งแต่เรียนมัธยมต้น เชื่อว่าสาเหตุที่เจ้าของบ้านบอกว่าบุ๋มคิดสั้นเพราะเสียใจเรื่องแฟน จนใช้สายชาร์จโทรศัพท์ผูกคอตายนั้นไม่น่าใช่สาเหตุแท้จริง เพราะบุ๋มไม่ได้คบกับผู้ชายคนนั้นในฐานะแฟน แต่เป็นเพื่อนกัน
นายจักพงศ์ ศรีบุญจันทร์ กู้ภัยสว่างรัตนตรัยฯ สระบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค. เวลา 15.00 น. รับแจ้งเหตุคนผูกคอตาย เมื่อตนไปถึงที่เกิดเหตุก็พบชายวัยรุ่น 4 คนที่มีสีหน้าปกติ บอกกับตนว่าผู้ตายใช้สายชาร์จแบตฯโทรศัพท์ผูกคอเสียชีวิต โดยสวมเสื้อยืดสีดำ และสวมเพียงกางเกงในสีดำ ท่านั่งผูกคอตาย และพบรอยเลือดบริเวณก้นของผู้ตาย ตนก็ได้กันพื้นที่ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนไม่เชื่อว่าเป็นการผูกคอตายเสียชีวิต เพราะเป็นการนั่งผูกคอตาย และสายชาร์จที่ใช้รัดคอก็เพียงแค่มัดหลวมๆ เท่านั้น
ด้านพ.ต.อ.ฉัตรวัชร วงศ์วาสน์ ผกก.สภ.หนองแค จ.สระบุรี กล่าวว่าตำรวจเร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ใด รอผลพิสูจน์หลักฐานศพผู้เสียชีวิตก่อน
