สุดจะยื้อ วิกฤตใหญ่ เบอร์เกอร์คิง ปลดพนักงาน 16,500 คน 2020 เป็นปีที่ไม่ง่ายเลยสำหรับเบอร์เกอร์คิง
ร้านแฮมเบอร์เกอร์ สัญชาติอเมริกันที่มีเฟรนด์ไชส์นับหมื่นสาขาทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้าสถานการณ์โควิด-19 ร้านเบอร์เกอร์คิงมีลูกค้ามาใช้บริการกว่า 11 ล้านคนต่อวันเลยทีเดียว
สถานการณ์โควิด-19 เป็นเหตุให้ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด “เบอร์เกอร์คิง” ต้องปรับลดค่าใช้จ่าย และปลดพนักงานในประเทศอังกฤษกว่าหมื่นคน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพิษโควิด-19 และล่าสุดทางซีอีโอของเบอร์เกอร์คิงได้ออกมาเปิดเผยว่า รายได้ของบริษัทลดลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทางบริษัทมีความจำเป็นต้องปลดพนักงานออกถึง 16,500 คน
ดูท่าว่าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศอังกฤษยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาวะปกติได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทก็ออกมาเรียกร้อง และได้มีการพักชำระค่าเช่าพื้นที่เป็นระยะเวลา 9 เดือน เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กรต่างๆ อีกด้วย
ซึ่งในช่วงโควิด-19 ร้านเบอร์เกอร์คิงได้กลับมาเปิดทำการเพียง 370 สาขาจาก 530 สาขาเท่านั้น แม้ว่าตอนนี้ทางรัฐบาลจะออกมาช่วยเหลือแล้วก็ตาม แต่ความช่วยเหลือที่ได้รับก็ยังไม่เพียงพอต่อธุรกิจอาหารที่ต้องแบกรับทั้งต้นทุนและยอดขายที่ยังคงตกอยู่เรื่อยๆ
สถานการณ์เบอร์เกอร์คิงในไทย
นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัทเบอร์เกอร์คิง ประเทศไทย เปิดเผยว่า ยอดขายสาขาในภาคใต้ตกลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ยอดขายในกรุงเทพฯและยอดขายที่มาจากเดลิเวอรี่นั้น ยังสามารถทำยอดอยู่ในเกณฑ์ดี โดยทางเบอร์เกอร์คิงวางแผนที่จะทำการเปลี่ยนกลยุทธ์โดยการเพิ่มสาขาไดร์ฟทรูให้มากขึ้น 
เปิดประวัติเบอร์เกอร์คิง
เบอร์เกอร์คิง ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1953 ที่ประเทศสหรัฐอมเริกา โดย นายคีธ คาร์เมอร์ และ นายแมทริว เบริน โดยใชชื่อร้านว่า “อินสตา-เบอร์เกอร์” และนับจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ขายกิจการให้กับ นายเจมส์ แมคลามอล และ นายเดวิด เอดเกอร์ตัน ต่อมาทั้งสองจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นร้าน “เบอร์เกอร์คิง” ที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน
ยุค 70 เบอร์เกอร์คิงได้ขึ้นแท่นเป็นร้านอาหารเครือเบอร์เกอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา เป็นรองแค่แมคโดนัลด์ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้ทำการแข่งขันกันมาอย่างดุเดือดเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งทางบริษัทก็ยังคงลักษณะเด่นด้วยการโจมตีแบรนด์คู่ปรับ ด้วยไอเดียที่เฉียบคม ก็นำโด่งเรื่องการกวาดรางวัลด้านโฆษณาในทุกเวที
ขอขอบคุณที่มา news.sky.com
