แฉทำหวังเงินประกัน รพ.สัตว์ผ่าซากพบพิรุธ คาดถูกวางยาจนตาย กลุ่มรักสุนัขแจ้งตร.ฟัน

คณบดีแพทย์ศิริราช-อธิการฯม.มหิดล สั่งสอบแล้ว น.ศ.แพทย์วางยาฆ่าสุนัขหวังเรียกเงินประกัน กลุ่มวอตช์ด๊อกไทยแลนด์กับบริษัทขนส่งขึ้นสน.สุทธิสารแจ้งความด้วย จากเคสแรกที่รับมอบสุนัขที่ซอยลาดพร้าว 18 กทม. ผู้กำกับชี้ การเรียกร้องเงินประกันจากบริษัทขนส่ง แม้ไม่สำเร็จ แต่เข้าข่ายฐานความผิดพยายามฉ้อโกง ส่วนความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ ไม่เห็นชัดเจน เพราะไม่เห็นตอนป้อนยา แต่เห็นตอนที่ ยาติดอยู่ ต่างจากเคสล่าสุดที่เห็นการกระทำ ความผิดชัดเจน เพราะคนขับรถเห็นขณะป้อนยาให้สุนัข ปศุสัตว์โคราชก็ขึ้นโรงพักกล่าวโทษอาจมีความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันทารุณกรรมสัตว์ หลังเจ้าของร.พ.สัตว์โพสต์เฟซบุ๊กแฉพฤติกรรมโหด อึ้งร.พ.อีกแห่งในโคราชระบุตัวคนเดียวกันเคยก่อเหตุมาแล้วเมื่อก.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการกระทำแบบเดียวกัน ทั้งเรียกเงินจากร.พ.ด้วย

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Jakkarin Ringngoen ได้นำเรื่องราวไปโพสต์ไว้ในโลกโซเชี่ยล เกี่ยวกับเจ้าของสุนัขรายหนึ่ง ว่าจ้างรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง นำสุนัขพันธุ์ปอมเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา แต่สุนัขตัว ดังกล่าวตายระหว่างทาง จากนั้นเจ้าของสุนัขเรียกร้องค่าประกันกับบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง พร้อมกับที่โรงพยาบาลสัตว์ได้ผ่าพิสูจน์ซากสุนัขและพบว่ามียาอยู่ภายในกระเพาะเป็นจำนวนมาก สงสัยว่าสุนัขจะถูกวางยาโดยเจ้าของเพื่อเรียกค่าประกันกับบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยง แพทย์ในโรงพยาบาลสัตว์ที่ผ่าพิสูจน์ซากสุนัขจึงได้นำเรื่องราวโพสต์ลงในโลกโซเชี่ยล จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น

ล่าสุด วันที่ 9 ก.ย. ที่ สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา น.สพ.รัชภูมิ เขียวสนาม หัวหน้ากลุ่มสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าพบ พ.ต.ต.มงคล คุปติศิริรัตน์ สารวัตรสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง เพื่อแจ้งความกล่าวโทษเจ้าของสุนัขที่ป้อนยาเกินขนาดให้สุนัขตายเพื่อเรียกร้องเงินประกัน

น.สพ.รัชภูมิเปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายพศวีร์ สมใจ ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นตัวแทนเข้าแจ้งความกล่าวโทษเจ้าของสุนัขที่ป้อนยาเกินขนาดจนทำให้สุนัขตาย เนื่องจากอาจจะเข้าข่ายการ กระทำความผิดข้อหาทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามมาตรา 20 พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัด สวิสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ต้องการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าของสุนัข แพทย์ผู้ผ่าพิสูจน์ซากสุนัข พนักงานขับรถบริษัทจัดส่งสัตว์เลี้ยง และพยานหลักฐานแวดล้อมทั้งหมด หากพยานหลักฐานชัดเจนว่าเจ้าของสุนัขกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ดังกล่าว จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

วันเดียวกันศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา กรรมการแพทยสภากล่าวว่า นักศึกษาแพทย์รายนี้ยังไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทยสภา เพราะแพทยสภาจะดูแลเฉพาะแพทย์เป็นหลัก กรณีนี้ต้องขึ้นอยู่กับคณบดีและสถานศึกษาว่าจะลงโทษอย่างไร แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว หากมีคนฟ้อง นักศึกษาแพทย์รายนี้ก็จะโดนคดีอาญา ซึ่งเข้าข่ายผิดด้านจริยธรรมจรรยาบรรณในวิชาชีพ จะส่งผลให้ไม่สามารถสมัครเป็นแพทย์ได้ เนื่องจากเคยโดนโทษอาญา แต่ต่อให้ไม่มีผู้ฟ้องก็อาจจะต้องตรวจด้านสุขภาพจิตของนักศึกษาแพทย์รายนี้ เพราะหากมีปัญหาทางสุขภาพจิตก็จะไม่สามารถเป็นแพทย์ได้เช่นกัน เนื่องจากหากปล่อยให้คนมีปัญหาทางสุขภาพจิตไปดูแลคนไข้ อาจจะเป็นอันตรายต่อคนไข้ได้ นอกจากนี้หากมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตก็ไม่ควรให้เรียนแพทย์ เพราะต้องเผชิญกับภาวะเครียด และต้องดูแลชีวิตของคนจะยิ่งอันตราย

“ถ้านักศึกษาแพทย์รายดังกล่าวกระทำผิดจริง สถานศึกษาก็ควรต้องป้องปรามและลงโทษ และหากมีความผิดทางอาญาจริงจาก สาเหตุการวางแผนฆ่าสุนัขเพื่อหวังทรัพย์ ยิ่งไม่สามารถมาเป็นแพทย์ได้” กรรมการแพทยสภากล่าว

ด้าน นพ.บรรจง มไหสวริยะ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวว่านักศึกษาณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มม.ถูกกล่าวหาวางยาสุนัข เพื่อหวังเงินประกันนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ โดยอยู่ระหว่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มม. รวบรวมข้อมูลทั้งหมดและแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ต่อไป

เวลา 16.00 น. วันเดียวกัน สพ.ญ.ภัทรนันท์ สัจจารมย์ ตัวแทนกลุ่มวอตช์ด๊อก ไทยแลนด์ และนางณัฐนันท์ จีระวิวิทธ ตัวแทนบริษัทขนส่งเอช.เอส.เค.อีเอ็กซ์เพรส เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.สืบพงศ์ กรุณา รองผกก.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร โดยนางณัฐนันท์กล่าวว่า แม้บริษัทของตนจะไม่ต้องชดใช้เงินประกันเนื่องจากสุนัขไม่ได้ตายระหว่างทาง แต่ต้องการแจ้งความเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างต่อสังคม ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทำให้ต้องเข้มงวดต่อการรับขนส่งสัตว์เลี้ยงมากขึ้น และหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต

ทางด้านพ.ต.ท.สืบพงศ์กล่าวว่า จากการร้องทุกข์ของตัวแทนกลุ่มและบริษัทขนส่ง ระบุว่า นักศึกษาแพทย์คนดังกล่าวมีเจตนาว่าจ้างให้ขนส่งสุนัขเพื่อเอาเงินประกันภัย จึงแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงและทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งจะเร่งรวบรวมหลักฐาน โดยขณะนี้มีเอกสารการปลอมแปลงราคาซื้อสุนัข และการพูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ รวมทั้งเอกสารการประกันภัยระหว่างขนส่ง ยังขาดหลักฐานสำคัญคือตัวยาที่ใช้ฆ่าสุนัขตัวแรก เนื่องจากเกิดเรื่องตั้งแต่เดือนส.ค. ซึ่งบริษัทขนส่งไม่ได้ติดใจเอาความ จนเกิดเหตุกับสุนัขตัวที่ 2 จึงได้เข้าร้องทุกข์ อย่างไรก็ตามหลังจากสอบสวนพยานในวันนี้แล้วคาดว่าจะออกหมายเรียกตัวนักศึกษาแพทย์มาให้ปากคำได้ในสัปดาห์หน้า

ด้านพ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า บริษัทขนส่งสุนัขได้มารับสุนัขที่ซอยลาดพร้าว 18 และผู้ที่ขนส่งเห็นว่ามียาติดอยู่ที่ปากสุนัข ถือว่ามีการทารุณกรรมสัตว์เกิดขึ้น จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.สุทธิสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องตรวจสอบว่าทารุณกรรมสัตว์เกิดขึ้นจริงหรือไม่ และบริษัทขนส่งได้รับความเสียหาย ถูกหลอกลวง

ผกก.สน.สุทธิสารกล่าวว่า นักศึกษาเจ้าของสุนัขได้มาจ้างบริษัทขนส่งให้ส่งสุนัขไปที่จ.นครราชสีมา เมื่อมีการส่งมอบ นักศึกษาได้แจ้งกับบริษัทขนส่งว่าสุนัขตัวดังกล่าวราคา 40,000 บาท ต้องวางเงินประกันจำนวน 4,000 บาท หลังจากนั้นเจ้าของบริษัทขนส่ง คนขับรถ และเจ้าของสุนัขก็เดินทางไปที่จ.นครราชสีมา ระหว่างทางสุนัขอาเจียนตลอด เมื่อไปถึงจ.นครราชสีมาจึงได้พาสุนัขไปตรวจที่คลินิกบ้านหมอต้นว่าอาการเกิดจากอะไร ซึ่งขณะนั้นสุนัขยังไม่ตาย ต่อมาสุนัขตาย เจ้าของสุนัขจึงเรียกร้องเอาเงินประกันจากบริษัทขนส่ง โดยอ้างว่าสุนัขตายจากการขนส่ง แต่บริษัทขนส่งยืนยันว่าสุนัขไม่ได้ตายระหว่างการขนส่งเดินทาง แต่ตายที่โรงพยาบาล

พ.ต.อ.เติมเผ่าเปิดเผยต่อว่า ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบพบว่าเจ้าของสุนัขซื้อสุนัขมาจากฟาร์มในราคา 6,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องไปสอบปากคำฟาร์มสุนัขว่าเป็นสุนัขตัวเดียวกันหรือไม่ หากเป็นสุนัขตัวเดียวกันที่ซื้อมาในราคา 6,000 บาทแต่ไปหลอกบริษัทขนส่งว่าซื้อมาในราคา 40,000 บาท และทำประกัน ถึงแม้จะยังไม่ได้เงินไป แต่มีความพยายามเรียกร้องเงินจากบริษัท อาจเข้าข่ายการกระทำความผิด แต่ขณะนี้มีเพียง พยานหลักฐานยืนยันจากการสนทนาผ่านแอพพลิเคลั่นไลน์เพียงอย่างเดียวว่าสุนัขได้ซื้อมาในราคาท่าไหร่ จึงจะประสานเจ้าของฟาร์มเพื่อสอบปากคำ และจะรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะเรียกเจ้าของสุนัขมาให้การ

ผกก.สน.สุทธิสาร กล่าวว่า เบื้องต้นการ กระทำการเรียกร้องเงินประกันจากบริษัทขนส่ง แม้จะเรียกร้องไม่สำเร็จ เข้าข่ายฐานความผิดพยายามฉ้อโกง ส่วนความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ ยังไม่เห็นชัดเจน เนื่องจากไม่เห็นตอนป้อนยา แต่เห็นตอนที่ยาติดอยู่ ซึ่งจะตรวจสอบได้ยาก แต่มีอีกเคสหนึ่งซึ่งอยู่ในอีกพื้นที่จะเห็นการกระทำความผิดชัดเจน เพราะคนขับรถเห็นขณะมีการป้อนยาให้สุนัข

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ โรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอต้น เลขที่ 1143/47 ถนนสุรนารายณ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสัตว์อีกแห่งที่พบเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน จากการสอบถามนางเครือวรรณ รักษาทรัพย์ เจ้าของ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ลูกค้ารายเดียวกันนี้ได้ว่าจ้างบริษัทรถขนส่งสัตว์นำสุนัขพันธุ์ปอม เพศผู้ สีน้ำตาล อายุ 7 เดือน มาฝากให้โรงพยาบาลสัตว์ดูแล โดยแจ้งว่าลืมบัตรประชาชนไว้ที่บ้าน เดี๋ยวสักครู่จะมีคนมารับสุนัขกลับ โดยลูกค้าให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ก่อนจะออกไปทำธุระ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสัตว์ตรวจเช็กร่างกายสุนัข เห็นว่าร่าเริงดี ไม่มีป่วย แต่ต่อมาประมาณ 1 ชั่วโมง สังเกตเห็นว่าสุนัขเริ่มซึมและตายในที่สุด จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งตามเบอร์ที่ให้ไว้ แต่ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ หลังจากนั้นไม่นานลูกค้าก็โทรศัพท์มา ตนก็แจ้งไปว่าสุนัขตายแล้ว

นางเครือวรรณกล่าวอีกว่า จากนั้นลูกค้าเดินทางมาพร้อมกับพนักงานขับรถของบริษัทรถขนส่งสัตว์เลี้ยง และเรียกร้องค่าประกันกับบริษัทรถขนส่งสัตว์เลี้ยงเป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท แต่บริษัทรถขนส่งสัตว์เลี้ยงไม่สามารถรับผิดชอบได้เพราะได้ส่งสุนัขถึงโรงพยาบาลสัตว์แล้ว ลูกค้าจึงให้โรงพยาบาลกับบริษัทรถขนส่งสัตว์เลี้ยงจ่ายให้คนละครึ่ง แต่โรงพยาบาลสัตว์ระบุว่าจ่ายให้ไม่ได้ เพราะเป็นแค่การมาฝากไว้ให้ดูแล ยังไม่ได้ทำอะไรกับสุนัขเลย เมื่อตกลงกันไม่ได้ลูกค้ามีอาการโกรธและตัวสั่นมาก ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลสัตว์ไป กระทั่งตนมาทราบเรื่องว่าลูกค้ารายนี้ไปก่อเหตุกับ โรงพยาบาลสัตว์อีกแห่งตามที่เป็นข่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสัตว์เซ็นเตอร์เพ็ท ตั้งอยู่ริมถนนสาย 304 ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่เกิดเหตุ พบกับ สพ.ญ.อนงค์นาถ สุตธรรม เจ้าของ โดยสพ.ญ.อนงค์นาถนำถุงใส่เม็ดยาจำนวนมากกว่า 10 เม็ดที่พบในกระเพาะสุนัขตัวดังกล่าวมาให้ดู พร้อมนำซากสุนัขพันธุ์ปอมที่แช่แข็งไว้มาตรวจสอบสภาพ อีกครั้ง

สพ.ญ.อนงค์นาถ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา มีลูกค้ารายหนึ่งโทรศัพท์นัดว่าจะพาสุนัขมารักษา หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที ลูกค้ามาถึงโรงพยาบาลโดยหิ้วประเป๋าที่มีซากสุนัขที่ตายแล้วมาให้ตรวจดู ตนจึงแจ้งให้เจ้าของทราบว่าสุนัขตายมาแล้ว จากนั้นตนเห็นเจ้าของสุนัขไปพูดคุยกับคนขับรถบริษัทขนส่งสัตว์เลี้ยงให้รับผิดชอบการสูญเสียสุนัขครั้งนี้ แต่คนขับรถยืนยันว่าก่อนหน้านั้นเพียงครึ่งชั่วโมง ยังเห็นสุนัขแข็งแรงดีโดยลงไปวิ่งเล่นที่ปั๊มน้ำมัน และตัวเองก็ไม่ได้แตะต้องตัวสุนัขเลย จึงแปลกใจว่าเหตุใดสุนัขถึงตายได้เร็วขนาดนี้

สพ.ญ.อนงค์นาถกล่าวต่อไปว่า ส่วนที่จะให้ตนหาสาเหตุการตายของสุนัขนั้น ก็ทำไม่ได้เพราะสุนัขตายก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาลสัตว์แล้ว จึงแจ้งเจ้าของว่าไม่รู้สาเหตุ รู้แต่เพียงว่าตัวสุนัขสะอาด ไม่มีรอยปัสสาวะหรือรอยอุจจาระอะไรเลย จึงสันนิษฐานว่าสุนัขอาจจะเกิดอาการช็อกก็ได้ แต่คนขับรถขนส่งสัตว์ยังไม่พอใจคำตอบ จึงแจ้งให้ตนเองผ่าซากสุนัขตรวจสอบดู ซึ่งเมื่อผ่าดูก็เห็นเม็ดยาจำนวนมากอยู่ในกระเพาะของสุนัข ตามคลิปที่โพสลงในโซเชี่ยล พร้อมกันนั้นก็เกิดความสงสัย เพราะตอนเจ้าของนำสุนัขมาตนก็เห็นเม็ดยาชนิดเดียวกันตกอยู่ในกระเป๋า เจ้าของสุนัขบอกว่าเป็นยาของตัวเอง ก่อนที่จะนำไปทิ้งลงถังขยะ ต่อมาตนไปคุ้ยดูในถังขยะพบว่าเป็นยาเม็ดสีเหลือง ซึ่งเป็นยาลดความดันของคน

สพ.ญ.อนงค์นาถกล่าวอีกว่า ตนจึงสอบถามว่าใครป้อนยาให้สุนัข คนขับรถบอกว่าเห็นเจ้าของป้อนยาให้ และเจ้าของสุนัขก็โทรศัพท์มาบอกว่าได้ป้อนยาวิตามินให้สุนัขเอง แต่ตนตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่ใช่วิตามินของสัตว์แน่นอน เพราะส่วนใหญ่วิตามินของสุนัขจะเป็นรสตับ รสนม ที่ชวนให้สุนัขอยากกิน และวิตามินของสุนัขที่มีน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ก็ไม่น่าจะป้อนจำนวนมากกว่า 10 เม็ด รวมทั้งยาเม็ดที่พบอีกชนิดก็เป็นยาลดความดันของคนอย่างชัดเจน ตนเองให้เจ้าของสุนัขไปหาฉลากยาหรือกระปุกยามายืนยัน เพื่อเขียนในใบชันสูตรเพิ่ม แต่เจ้าของสุนัขบอกว่าทิ้งไปแล้ว พร้อมกับยืนยันว่าเป็นยาที่โรงพยาบาลสัตว์ในกรุงเทพฯ ให้สุนัขกิน หลังจากนั้นตนก็ทราบว่าเจ้าของสุนัขได้โทรศัพท์ไปขอร้องให้โรงพยาบาลสัตว์ที่กรุงเทพฯ เขียนย้อนหลังให้ว่าได้ป้อนยาชนิดนี้ ซึ่งโรงพยาบาลสัตว์ ดังกล่าวไม่สามารถทำให้ได้ ตนจึงได้นำใบผ่าชันสูตรซากสุนัขไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.โพธิ์กลาง เพื่อเป็นหลักฐาน

สพ.ญ.อนงค์นาถกล่าวว่า หลังจากโพสต์เรื่องดังกล่าวไปได้ระยะหนึ่ง ก็พบว่ามี โรงพยาบาลสัตว์อีกแห่งใน จ.นครราชสีมา แจ้งว่าเคยเจอเคสแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ได้ผ่าซากจึงไม่ทราบสาเหตุการตาย และได้ส่งรูปมาให้ พบว่าเป็นคนเดียวกัน

สพ.ญ.อนงค์นาถกล่าวด้วยว่า ยังมีร้านขายสุนัขโทรศัพท์มาให้ข้อมูลว่าลูกค้ารายนี้ซื้อสุนัขไป 2 ตัว ตัวแรกเป็นเพศผู้อายุ 7 เดือน ซื้อไปเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา และได้ทราบว่าตัวแรกตายไปแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยสุนัขพันธุ์ปอมตัวดังกล่าวขายไปในราคา 6,500 บาท แต่คนซื้อโอนเงินเข้าบัญชีร้านขายสุนัขจำนวน 50,000 บาท เพื่อให้ร้านออกใบเสร็จให้ว่าซื้อสุนัขไปในราคา 50,000 บาท ก่อนจะให้ร้านโอนเงินคืนให้ อ้างว่าเพื่อจะได้ไปอ้างกับแฟนว่าซื้อสุนัขที่ดีที่สุด

วันเดียวกัน นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวว่า นักศึกษาแพทย์ที่ถูกอ้างในโซเชี่ยลว่านำสุนัขไปรักษาที่ โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งโดยวางยาสุนัขจนตายก่อนนั้นเป็นนักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 6 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ข้อมูลที่ได้ในเวลานี้คือ นักศึกษาคนดังกล่าวนำสุนัขขึ้นไปเพื่อที่จะไปเลี้ยงที่บ้าน ระหว่างทางกลัวว่าสุนัขเมารถจึงให้ยา คาดว่าให้ยาเกินขนาดสุนัขจึงตาย แต่ยังเป็นข้อมูลเบื้องต้น จึงขอคุยกับนักศึกษาอย่างเป็นทางการและได้เห็นข้อมูลจากใบชันสูตรก่อน ซึ่งในวันจันทร์ที่ 11 ก.ย.นี้นักศึกษาจะกลับมา และหากได้ข้อมูลเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการ โดยตนจะเป็นผู้สอบถามเองเพราะเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเป็นเรื่องจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญซีเรียสมาก

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน