ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์และภรรยาได้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งถ้าใครได้ติดตามสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรน่าในสหรัฐฯก็จะรู้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์นั้นได้ปฏิเสธการใส่หน้ากาก รวมถึงได้อภิปรายข้อมูลเท็จอีกหลายต่อหลายครั้ง

สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ณ ปัจจุบันนั้นมีผู้ติดเชื้อมากถึง 2,600,000 คน และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 คน และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆจนทะลุ 400,000 รายภายในสิ้นปีนี้ วันนี้ทางทีมข่าวสด จะทำการรวบรวมวาทะกรรมคำพูดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่ต้นปีที่เชื้อไวรัสโคโรน่าได้เริ่มมีการระบาด ว่าเขาเคยลั่นปากพูดอะไรเกี่ยวกับ โควิด-19 ไว้บ้าง

เชื้อโควิด-19อยู่ภายใต้การควบคุมและกำลังจะหายไป

“เชื้อไวรัสโคโรน่าอยู่ภายใต้การควบคุม เราได้ทำการติดต่อกับนานาประเทศแล้ว ซึ่งตอนนี้องค์การอนามัยโลกได้ทำงานอย่างหนัก และชาญฉลาดมากๆ ส่วนตลาดหุ้นก็เริ่มที่จะดูดีขึ้นแล้วนะ”

หรือว่าจะเป็นบทสัมภาษณ์ที่เขาได้ให้ไว้กับสำนักข่าวช่อง ฟอกซ์ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า
“ตอนนี้ทางเราใกล้จะคิดค้นวัคซีนสำเร็จแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเราก็มีวิธีการรักษาที่ดีมากๆ แต่ถึงแม้เราจะไม่มีวัคซีนก็ไม่เป็นอะไรหรอก จริงๆผมไม่ค่อบชอบพูดเรื่องนี้ซักเท่าไหร่นะ เพราะยังไงมัน(เชื้อไวรัส) ก็หายไปอยู่ดี”

แนะนำให้ฉีดสารฆ่าเชื้อและฉายแสงยูวี

เมื่อวัน 23 เมษายน ทรัมป์ได้แนะนำให้มีการทดลองฉายแสงอัลตราไวโอเลตใส่ร่างกายผู้ป่วย และการฉีดสารฆ่าเชื้อโรคเข้าร่างกายผู้ป่วยอีกด้วย “ผมว่า ถ้าคุณลองฉายแสงเข้าไปในร่างกาย ซึ่งคุณสามารถทำได้ผ่านทางผิวหนังหรือด้วยวิธีอื่น ผมคิดว่าคุณเคยบอกว่ากำลังทดสอบเรื่องนี้อยู่ด้วยเช่นกัน ฟังดูน่าสนใจ” ทรัมป์กล่าว “แล้วผมยังเห็นยาฆ่าเชื้อที่สามารถฆ่ามันได้ใน 1 นาที แค่ 1 นาที และมีวิธีที่เราสามารถทำอะไรแบบนั้นได้ เช่นการฉีดเข้าร่างกายหรือการทำความสะอาด น่าสนใจที่จะลองดู”

ดูคลิป คลิก

ซึ่งในเวลาต่อมาทางบีบีซี ได้รายงานว่า คำแถลงการของทรัมป์นั้นทำให้บรรดาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญออกมาต่อต้านและตำหนิขอแนะขำของเขาทันที โดยแพทย์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า การฉีดหรือกินสารทำความสะอาดฆ่าเชื้อนั้นไม่วามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้แถมยังเป็นอันตรายต่อชีวิต รวมถึงการใช้รังสียูวีภายในร่างกายด้วย

โกหกจำนวนผู้ติดเชื้อ

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม โดนัลด์ ทรัมป์ เคยได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทางสำนักข่าว ฟอกซ์เกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรน่า ว่า“ผมคิดว่าตัวเลขที่องค์การอนามัยโลกให้มานั้น 3.4 เปอร์เซ็นต์ มันช่างเป็นตัวเลขที่ไม่จริงเอามากๆ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันน่าจะต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป” ต่อมาภายหลังโดนัลด์ได้ออกมาแก้ตัวว่า เหตุผลที่จำนวนผู้เสียชีวิตมีเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ไม่เป็นอย่างที่เค้าคาดการนั้น เพราะว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่คือกลุ่มคนที่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ และไม่ได้รายงานตัวกับแพทย์

 

ปฏิเสธการใส่หน้ากาก

โดนัลด์ ทรัมป์ เคยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีสวมใส่หน้ากากอนามัยว่า “การสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของความสมัครใจ ใครจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ รวมถึงตัวผมเอง ผมก็จะไม่ใส่มันเช่นกัน” ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นสาเหตุให้คนในบางรัฐออกมาประท้วงต่อต้านมาตรการของรัฐที่มีกฏข้อบังคับใส่หน้ากากอนามัย ว่ากำลังรุกล้ำสิทธิและเสรีภาพเหนือร่างกายขอคนอเมริกัน ทำให้เกิดกลุ่มต่อต้านการใส่หน้ากากอย่าง Freedom to Breathe Agency และ Anti-Mask Task Force ขึ้นมาทั่วสหรัฐฯ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา ในงานดีเบตชิงตำแหน่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ) แน่นอนว่าสถานการณ์โควิด-19 ต้องเป็นหนึ่งในหัวข้อการดีเบต ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทำการแซว โจ ไบเดน คู่แข่ง ว่า “ผมไม่ใส่หน้ากากเหมือนกับเขาหรอก เขาก็ยังสามารถรักษาระยะห่าง 200 ฟุตจากผมได้นิ แต่เค้าก็กำลังใส่หน้ากากอันใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยหล่ะ” ชมคลิป คลิก

 

โดนัล ทรัมป์ ได้ออกมาอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เขานั้นปล่อยคนอเมริกันกว่า 200,000 คนต้องเสียชีวิต และคนอเมริกันส่วนใหญ่ก็ไม่พอใจเกี่ยวกับการจัดการของทรัมป์ในเรื่องนี้นัก โดยนายโจ ไบเดน ได้ว่าตอกกลับทรัมป์ในหัวข้อนี้ว่า “หน้ากากคือจุดเปลี่ยนใหญ่ ซึ่งผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯได้ออกมาบอกเองว่าทุกคนควรสวมหน้ากากและรักษาระยะห่าง เพราะนั่นสามารถช่วยชีวิตคนได้อีกเป็นพันคน” ไบเดน ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ประชาชนได้ล้มตายเป็นจำนวนมาก และยังคงมีอีกมากที่จะต้องตาย ถ้าเขา (โดนัลด์ ทรัมป์) ไม่ทำอะไรที่ฉลาดและรวดเร็วกว่านี้”

ขอขอบคุณที่มา theguardian.com

bbc.com

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน