ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงเพื่อป้องกันการถูกข่มขืน จะถอดออกได้ต้องให้พบแพทย์เท่านั้น ช่วยลดความเสี่ยงในการถูกข่มขืนหรือเป็นการผลักภาระให้ผู้หญิงแทน
กลายเป็นประเด็นเมื่อมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ต่างประเทศแชร์เรื่องราวถึงการซื้อถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงเพื่อป้องกันการถูกข่มขืน กล่าวว่าถุงยางชนิดนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยา โดยให้ผู้หญิงใส่ถุงยางนี้ก่อนออกจากบ้าน ส่วนถุงยางจะถอดได้ก็ต่อเมื่อพบแพทย์เท่านั้น
ถุงยางชนิดนี้เรียกว่า “Rape-aXe” พัฒนาโดยแพทย์หญิงซอนเน็ต เอห์เลอร์ ถูกออกแบบเพื่อป้องกันการถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยลักษณะของถุงยางมีผิวขรุขระ พื้นผิวด้านในถุงยางมีลักษณะคล้ายฟันหรือเขี้ยวคอยทำหน้าที่ยึดกับอวัยวะเพศชาย
เมื่อมีการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้ามา ถุงยางจะทำการล็อคที่อวัยวะเพศชายทันทีและไม่สามารถถอดออกเองได้ โดยมีการกล่าวว่า ผู้หญิงควรใส่ถุงยางนี้ไว้ตลอดเวลาที่จะออกไปข้างนอก
เมื่อเกิดเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศขึ้นมา ถุงยางจะยึดจับที่อวัยวะเพศชาย ทางเดียวที่จะสามารถถอดออกได้ ก็ต่อเมื่อพบแพทย์เพื่อทำการถอดเท่านั้น ตรงนี้จะช่วยให้แพทย์หรือตำรวจทราบได้ว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศขึ้น และได้มีผู้เสนอถึงข้อดีของถุงยาง Rape-aXe อีกว่าสามารถช่วยเหยื่อได้ เพราะถุงยางจะรัดที่อวัยวะเพศชายทำให้ผู้ร้ายเจ็บปวดทำให้เหยื่อสามารถใช้ช่วงเวลานี้ในการหลบหนีได้
อย่างไรก็ตามมีหลายคนแสดงความคิดเห็นในเชิงลบต่อถุงยาง Rape-aXe นี้ โดยเฉพาะผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ว่าถุงยางไม่สามารถช่วยลดการถูกข่มขืนได้จริง โดยให้เหตุผลว่าการผลิตถุงยางขึ้นมาเป็นการผลักภาระให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายรับผิดชอบแทนที่จะเป็นผู้ชาย เป็นการแสดงให้เห็นถึงสังคมนิยมที่ชายเป็นใหญ่ การลดเหตุการณ์ข่มขืนควรเน้นย้ำไปที่ผู้ชายให้เป็นฝ่ายมีจิตสำนึกรู้จักยับยั้งใจ ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องออกมาป้องกัน ผู้หญิงควรมีความปลอดภัยสามารถออกไปข้างนอกได้โดยไม่ต้องมาระวังถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น
และชี้ให้เห็นถึงข้อเสียของการใส่ถุงยาง Rape-aXe ว่าคล้ายเป็นการลิดรอนสิทธิสตรี การที่ผู้หญิงต้องสวมใส่อะไรไว้ภายในตลอดเวลา นอกจากทำให้ผู้หญิงรู้สึกไม่สบายตัว เสียเงินในการซื้อถุงยางและเสียเวลาโดยใช่เหตุแล้ว หากเกิดเหตุการณ์ข่มขืนจริงอาจทำให้สถานการณ์บานปลายไปถึงการฆ่าข่มขืนได้ เพราะผู้ร้ายอาจเกิดอารมณ์โมโหพลั้งมือทำร้ายเหยื่อจนเสียชีวิตได้
ในปัจจุบันพบอัตราการถูกข่มขืนมากขึ้น ผู้ก่อเหตุข่มขืนมักเป็นบุคคลใกล้ตัว กลายเป็นคำถามว่าหากเป็นเช่นนั้นผู้หญิงไม่ต้องสวมใส่ถุงยางไว้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการถูกข่มขืนหรือ ดังนั้นการลดอัตราการถูกข่มขืนที่แท้จริงควรเป็นการสร้างจิตสำนึกแทน
