หลังจากโลกโซเชียลได้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ถึงกรณีที่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สั่งให้ ระบบอินเทอร์เน็ต-มือถือ ทุกค่ายระงับการเข้าถึงของ Pornhub เว็บไซต์หนังโป๊ชื่อดังในประเทศไทย

ทุกคนรู้หรือไม่ว่า “ประเทศไทย” เป็นประเทศที่คนใช้เวลาดูหนังโป๊โดยเฉลี่ยมากที่สุด อยู่ที่ 11 นาที 21 วินาที ทั้งที่ค่าเฉลี่ยนของทั้งโลกที่ 10 นาที 28 วินาที เป็นที่รู้กันดีว่า พอร์นฮับ นั้นมีหนังอยู่ทุกประเภท ตอบสนองได้ทุกรสนิยม

และในปี 2020 นั้น ได้เพิ่มเวลาเป็น 11 นาที 52 วินาที แล้ว! ใช้โทรศัพท์เข้าเว็บไซต์ 89 เปอร์เซ็นต์ และมีผู้หญิงเข้าใช้บริการถึง 31 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ซึ่งหมวดหมู่ยอดฮิตของคนไทยคือ “Japanese” “Hentai” “Asian” “Creampie” และ “Popular With Women”

แต่น่าเศร้าที่เราต้องโบกมือลาเว็บไซต์เพื่อนคู่กายยามเหงา วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จัก Pornhub ให้ดีมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเก็บไว้ในความทรงจำ

เว็บไซต์ Pornhub.com ก่อตั้งวันที่ 25 พฤษภาคม 2007 โดยนักพัฒนาเว็บไซต์ชาวแคนาดาชื่อ แมทท์ คีเซอร์ ภายใต้บริษัทของเขาที่ชื่อว่า Interhub แมทท์สร้างเว็บไซต์นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นแพลทฟอร์มในการเผยแพร่เนื้อหาในกลุ่ม “สำหรับผู้ใหญ่” หรือ “เว็บโป๊” นั่นเอง

พอร์นฮับ เป็น เว็บโป๊ ในรูปแบบที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาดูวีดีโอได้ฟรี และสามารถสมัครสมาชิกฟรี เพื่อการเข้าถึงฟังชั่นที่ลึกขึ้น ได้แก่ การกดถูกใจ, กดไม่ถูกใจ, แสดงความคิดเห็น, การสร้างเพลย์ลิสของตนเอง รวมไปถึง การอัพโหลดเนื้อหาของตนเอง

การเติบโตของ พอร์นฮับ นั้นสะดุดตา ฟาเบียน ธิลแมนน์ แห่งบริษัท MindGeek นักธุรกิจ และนักสะสมเว็บโป๊ตัวยง ก่อนที่เขาจะขอซื้อเว็บไซต์ พอร์นฮับ จากเจ้าของเดิมในราคาที่ไม่เปิดเผยตัวเลขในปี 2010

ฟาเบียน ธิลแมนน์ ไม่ได้เป็นเจ้าของ พอร์นฮับ เพียงเว็บเดียวเท่านั้น เขายังเป็นเจ้าของเว็บ เรดทูบ ยูพอร์น และบริษัทผลิตหนังโป๊ในมืออีกมากมาย เช่น แบรซเซอส์ (Brazzers) โปรดักชั่นหนังโป๊ที่คุ้นตา เป็นต้น

ฟาเบียน ธิลแมนน์

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเปิดให้บริการสื่อลามกออนไลน์ และมีรายได้หลักคือค่าโฆษณา นอกจากค่าโฆษณาแล้ว รายได้ทางอื่นๆ ยังมาจากการผลิตหนังโป๊ร่วมกับค่ายต่างๆ รวมถึงการเก็บค่าสมาชิกรายเดือน เพื่อเข้าชมในแบบพรีเมียม

อย่างไรก็ตาม MindGeek ให้ความสำคัญกับคุณภาพ และลิขสิทธิ์โดยเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถรายงานปัญหาของเนื้อหา เพื่อให้ทีมงานพิจารณา ลบเนื้อหา และแบนผู้ใช้งานที่ทำผิดกฏของแพลทฟอร์ม

ใน พอร์นฮับ นั้นมีหนังอยู่ทุกประเภท ตอบสนองได้ทุกรสนิยมหากจะดูเนื้อหาให้ครบทั้งหมด จะต้องใช้เวลานานกว่า 200 ปี ดูแล้วดูอีกดูจนตาแฉะข้ามชาติก็ไม่มีวันดูครบเลยทีเดียว

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสุขกับ พอร์นฮับ NotYourPorn เป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาเพื่อคอยตรวจสอบเว็บไซต์ลามก เพื่อปกป้องคนที่ปรากฎอยู่บนเว็บไซต์สื่อลามกโดยปราศจากความยินยอม รวมถึง “เหยื่อ” กามารมณ์ ต่างๆที่ ได้เล่าถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่ตัวเองได้พบเจอ และบอกเล่าความลำบากในการพยายามนำวิดีโอที่บันทึกภาพขณะที่พวกเขาถูกข่มขืน ออกจาก พอร์นฮับ

แม้ว่าจะส่งอีเมลไปหลายครั้งแต่ พอร์นฮับ ไม่เคยตอบกลับ และวิดีโอเหล่านั้นก็ไม่ได้หายไป บางส่วนได้เขียน และเล่าเรื่องราวที่ต้องเผชิญในโลกออนไลน์ ก่อนจะพบว่าผู้หญิงหลายคนและผู้ชายจำนวนหนึ่ง ก็มีคลิปที่พวกเขากำลังถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือไม่ยิมยอม ก็ปรากฎอยู่บนเว็บไซต์พอร์นฮับเช่นกัน

เว็บไซต์พอร์นฮับ อธิบายว่าทางบริษัทได้วางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดสูงสุดรวมถึงนโยบายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับเนื้อหาที่ไม่ผ่านการตรวจสอบและผิดกฎหมายตามคำมั่นของเราที่กล่าวว่าจะต่อต้านเนื้อหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์

ส่วนเรื่องการปรากฎวิดีโอที่มีชื่อเรื่อง “วัยรุ่นโดนข่มขืนตอนหลับ” “วัยรุ่นเมาเหล้าโดนละเมิดตอนหลับ” หรือ “วัยรุ่นโดนล่วงละเมิดขั้นสุด” อยู่บนเว็บไซต์ นั้น เป็นเพราะทางบริษัทอนุญาตให้มีการแสดงออกทางเพศทุกรูปแบบตามข้อกำหนดในการให้บริการ

บางคนอาจมองว่าจินตนาการประเภทนี้นั้นไม่เหมาะสม แต่เนื้อหาเหล่านี้ยังน่าดึงดูดสำหรับผู้คนอีกจำนวนมากทั่วโลกซึ่งได้รับการคุ้มครองเสรีภาพในการพูดโดยกฎหมายหลากหลายฉบับ

เมื่อต้นเดือน มีนาคม ปี 63 ที่ผ่านมา พอร์นฮับ ก็ได้ถูกร้องเรียนจากกลุ่ม Exodus Cry ในสหรัฐฯ และนักเคลื่อนไหวในสหราชอาณาจักร ว่ามีการหารายได้จากวิดีโอการข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศอย่างผิดกฎหมาย “บริษัทนี้ทำเงินหลายล้านจากค่าโฆษณาและค่าสมาชิก โดยที่ไม่มีระบบที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบอายุหรือเนื้อหาในวิดีโอ” กลุ่ม Exodus Cry ระบุ บริษัท MindGeek ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวในคำร้องออนไลน์ โดยยืนกรานว่า มีกระบวนการตรวจสอบ และลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย

สำหรับประเทศไทยนั้น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้สั่งให้ ระบบอินเทอร์เน็ต-มือถือ ทุกค่ายระงับการเข้าถึงของ พอร์นฮับ เพราะว่า​เป็นเว็บไซต์ผิดกฎหมาย และกระทรวงได้รับการร้องเรียนเป็นจำนวนมาก จึงรวบรวมหลักฐานส่งฟ้องศาล และศาลได้มีคำสั่ง ปิดไปกว่า 190 กว่า URL

แม้ว่าหลายประเทศอาจจะถูกกฎหมาย แต่ในประเทศไทยถือว่ายังผิดกฎหมายอยู่ เพราะทางกระทรวงได้รับเรื่องร้องเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครอง และผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงเยาวชน ไม่เกี่ยวกับการที่มีการโพสต์คลิปบุคคลสำคัญของประเทศแต่อย่างใด

อ่านเพิ่มเติม :

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน