ปลัดแม่ริม ชี้คดี “บิณฑ์” รับบริจาค-เรี่ยไรช่วยน้ำท่วมคล้ายคดี “ฌอน” รับบริจาคช่วยไฟป่า ชี้ความผิด 3 ข้อหา ไม่ได้ขออนุญาติรับบริจาค เข้าข่ายฉ้อโกงมหาชน ผิด พ.ร.บ.คอมฯ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 พ.ย. ที่ สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าพบ พ.ต.ท.ขจร เรือนคำ สารวัตรสอบสวน เพื่อให้ปากคำคดีนายฌอน บูรณะหิรัญ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง เปิดรับบริจาคช่วยเหลือจิตอาสาดับไฟป่าดอยสุเทพ โดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ เพื่อประกอบสำนวนคดีดังกล่าว เพิ่มเติม โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

พ.ต.ท.ขจร ได้กล่าวว่า การสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนคดีรัดกุม สามารถดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมายได้ หากสำนวนแล้วเสร็จ แจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบตามลำดับ

ด้านนายบุญญฤทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นนายฌอน และพวกที่ถูกดำเนินคดี ยังไม่พบพนักงานสอบสวน สภ.แม่ริม อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่อาจออกหมายเรียกมาพบ เพื่อให้ปากคำประกอบสำนวนคดี ถ้าไม่มาสามารถออกหมายจับได้ ซึ่งคดีนายฌอน ถือเป็นคดีที่มีความผิดสำเร็จ เพราะได้รับเงินบริจาคหรือเรี่ยไรกว่า 1.4 ล้านบาท แต่ไม่ได้นำมาช่วยเหลือจิตอาสาดั่งกล่าว หลังตรวจสอบบัญชีพบว่า มีการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์รวมกว่า 1.3 ล้านบาท

นายบุญญฤทธิ์ กล่าวถึงนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดังและนักสังคมสงเคราะห์ เปิดรับบริจาคหรือเรี่ยไร ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทัยภัย และผู้ที่เดือดร้อนจากปัญหาทางสังคม ว่า มีลักษณะคล้ายกับคดีนายฌอน เบื้องต้นตรวจสอบ ไม่พบว่ามีการขอบริจาคหรือเรี่ยไรอย่างใด เท่าที่ติดตามพบว่ามีผู้บริจาครวมกว่า 422 ล้านบาท ซึ่งนายบิณฑ์ และคณะ นำเงินบริจาคไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมรายละ5,000 บาท แต่มีผู้ร้องเรียนขอให้มีการตรวจสอบเงินบริจาคดังกล่าว โดยไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุบลราชธานีเป็นหลักฐานแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานงาน เพื่อขอขัอมูลเรื่องดังกล่าวด้วย

“ตามกฎหมายขอรับบริจาค หรือเรี่ยไร ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อน พร้อมมีใบเสร็จ เพื่อให้ผู้บริจาคเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมต้นขั้ว เพื่อยืนยันว่ารับบริจาคเท่าไร และทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายไว้เป็นหลักฐาน จะอ้างว่านำเงินสดไปมอบให้ผู้ประสบภัย โดยไม่แสดงหลักฐานไม่ได้ เท่าที่ทราบพบว่ามีการนำเงินบริจาคบางส่วนไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ซื้อวัสดุอุปกรณ์ ซ่อมแซมบ้านเรือนหรือนำไปใช้ส่วนตัว ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาคดังกล่าว หากมาขออนุญาตรับบริจาคย้อนหลัง ทำไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย และถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว” นายบุญญฤทธิ์ กล่าว

นายบุญญฤทธิ์ กล่าวอีกว่า หากเทียบคดีนายบิณฑ์ กับนายฌอนไม่แตกต่างกัน เพราะเปิดรับบริจาคโดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายยักยอกหรือฉ้อโกงมหาชน และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่สร้างมูลค่าความเสียหายมากกว่า เนื่องจากมีผู้บริจาคจำนวนมาก ส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจ หรือกังวลคดีนายบิณฑ์ เพราะทำตามอำนาจหน้าที่ พร้อมให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ และใช้คดีนายฌอน เป็นแนวทางปฏิบัติกับคดีนายบิณฑ์ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน