บิ๊กป้อมรับพ.ต.อ.คัมรี่ไม่ผิด ปัดไม่รู้โยง “ภ.-ค.” “ศรีวราห์” เผยยังไม่รู้ยิ่งลักษณ์อยู่ไทยหรือตปท.เร่งล่ารถกระบะที่มารับย้ำก่อน 23 ก.ย. “ปู”คือจำเลยเท่านั้น “บิ๊กตู่” ลั่นรักประเทศจริงต้องคิดแบบผม ย้ำอีกเลือกตั้งตามโรดแม็ป วิษณุโต้วุ่น-ยันไม่มีลูกไม้ยื้อเวลา แต่ยอมรับมีโอกาสเลื่อนได้ 1-2% ปัดไม่เคยพูดเลือกตั้งพ.ย.61 ประวิตรชี้ถ้าประยุทธ์เล่นการเมืองต้องลงเลือกตั้ง ชูศักดิ์เชื่อนายกฯคนนอกไม่ง่าย สนช.แจงวุ่นปมกม.ภาษีที่ดินอืด พธม.ส่ออ่วม ทอท.ประเมินชดใช้รวมดอกเบี้ยร่วมพันล้าน

ป้อมรับพา”ปู”หนีไม่ผิดกม.

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบปากคำอยู่ เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย สิ่งใดที่เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการกันไป ส่วนที่ระบุคนที่พาหนีอาจไม่ผิดกฎหมาย ตนคิดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาแล้วว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับความผิดทางกฎหมาย จึงออกหมายจับไม่ได้ แต่มีความผิดเรื่องการใช้รถที่ผิดกฎหมาย

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ส่วนที่เรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคสช. เป็นเรื่องของตำรวจ เมื่อถึงเวลาเขาก็ทำงานเต็มที่ ขอให้รอสักพักก่อนเพื่อตรวจสอบรายละเอียดว่าผิดกฎหมายข้อใดบ้าง

ปัดไม่รู้โยง”ภ.-ค.”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศาลมีคำสั่งห้ามน.ส. ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศ แต่ยังไปส่งบริเวณชายแดน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไปส่งตรงนั้น ยังไม่รู้ว่าเขาไปส่งเพื่ออะไร เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ออกนอกประเทศบริเวณด่านชายแดน กำลังหารถที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอีกคัน ส่วนช่องทางบ่อนนั้นเป็นช่องทางเดินเท้า ทหารดูแลทุกวัน แต่อาจมีช่องโหว่บ้าง เพราะมีเขตแดนติดต่อกันหลายกิโลเมตร

เมื่อถามว่าคนที่พาหลบหนีไม่ผิด คนสั่งการให้ช่วยไม่ผิดด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าเขายังรับราชการอยู่ ต้องดูว่ามีความผิดหรือไม่ แต่หน่วยต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนทางวินัย ขอให้ใจเย็น สื่อถามทุกวันก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งนี้ตำรวจก็คิดเหมือนสื่อว่ามีเจตนา มีแผนการ และวางแผนไว้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเปิดเผยคนสั่งการให้พาน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีได้เมื่อใด พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้องรู้ เดี๋ยวตำรวจดำเนินการเอง แล้วที่ลือว่าเป็นอดีตบิ๊กตำรวจนั้น ตนไม่รู้

เมื่อถามว่าใช่บิ๊กตำรวจอักษรย่อ “ภ.” และ “ค.” หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ว่าเป็น ภ. ค.หรือเป็นอะไร

คุมเข้มหน้าศาลวันที่ 27 ก.ย.

พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงการดูแลสถาน การณ์วันที่ 27 ก.ย.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะตัดสินคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ตนไม่ห่วงเพราะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัย และไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการอะไรเป็นพิเศษ เชื่อว่าตำรวจดูแลสถานการณ์ได้ และศาลได้กำหนดพื้นที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. เปิดเผยภายหลังการประชุมสำนักเลขาธิการคสช.ว่า ในวันที่ 27 ก.ย.นี้จะมีการอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เลขาธิการคสช. มอบให้ส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดูแลพื้นที่และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะไปรับฟังคำพิพากษาเช่นเดียวกับการปฏิบัติในวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ในสาระสำคัญตามกระบวนการยุติธรรมของคดีนี้ด้วย เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดหรือการนำเอาข้อมูลไปบิดเบือนให้เกิดความเสียหายกับสังคม

น.1ตั้งกก.สอบพ.ต.อ.ขับส่ง”ปู”

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ลงนามคำสั่งบช.น.ที่ 302/2560 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามคำสั่งบก.น.5 ที่ 269/2560 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผบก.น.5 มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการนำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้ารุ่นคัมรี่ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร ซึ่งตรวจสอบไม่พบหมายเลขทะเบียนรถ ดังกล่าวในสารบบของกรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้ที่ใต้อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 22 ก.ย. เวลา 23.30 น. ตามคดีอาญาของสน.ปทุมวันที่ 997/2560 ลงวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา

บช.น.พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ ถูกต้อง ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามความในพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 84 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อสืบสวน ประกอบด้วย 1.พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผบช.น. เป็นประธานกรรมการ พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รองผบก.น.4 เป็นกรรมการ พ.ต.อ.รวิโรจน์ เปล่งศรียศภัทร รรท.ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ภูริส จินตรานันท์ รองผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ต.อรุณ เลิศศักดิ์เกษตร สว.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร เป็นกรรมการและเลขานุการ

ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสืบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีที่กำหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2556 ให้เสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสืบสวนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป ถ้าคณะกรรมการเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุในคำสั่งนี้ หรือกรณีสืบสวนพาดพิงถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าตำรวจผู้นั้นมีส่วนกระทำการในเรื่องที่สืบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานรายงานมาโดยเร็ว

รอดูผิดอาญา-วินัยหรือไม่

พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. กล่าวว่า เพิ่งทราบคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นประธาน สาเหตุที่เปลี่ยนตัวจากพ.ต.อ.เกียรติพงศ์ นาลา รอง ผบก.น.5 มาเป็นตน น่าจะมาจากคนที่ถูกตรวจสอบคือ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์มีตำแหน่งในระดับเดียวกัน อาจไม่เหมาะสม ประกอบกับตนดูแลงานด้านความมั่นคง จึงมีข้อมูลเชิงลึกพอสมควร การเปลี่ยนชุดคณะกรรมการไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับแนวทางสอบสวน ทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริง ทั้งนี้จะเรียกสอบข้อเท็จจริง พ.ต.ท.สามิตร ไชยอิ่นคำ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผู้บังคับหมู่ ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ด้วย หากพบว่ามีความผิดก็จะให้ต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป

พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ส่วนรถคัมรี่ สีเงินขาว ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร ที่ปรากฏว่าสวมทะเบียน ทางทีมสืบสวนจะประสานข้อมูลกับสน.ปทุมวันเพื่อนำข้อเท็จจริงมาตรวจสอบว่า การกระทำของนายตำรวจคนดังกล่าวและพวกอีก 2 คนเข้าข่ายกระทำความผิดทางอาญาหรือวินัยหรือไม่ ทั้งนี้ตนในฐานะประธานคณะกรรมการ ได้เตรียมเรียกประชุมทีมงานในวันที่ 26 ก.ย. เวลา 11.30 น. ที่ห้องประชุมกองบังคับการอำนวยการบช.น.ต่อไป

คาด400คนมาฟังพิพากษา

พล.ต.ต.ภาณุรัตน์กล่าวถึงการอ่านคำพิพากษาในคดีจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ว่า ข่าวกรองจากทุกหน่วยงานประเมินว่าจะมีมวลชนมาฟังคำพิพากษา 300-400 คน และแจ้งให้ศาลฎีกาฯทราบแล้ว ซึ่งศาลกำหนดให้ตำรวจใช้แนวทางปฏิบัติเดิมเหมือนวันนัดไต่สวน โดยนำแผงเหล็กมากั้นหน้าประตูศาลฎีกาฯ ในระยะ 20-30 เมตร ส่วนใครที่จะเข้าฟังคำพิพากษา ก็เข้าฟังได้ที่ห้องพิจารณาคดีไม่เกิน 100 คน นอกนั้นจะอยู่นอกเขตของศาลฎีกาฯ อยู่ด้านนอกบริเวณแผงเหล็ก เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลความปลอดภัย และจะใช้กำลังเพียง 2 กองร้อยของบก.น.2 และบก.อคฝ. ดูแลพื้นที่ ดังกล่าว

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า การรักษาความสงบบริเวณศาล ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ บช.น.ประเมินกำลังว่าจะใช้มากน้อยแค่ไหน ยืนยันตำรวจรักษาความปลอดภัยเต็มที่

ศรีวราห์ชี้พตอ.ยังโดนแค่คดีรถ

ที่ตร. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.ด้านความมั่นคง เรียกประชุมตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว เพื่อสืบสวนติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์รวมทั้งรถกระบะ 4 ประตู สีทึบ ที่มารับน.ส.ยิ่งลักษณ์อีกทอดหนึ่ง

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวถึงการดำเนินการ กับพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์และพวกที่พัวพันกับรถที่นำน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปยังจ.สระแก้ว ในวันที่ 23 ส.ค.ว่า ได้ดำเนินการแล้วทั้งสอบสวน บันทึกการให้ปากคำ ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีฐานใช้เอกสารปลอม กรณีป้ายทะเบียนรถยนต์ และตั้งกรรมการสอบวินัยตำรวจทั้ง 3 นายโดยต้นสังกัด ทั้งบช.น.และภ.จว.นครปฐม

เมื่อถามถึงกรณีมีข้อมูลพาดพิงถึงอดีต ผบ.ตร. รองผบ.ตร. และนายตำรวจยศ พล.ต.ท.นั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ต้องรอดำเนินคดีอาญาให้เสร็จก่อน จึงจะขยายผลไปส่วนนี้ หากการดำเนินคดีอาญามีการพาดพิงถึงก็ต้องเชิญมา แต่ขณะนี้เป็นเพียงการดำเนินคดีการใช้ป้ายทะเบียนปลอมเท่านั้น ส่วนกรณีอื่นๆ ยังไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 และมาตราอื่นๆ ไม่มีการระบุว่าการพาจำเลยไปไหน หรือหลบหนี มีความผิด

ย้ำก่อน 23 ก.ย.”ปู”คือจำเลยเท่านั้น

“อย่าลืมว่าเมื่อวันที่ 23 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสถานะเป็นจำเลยเท่านั้น ตนในฐานะ ผู้รักษากฎหมายจะเอาอะไรไปเอาผิดกับคนเหล่านี้ในเมื่อกฎหมายไม่ได้ระบุว่าเป็นความผิด ขอให้คนที่วิจารณ์ไปศึกษา อ่านข้อกฎหมายให้ดีว่าการพาจำเลยหนี ผิดกฎหมายหรือไม่”

รองผบ.ตร.กล่าวว่า กรณีนี้ หากพาหนีจริงก็เอาผิดตามกฎหมายไม่ได้ จึงจับตำรวจ 3 นายกรณีพาหนีไม่ได้ เอาอำนาจกฎหมายข้อไหนไปจับ ตอนนี้ยังไม่ทราบเลยว่าในวันที่ 27 ก.ย. ศาลจะพิพากษาอย่างไร หากศาลพิพากษาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ผิด ตนไม่ถูกดำเนินคดีหรือ หากไปจับตำรวจเหล่านี้ ตนเป็นตำรวจต้องทำตามกฎหมาย ไม่ได้ทำตามอำเภอใจ ทุกคนต้องรู้อยู่แล้วว่ากฎหมายกำหนดไว้อย่างไร ยืนยันว่าการดำเนินการกับตำรวจทั้ง 3 นายไม่ใช่เรื่องปาหี่ แต่สืบสวนดำเนินการตามกฎหมาย ปาหี่ไม่ได้ ซึ่งสอบสวนจนพบว่าใช้ทะเบียนปลอมก็ผิดกฎหมาย แต่เรื่องอื่นไม่ผิด ยืนยันว่าคนอย่างตนไม่เสียมวยตามที่สื่อบางสำนักวิจารณ์แต่ต้องทำตามกฎหมาย ตนไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหายแน่นอน

ไม่รู้ยิ่งลักษณ์อยู่ไทยหรือตปท.

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวอีกว่า จนถึงขณะนี้ยังระบุไม่ได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ในหรือนอกประเทศ จากการสอบถามผ่านช่องทางตำรวจสากลทุก 7 วัน ยังไม่มีประเทศใดยืนยันเลยว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปอยู่ที่ใด ในการสอบสวนตำรวจ 3 นาย ตนบอกเพียงว่ามีการไปส่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่จ.สระแก้วเท่านั้น ไม่เคยบอกเลยว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกนอกประเทศแล้ว ขณะนี้กำลังสืบสวนหาตัวชายที่มีข้อมูลว่ามารับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ชายแดน และสืบสวนหารถกระบะและรถเบนซ์ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า หากพาออกนอกประเทศ ต้องอธิบายว่า กรณีการเข้าออกประเทศโดยผิดพ.ร.บ.คนเข้าเมืองนั้น เป็นคดีลหุโทษที่กฎหมายระบุว่าไม่สามารถเอาผิดกับผู้ให้การสนับสนุนได้ ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม สั่งการให้ดำเนินการตามกบิลบ้านกบิลเมือง

มีชัยชี้”ปู”อุทธรณ์อยู่ที่ศาล

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ให้สัมภาษณ์ถึงการเอาผิด 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปส่งที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตอบไม่ได้ แต่สำหรับความผิดของ เจ้าหน้าที่รัฐจะมี 2 ทาง คือ 1.ผิดอาญามีโทษอาญา 2.ผิดวินัย ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ก็ต้องไปดูว่าชั่วหรือไม่ คล้ายกับกรรมการองค์กรอิสระและนักการเมืองที่มีมาตรฐานจริยธรรมกำกับ ส่วนที่นักการเมืองระบุให้ใช้กฎหมายอาญามาตรา 189 ตรงนี้ต้องไปดูข้อเท็จจริง ขณะที่กฎหมายป.ป.ช.นั้น มีไว้ดูเรื่องทุจริตอย่างเดียว มีการตัดเรื่องประพฤติมิชอบทิ้งเพราะหยุมหยิมเกินไป แต่กฎหมายของทุกหน่วยงานก็มีกำหนดไว้แล้วว่าหากผู้บังคับบัญชารู้ว่าลูกน้องผิดวินัยแต่ไม่ดำเนินการ ผู้บังคับบัญชาก็จะผิดเสียเอง

เมื่อถามถึงการอุทธรณ์และการนับอายุความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าววันที่ 27 ก.ย. นายมีชัยกล่าวว่า หากกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่บังคับใช้ จำเลยต้องมายื่นอุทธรณ์ด้วยตนเอง ถ้าไม่มาก็ยื่นไม่ได้ แต่หากกฎหมายฉบับใหม่ยังไม่บังคับใช้ กลไกอุทธรณ์จะเป็นอย่างไรขึ้นกับดุลพินิจของศาล เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ให้สิทธิอุทธรณ์ไว้ ส่วนอายุความหากกฎหมายวิธีพิจารณาฯฉบับใหม่ ยังไม่บังคับใช้แล้วคดีจบ อายุความ ก็เป็นไปตามกำหนดของคดีที่ฟ้อง เพราะกฎหมายวิธีพิจารณาฯฉบับใหม่ยังไม่ใช้

“อุ๊งอิ๊ง”แจงภาพตัดต่อปูในแว่น

วันเดียวกันนี้ น.ส.แพทองธาร ได้โพสต์ชี้แจงในเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณี มีผู้แชร์ภาพตัดต่อเงาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏบนแว่นของ อุ๊งอิ๊ง น.ส. แพทองธาร ชินวัตร มีการแชร์กันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ ว่า ภาพดังกล่าวเป็นเพียงภาพตัดต่อ ไม่ใช่ภาพจริงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ยังมีคนเข้าใจผิดว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพจริง ทำให้ น.ส.แพทองธาร ต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้ง ระบุว่า “จริงใช่มะ ที่เค้าว่ากันว่าคนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน 3 บรรทัด อ่านดีๆ ก่อนแพร่ข่าวนะคะ”

มาร์ค-ปชป.รุมจี้คนพาหนีผิดกม.

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์กรณีศาลฎีกาฯ นัดอ่านคำพิพากษาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คดีโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 27 ก.ย.นี้ว่า กฎหมายกำหนดว่ากรณี ดังกล่าวเมื่อให้เวลาอันสมควรแล้วแต่จำเลยยังไม่มา ศาลสามารถอ่านคำพิพากษาได้ ตรงนี้ตนสงสัยว่าไม่อ่านก็ได้ใช่หรือไม่ เมื่อศาลตัดสินแล้วจะต้องดูกระบวนการอุทธรณ์ว่าเป็นอย่างไร เพราะรัฐธรรมนูญเปิดให้อุทธรณ์ได้ การอ่านหรือไม่อ่านคำตัดสิน จะมีผลเพราะเกี่ยวกันเรื่องอุทธรณ์และอายุความของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และถ้าเจ้าตัวไม่มา จะอุทธรณ์ได้หรือไม่ จึงขึ้นอยู่กับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะประกาศภายในวันที่ 27 ก.ย.หรือไม่

เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พาน.ส. ยิ่งลักษณ์หนี มีความผิดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำไม่ผิดกฎหมาย ทำไมต้องมีพฤติกรรมแบบที่เกิดขึ้น บ่งบอกถึงเจตนาแสดงว่าสิ่งที่ทำนำไปสู่การปิดบัง หลบซ่อน อำพราง ถามว่าพฤติกรรมดังกล่าวทำเพื่ออะไร จึงเป็นเรื่องของฝ่ายสอบสวนว่าจะพิจารณาอย่างไร

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมาย ปชป. แถลงว่า กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ถือว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิดมาตรา 189 ของประมวลกฎหมายอาญาที่ระบุว่าผู้ใดช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งเป็นผู้ต้องหาให้พ้นผิดถือว่ามีความผิด ผู้มีอำนาจจะต้องตรวจสอบให้เกิดความกระจ่าง หากโยงถึงใครก็ต้องเอาผิด เพราะการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

นิพิฏฐ์ลั่นพร้อมฟ้องเอง

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีตำรวจพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีว่า ตนเห็นแย้งกับพล.อ.ประวิตร และพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่พูดว่าตำรวจที่พาน.ส.ยิ่งลักษณ์หนี ยังไม่มีความผิดทางอาญา เนื่องจาก 1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับการประกันตัวจากศาลฎีกา มีเงื่อนไขว่าห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล 2.คำสั่งศาลดังกล่าว ถือเป็นข้อกำหนดของศาลเพื่อให้การพิจารณาเที่ยงธรรม รวดเร็ว ไม่ชักช้า ไม่ประวิงคดี เป็นไปตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 30 และ 31

3.การฝ่าฝืนข้อกำหนดดังกล่าว ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล มีโทษทางอาญา ทั้งจำคุก และปรับตามป.วิ.แพ่ง มาตรา 33 และ 4.เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตำรวจที่พาน.ส.ยิ่งลักษณ์หนีก็มีความผิดฐานเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 หรือมาตรา 86 นี่เป็นความเห็นทางกฎหมายว่า ตำรวจที่พาน.ส.ยิ่งลักษณ์หนี มีความผิดทางอาญาแล้ว หากพล.อ.ประวิตร หรือพล.ต.อ. จักรทิพย์ เห็นแย้งกับตนอีก ก็ระบุชื่อ ตำแหน่ง ที่อยู่ของตำรวจที่พาน.ส.ยิ่งลักษณ์หนีมาให้ตน แล้วตนจะเอาชื่อตำรวจทั้ง 3 นายไปยื่นต่อศาลฎีกา เราคอยฟังว่าศาลฎีกาจะตัดสินยังไง เรื่องนี้ชาวบ้านจะได้เลิกเถียงกันเสียที

ตู่ลั่นรักชาติจริงต้องคิดแบบผม

ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวบรรยายพิเศษและปิดสัมมนา “มิติการศึกษาพัฒนาพื้นที่พิเศษ เดินหน้าประเทศไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า ตนปลดตัวเองมาตรงนี้ไม่ต้องการผลประโยชน์ ไม่ต้องการขัดแย้งกับใคร หรือเอื้อประโยชน์ให้กับใคร ปัญหาคือคนที่รับต่อจากตน จะคิดแบบตนหรือไม่ ถ้าคิดได้แบบตนก็จะไปถึงข้างล่าง ต้องลืมตัวเอง นึกถึงคนอื่นตั้งแต่เช้าถึงเย็น และนอนฝันตอนกลางคืนว่าจะทำอะไร ตนทำแบบนี้ตลอด 3 ปีไม่เคยคิดเรื่องอื่น ไม่เคยไปไหน ไม่เคยไปเที่ยว ไม่เคยไปศูนย์การค้า ไปต่างประเทศก็แบบนี้ ประชุมเสร็จก็กลับ

“แผ่นดินนี้ ต้องรักษาไว้ ชีวิตผม 60 ปี สู้มาเพื่อรักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้ตั้งแต่ชายแดน จะไม่ให้ใครมาทำลายเด็ดขาด ถ้ารักประเทศจริงทุกคนต้องคิดแบบผม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ต้องขอโทษที่บางครั้งพูดจาไม่ค่อยสุภาพ ถ้าพูดจริงใจต้องพูดแบบตน วันศุกร์อย่าลืมดูด้วยเพราะลดเวลาเหลือแค่ 20 นาทีแล้ว แต่ยืนยันว่าไม่เลิกรายการ เพราะถ้าไม่พูดแล้วใครจะพูด ไม่ใช่อยากจะพูด อยากจะเก่ง ที่พูดเพื่อให้ทุกคนคิดแบบตน ที่พูดก็ต้องมีส่วนดีบ้าง เราต้องเดินหน้าไปเรื่อย ส่วนที่มีปัญหาก็ต้องแก้ไข เช่น ทุจริตก็ต้องหาให้เจอ

ย้ำอีกเลือกตั้งตามโรดแม็ป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า เราควรสอนเด็กตั้งแต่เล็กให้เรียนรู้ ทำให้พ่อแม่เขาคิดได้ อย่าให้เด็กก้าวร้าวหรือพูดจาที่ไม่สมควร หลายเวทีมีเด็กขึ้นไปพูด ซึ่งมันไม่ถูกต้อง กลายเป็นว่าเด็กหลายคนต้องการเป็นซัมบอดี้จากโนบอดี้ แต่ยังไม่ใช่เวลา ไปพูดในที่ประชุมเรื่องการเมือง พูดเรื่องต่างๆ ที่ยังไม่ใช่เวลา เอาแค่ประชาธิปไตยคืออะไร เสียงส่วนมากเสียงส่วนน้อยจะทำอะไร และเราจะร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างไร เราต้องสอนกันแบบนั้น หลายมหาวิทยาลัยมีฝ่ายหลายพวก ตนก็ปวดหัว ไม่ตรงกันสักอย่างแล้วจะไปได้อย่างไร

“เรื่องการเลือกตั้ง ยืนยันตามโรดแม็ป ถึงวันนั้นขอให้ไปเลือกตั้งแล้วกัน วันนี้ผมจะไปเจอใครก็ไม่ได้ ลงพื้นที่ไปไหนก็ไม่ได้เพราะถูกหาว่าไปดีลการเมือง ใครจะมาดีลกับผมให้มาเลย ไม่มีดีลแต่พร้อมคุยด้วยกับทุกคน หากเป็นเรื่องของประเทศชาติ แต่เรื่องขี้หมาไม่พูดคุยเพราะเสียเวลา และขอให้ไปดูเรื่องเส้นทางตามด่านชายแดนด้วยที่ใครจะไปหรือใครจะมา ผมไม่รู้ เพราะนั่งรถเจอด่านมาก เจ้าหน้าที่จะตรวจละเอียดทุกคันหรือไม่ แต่ความผิดก็มีอยู่ ขอพูดหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์ไม่มีพาดหัว เรื่องดีๆไม่เขียนกัน ชอบเขียนกันแต่เรื่องแบบนี้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

วิษณุโต้วุ่น-ยันไม่มีลูกไม้ยื้อเวลา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงโรดแม็ปการเลือกตั้งที่หลายฝ่ายไม่มั่นใจว่าจะเกิดช่วงปลายปี 2561 ว่า กรธ.จะทำหน้าที่จนกว่ากฎหมายลูกทั้ง 10 ฉบับจะประกาศให้มีผลใช้บังคับ ซึ่งกรธ.มีเวลาเขียนกฎหมายลูก 240 วัน นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ หากยังเขียนไม่เสร็จต้องขยายเวลาต่อ แต่จะขยายอย่างไรไม่ควรคิดเวลานี้ ยืนยันจะไม่มีสุญญากาศในเรื่องนี้เพราะทุกอย่างเดินไปได้อยู่แล้ว ไม่มีทางตัน แต่จะกระทบเวลาที่จะต้องเลือกตั้งเท่านั้น

นายวิษณุกล่าวว่า ที่กรธ.ระบุจะพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้ลำดับสุดท้าย เพราะจำเป็นต้องรอกกต.ชุดใหม่ มาพิจารณากฎหมายดังกล่าวด้วยนั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อใช้เป็นลูกไม้หรืออะไรทั้งสิ้น แต่ตนคิดว่าหากยังรอกกต.ชุดใหม่ อาจเลยกรอบเวลา 240 วัน จึงต้องรีบทำกฎหมาย ล่าสุด กรธ.จะส่งร่างให้สนช.พิจารณาได้ภายในเดือนพ.ย.นี้ นอกจากนี้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ต้องรอ เช่น พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. ที่โปรดเกล้าฯลงมาแล้ว ดังนั้น กกต.ต้องดูเนื้อหาในกฎหมายเหล่านี้ เช่น การเลือกตั้งแบบไพรมารี่โหวต

ปัดไม่เคยพูดเลือกตั้งพ.ย.61

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งจะคลาดเคลื่อนจากช่วงปลายปี 2561 ที่วางกรอบไว้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน แต่ถามว่าจะมีโอกาส 1-2 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ หลายคนดูรู้ ไม่จำเป็นต้องถาม แต่วันนี้ยังยึดตามเดิมพูดอย่างอื่นไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกฎหมายลูกทั้ง 10 ฉบับเสร็จตามกรอบเวลา การเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือนพ.ย.2561 ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า โรดแม็ปเป็นเช่นนั้น แต่ตนไม่เคยพูดว่าจะเลือกตั้งเดือนพ.ย. 2561 ทุกคนคาดการณ์ได้เอง ขอย้ำตารางเวลาเลือกตั้งว่า กรธ.มีหน้าที่ยกร่างกฎหมายลูกให้เสร็จ 240 วัน หรือภายในเดือนธ.ค.นี้ จากนั้นส่งสนช.พิจารณาภายใน 60 วัน หากแก้ไขจะมี เวลาอีก 30 วัน และอยู่ระหว่างขั้นตอนรอ โปรดเกล้าฯ 90 วัน และเมื่อประกาศใช้แล้ว ต้องจัดการเลือกตั้งภายในเวลา 150 วัน รวมทั้งสิ้น 11 เดือน

ป้อมยันไม่มีตุกติกเลือกตั้ง

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ รัฐบาลและคสช. ประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนว่า จะไปยืนยันได้อย่างไร ส่วนที่คุณหญิงสุดารัตน์ไม่มั่นใจว่าจะมีเลือกตั้งปี 2561 นั้นก็ให้คุณสุดารัตน์มาทำเอง ทั้งนี้กฎหมายลูกเสร็จใช้เวลา 150 วัน หากเสร็จแล้วจะบอกวันเลือกตั้งที่ชัดเจน

เมื่อถามว่ารัฐบาล.และคสช.ไม่ตุกติก เรื่องกำหนดวันเลือกตั้งใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตุกติกอย่างไร ขณะนี้กรธ.ดำเนินการอยู่ และต้องรอผ่านสนช.จะตุกติกอย่างไร ส่วนที่นักการเมืองและประชาชนไม่มั่นใจว่าจะมีเลือกตั้งนั้น ประชาชนไม่อยากให้เลือกตั้งไม่ใช่หรือ ส่วนจะทันปี 2561 หรือไม่นั้น ไม่ทราบ รัฐบาลอยากเป็นไปตามโรดแม็ปที่วางไว้ ขณะนี้ไม่มีปัจจัยทำให้โรดแม็ปเปลี่ยนแปลง

ชี้ตู่เล่นการเมืองต้องลงเลือกตั้ง

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีมีคนเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯอีก ว่า ไม่รู้ มาถามตนได้อย่างไร คนที่บอกให้อยู่ต่อเป็นประชาชน เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์อาจจะเล่นการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หากเล่นการเมือง ต้องลงสมัครรับเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุให้พล.อ.ประยุทธ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง คิดอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่คิดอะไร ส่วนคนพูดจะคิดอะไร ตนไม่รู้ ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุหากปี 2561-2562 ไม่มีเลือกตั้งก็ตัวใครตัวมันนั้น เป็นอย่างไรตัวใครตัวมัน ให้ผู้สื่อข่าวไปถามนายอนุทินเองเพราะเป็นคนพูด

ชูศักดิ์ชี้นายกฯคนนอกไม่ง่าย

วันเดียวกัน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสของการมีนายกฯ คนนอกว่า การเข้ามาเป็นนายกฯ คนนอกไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วย โดยความเข้าใจในขณะนี้นายกฯ คนนอกคือ นายกฯ ที่ไม่ได้เป็นส.ส. อาจเข้าใจได้ว่านายกฯ สืบทอดอำนาจเพราะผู้มีอำนาจในปัจจุบันเป็นผู้กำหนดกลไกนี้ขึ้น ภาพจะชัดขึ้นเมื่อมีส.ว.แต่งตั้งตามบทเฉพาะกาล 250 คน แต่ที่ไปที่มาของ นายกฯ คนนอกคงไม่ใช่ทางเดินที่สดใสราบรื่นเสียทีเดียว

ด้วยเหตุผลคือ 1.รัฐธรรมนูญกำหนดให้เลือกนายกฯ จากบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอรายชื่อไม่เกินพรรคละสามชื่อก่อน ตรงนี้คนนอกที่ไม่ได้เป็นส.ส.จะสอดแทรกเข้ามาได้ต้องมีพรรคการเมืองที่กล้าหาญชาญชัย เสนอชื่อคนนอกที่ว่านั้นมาตั้งแต่ต้น 2.หากการเลือกจากบัญชีพรรคการเมืองตามที่กล่าวข้างต้นไม่สำเร็จ คือได้เสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา นายกฯ คนนอกจะเกิดขึ้นได้ โดยการเข้าชื่อเสนอญัตติของส.ส และส.ว. จำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภารวมกันคือ 376 คน เพื่อให้รัฐสภาสามารถโหวตนายกฯ จากบุคคลนอกบัญชีได้

รับ 250 สว.แต่งตั้งเป็นเงื่อนไข

“นายกฯ คนนอกจะเกิดได้ จึงต้องมีเสียงสนับสนุนทั้งจากส.ส. และส.ว. หากส.ว. 250 คนสนับสนุนก็ต้องมีส.ส.สนับสนุนญัตตินั้นไม่ต่ำกว่า 126 คน 3.กรณีดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นหากพรรคการเมืองสามารถรวมตัวกันได้เกิน 376 เสียงของสมาชิกสภา 500 คน และปฏิเสธนายกฯ คนนอก และ 4.หากจะมีนายกฯ คนนอกก็ยังคงต้องอาศัยเสียงของส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ สนับสนุนมากกว่า 250 เสียง มิฉะนั้นไม่อาจบริหารประเทศได้ เช่น กฎหมายไม่ผ่านสภา 250 เสียงที่สนับสนุนคือพวกที่ยอมรับนายกฯ คนนอก

นายชูศักดิ์กล่าวว่า ทั้งหมดที่กล่าวมา ส.ว.แต่งตั้ง 250 คนจะเป็นเงื่อนไขตัวแปรสำคัญ เพราะบทเฉพาะกาลให้ส.ว. 250 คนนี้ร่วมโหวตนายกฯ กับส.ส.ตั้งแต่แรก และเข้าใจว่าคงจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน แต่เสียงส.ส.ไม่ต่ำกว่า 250 เสียงก็ต้องสนับสนุนด้วย ถึงเวลานั้นคงจะได้เห็นกันว่า พรรคการเมืองใดที่ยินยอมต่อกระบวนการ ดังกล่าว

“อยากจะรอดูเหมือนกันว่าพรรคการเมืองใดจะเสนอชื่อใครผู้ใดเป็นนายกฯ ไม่เกิน 3 รายชื่อต่อ กกต.ตอนเลือกตั้ง นายกฯ คนนอกจึงไม่ใช่ช่องทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อาจเต็มไปด้วยค่ายกล มีอุปสรรคขวากหนาม สภาในอนาคตมิใช่สภาแต่งตั้งล้วนๆ อย่างปัจจุบัน ดังนั้น แม้เส้นทางเดินที่กำหนดไว้จะผ่านการเตรียมการวางแผนกันมาอย่างแยบยลสุดๆ ไปแล้วก็ตาม แต่คงไม่ง่ายเหมือนนายกฯ คนนอกที่เคยมีมา เพราะบริบททางการเมืองและสภาพแวดล้อมองค์ประกอบต่างๆ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” นายชูศักดิ์กล่าว

พท.ซัด”เสนาขี้กา”ไม่รักษาสัญญา

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงพล.อ.ประวิตรตอบโต้คุณหญิงสุดารัตน์ที่เรียกร้องให้รัฐบาลและ คสช.ประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนว่า ตนเคารพในความคิดเห็นของพล.อ.ประวิตร แต่ประเด็นที่พูดถึงนั้นเกิดจากตัวแทนพรรคไปร่วมอภิปรายสัมมนาสาธารณะ ซึ่งกล่าวตรงกันว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ หากได้กำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วน คุณหญิงสุดารัตน์ยังย้ำว่านักการเมืองเป็นกลุ่มคนสุดท้ายที่จะเดือดร้อนหากไม่มีการเลือกตั้ง แต่เกรงว่าประเทศจะเสียโอกาส คุณหญิงสุดารัตน์พูดด้วยเจตนาที่ดี ส่วนที่พล.อ. ประวิตรระบุหากไม่มั่นใจให้มาทำเองนั้น พล.อ.ประวิตรก็รู้ดีว่าเข้าไปทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ ไม่ได้เป็น คสช. กรธ. แต่คนที่กำหนดได้คือองคาพยพของแม่น้ำ 5 สาย ที่ต้องเร่งกำหนดวันเลือกตั้ง และช่วยกันดำเนินการให้ทันตามโรดแม็ป

นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งทั่วไปว่า ทุกอย่างถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญแล้ว วันเวลามันชัดเจนอยู่ในตัว ใครจะดันทุรังอย่างไรก็เป็นเรื่องของคนคนนั้น เพราะบ้านเมืองเรามีเสนาขี้กามากมาย ไม่คิดถึงคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน รวมทั้งนานาชาติด้วย ส่วนที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ระบุเขียนร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญต้องละเอียดและยุ่งยากนั้น ขอบอกว่าอย่าโกหกอีกเลย เวลาเขียนกติกาเพื่อพวกพ้องตัวเองทำไมมันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ทำไมเวลาจะคืนอำนาจอันน้อยนิดให้ประชาชนมันช่างยากเย็นแสนเข็ญ หากอยากพากันอยู่ยาวก็บอกมา อย่าบิดเบือนรัฐธรรมนูญที่ร่างกันมา

วัฒนาชี้ป้อมโต้หน่อยคำตอบชัด

นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กว่า นี่แหละ…คนดี ถ้าตนเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ จะขอบคุณพล.อ.ประวิตร ที่ตอบโต้ว่าอยากมั่นใจให้มีการเลือกตั้งให้มาทำเอง ซึ่งการตอบโต้ของพล.อ.ประวิตร ทำให้ประชาชนหูตาสว่างถึงวาทกรรมของคำว่า “คนดี” เพราะพล.อ.ประวิตร เป็นหนึ่งในคนดีที่ถูกบุคคลสำคัญยกย่องว่าออกมาช่วยพล.อ.ประยุทธ์ แก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง

นายวัฒนา ระบุว่า ตนไม่เคยคิดว่าพวกที่ยึดอำนาจจากประชาชนเป็นคนดี เพราะคนเหล่านี้ไม่เคยสำนึกว่าอำนาจที่ยึดไปนั้นเป็นของประชาชนที่ยึดไปโดยไม่มีเงื่อนไข แต่เวลาจะคืนอำนาจกลับมีเงื่อนไขและข้ออ้างสารพัด ที่สำคัญคือการอ้างกระบวนการทางกฎหมายที่ตัวเองไม่เคยเคารพ เพราะเป็นคนฉีกรัฐธรรมนูญกับมือ การตอบโต้ดังกล่าวยังทำให้ภาพทางการเมืองของคุณหญิงสุดารัตน์ มีความชัดเจนขึ้น ใครที่เคยกล่าวหาว่าคุณหญิงสุดารัตน์มีคอนเน็กชั่นกับพี่ใหญ่ของคสช. นักวิชาการที่เคยกลัวว่าจะนำพรรคเพื่อไทยไปฮั้วกับคสช. การออกมาตอบโต้แบบไม่เกรงใจของพล.อ.ประวิตรคงเป็นคำตอบ

เพจติงสนช.ยื้อกม.ภาษีที่ดิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ Land Watch Thai จับตาปัญหาที่ดิน โพสต์แสดงความเห็นเรื่อง “เปิดที่ดิน สนช. คนชี้ขาดภาษีที่ดิน” ใจความว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ของสนช. ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขโดยกมธ. ซึ่งร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นร่างกฎหมายแรกๆ ที่รัฐบาล คสช. ตั้งใจจะบังคับใช้ แต่ต้องเลื่อนประกาศถึง 2 ครั้ง โดยครั้งนี้น่าจะมีการประกาศใช้ในต้นปี 2561 แต่ก็มีข่าวว่าอาจจะต้องเลื่อนไปอีก

เพราะแท้จริงแล้วหาก สนช. รับหลักการของร่างพ.ร.บ.ใดแล้ว จะมีเวลา 60 วัน แก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมาย โดยตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 2560 จนถึงขณะนี้ เกือบ 180 วันแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่า พ.ร.บ.นี้จะเข้าสู่ สนช.ในวาระสุดท้ายวันไหน แต่หากพิจารณาถึงมูลค่าที่ดินทั้งหมดที่ สนช.ถือครองอยู่นั้น อาจเกิดคำถามได้ว่า สาเหตุที่ร่างกฎหมายฉบับ ดังกล่าวยังไม่ไปไหนนั้น เพราะกฎหมายฉบับนี้จะทำให้สมาชิกสนช. เป็นผู้เดือดร้อน

Land Watch Thai ได้รวบรวมข้อมูลจากบัญชีทรัพย์สินที่ สนช.ต้องแสดงต่อ ป.ป.ช. พบว่า สนช.ทั้งหมด 247 คนในขณะนี้ ครอบครองที่ดิน มูลค่ารวมกันถึง 9,803,618,528 บาท โดย สนช.ที่ครอบครองที่ดินที่มีมูลค่ามากที่สุดอยู่ที่ 1,197,900,920 บาท และน้อยที่สุดคือ 200,000 บาท เฉลี่ยคนละ 42,075,616 บาท นับว่าเป็นมูลค่าที่มหาศาลและก็บอกอยู่เป็นนัยว่าเจ้าของที่ดินทั้งหลายนั่งอยู่ในสภาแห่งนั้น ทั้งนี้ ต้องรอดูว่ารูปร่างหน้าตาของภาษีฉบับนี้จะออกมาอย่างไร และจะส่งผลให้ลดการกระจุกตัวของที่ดินได้หรือไม่ ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ www.nacc.go.th/nacc_asset_legis.php

รองปธ.สนช.แจงวุ่นปมอืด

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่สอง กล่าวถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ… ที่ครม.เป็นผู้เสนอว่า อยู่ในชั้นการพิจารณาของกมธ.วิสามัญ ที่มีนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เป็นประธาน ที่ผ่านมามีการขอขยายเวลาพิจารณาถึงวันที่ 25 พ.ย. เนื่องจากมีเนื้อหาและรายละเอียดจำนวนมาก จึงต้องใช้ความรอบคอบ ล่าสุด กมธ.วิสามัญ พิจารณาเนื้อหาครบทั้ง 89 มาตราแล้ว ระยะเวลาที่เหลือจะใช้ทบทวน คาดว่าก่อนครบกำหนดวันที่ 25 พ.ย.นี้ กมธ.วิสามัญจะนำเสนอร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ ให้ที่ประชุมใหญ่สนช.พิจารณาในวาระ 2-3 ได้

นายพีระศักดิ์กล่าวว่า ส่วนที่มีการเปิดเผยการถือครองที่ดินของสนช. ก็ว่ากันตามข้อเท็จจริงที่แสดงบัญชีรายการทรัพย์สินไว้กับป.ป.ช. ทางสนช.พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน หากประชาสังคมหรือประชาชนมีข้อมูล ก็ยื่นเรื่องให้สนช.พิจารณาได้

จี้ปปง.สอบ”มีชัย”คดีกรุงไทยด้วย

ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายวีระ สมความคิด อดีตเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ยื่นหนังสือต่อปปง. ขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายฟอกเงินกับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ในคดีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปล่อยกู้สินเชื่อให้กับเครือบริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาคดีดังกล่าวไปแล้วเมื่อปี 2558

นายวีระกล่าวว่า นอกจากจำเลยในคดีที่ถูกตัดสินโทษปรับและจำคุกไปแล้ว ยังพบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 100 กว่าคนที่คาดว่าจะมีความผิดและถูกตรวจสอบเพิ่มเติม หนึ่งในนั้นมีชื่อของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ซึ่งพบว่าตั้งแต่ปี 2535-2555 ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทกฤษดามหานคร ซึ่งเป็นจำเลยที่ 20 ในคดี ซึ่งศาลตัดสินให้บริษัทดังกล่าว ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายคืนให้กับธนาคารกรุงไทย เป็นมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ดังนั้นนายมีชัย จึงเข้าข่ายที่ต้องถูกตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่นายมีชัยปฏิเสธว่าแม้จะดำรงตำแหน่งอยู่ในบริษัทกฤษดามหานคร แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ที่นำเงินมาซื้อหุ้นในบริษัท เป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิด และไม่มีหน้าที่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ทำให้คนทั้งประเทศเข้าใจว่าผู้บริหารและบริษัทกฤษดามหานครไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว ทั้งที่ศาลมีคำพิพากษาให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายไปแล้ว ซึ่งนายมีชัยในฐานะ ผู้บริหารสูงสุด ก็ควรจะถูกตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติม

ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวถึงกรณีนี้ว่า “ผมไม่ได้ทำผิดด้วย ผมไม่เก่งเหมือนนายวีระ เพราะผมไม่ได้รู้ทุกเรื่อง”

ณัฐวุฒิขอสู้คดี 99ศพตามกม.

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีทนายความญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม นปช.ปี 2553 พร้อมญาติผู้เสียชีวิตได้มายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออสส. ให้แจ้งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนคดีเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มนปช. ปี 2553 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 99 ศพ และบาดเจ็บกว่า 2,000 คนว่า ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อสส. ไม่ได้นิ่งนอนใจโดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวในสังกัดสำนักงานอสส. ให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการดำเนินการเร็วๆ นี้เเน่นอน

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนไม่สนใจจะตอบโต้กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กรณีเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุมปี 2553 เพราะหลังเหตุการณ์ ถ้าคนส่วนใหญ่เชื่อตามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.พูด คงไม่แพ้เลือกตั้งปี 2554 มากขนาดนี้ ซึ่งคนตายนับร้อยชีวิตเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าเทคนิคทางการเมืองของพรรคเก่าแก่ จะทำให้เลือนหายไปเฉยๆ ได้

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ต้องการสู้คดีนี้บนหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ต้องการสู้ในศาลและจะทำทุกวิธีตามกฎหมายให้ความยุติธรรมมาถึงคนตาย ใครจะบิดเบือนก็ว่าไป แต่ตนอยู่กับความจริงว่าคนตายเป็นร้อยต้องมีคนรับผิดชอบ และศาลยังไม่ยกฟ้องคดีที่อัยการสูงสุด สั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ ฐานฆ่าคน แม้กระทั่งคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ที่ป.ป.ช.เคยยกคำร้องไปแล้ว ก็ต้องสู้จนพิจารณาใหม่ เพราะถ้านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ กับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ถูกฟ้อง เพราะใช้ตำรวจถือแก๊สน้ำตาไปเปิดทางเข้าสภา มีคนตาย 2 คน จนศาลชี้ว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุอื่น แล้วนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพ ที่สั่งทหารหลายหมื่นนายใช้อาวุธสงคราม ปืนติดกล้อง ยุทโธปกรณ์เหมือนภาวะสงคราม คนตายเป็นร้อย และเกือบ 20 รายศาลชี้แล้วว่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ จะไม่ถูกฟ้อง คิดยังไงตนก็ยอมรับไม่ได้

“บางคนทำอะไรก็ไม่ผิดจนถูกมองว่ามีเส้น แต่พวกผมถึงไม่มีเส้นก็มีหัวใจ และไม่มีหัวใจมนุษย์คนไหนถูกออกแบบให้แบกรับความอยุติธรรม” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน