ยาสูบ ลดราคาบุหรี่หนีตาย โอดถ้ารัฐเก็บภาษีแบบเดิม อาจต้องปิดโรงงาน

วันที่ 12 พ.ย. นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) กล่าวว่า เตรียมหารือกับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในเดือนธันวาคมนี้ ให้พิจารณาสำหรับภาษีสรรพสามิตบุหรี่ 2 อัตราโครงสร้างใหม่ คือ 20% และ 40%

ซึ่งหากมีการประกาศใช้โครงสร้างเดิม และจัดเก็บที่อัตราเดียว 40% ในวันที่ 1 ต.ค. 2564 จะส่งผลให้ ยาสูบไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ และอาจจะต้องปิดโรงงาน ซึ่งยาสูบมีกำไรจากการขายบุหรี่ที่อัตราภาษีปัจจุบันซองลง 67 สตางค์ต่อซอง ปรับลดลงจาก 7 บาทต่อซอง

สำหรับข้อเสนอภาษีสรรพสามิตบุหรี่ 2 อัตราโครงสร้างใหม่ จะคงอัตราจัดเก็บไว้ที่ 20% และ 40% เหมือนเดิม แต่จะพิจารณาองค์ประกอบ 5 ด้าน คือ 1. โครงสร้างภาษีใหม่จะไม่ได้ทำให้ยาสูบอยู่รอดเท่านั้น แต่อุตสาหกรรมบุหรี่และภาคเอกชน จะอยู่รอดทั้งหมด

2. การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจะไม่ลดลง 3. ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เช่นตัวแทนจำหน่าย เกษตรกรผู้ปลูกใบยามีรายได้เพิ่มขึ้น 4.กองทุนต่าง ๆ จะได้รับเงินจัดสรรเท่าเดิม เช่น สสส. 5. จะไม่มีคนสูบุหรี่มากขึ้น

นายภาณุพล กล่าวต่อว่า หากโครงสร้างภาษีใหม่ได้รับการเห็นชอบในปีหน้า ยาสูบจะสามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีราคาขายต่ำกว่า 60 บาท โดยยังสามารถมีกำไรได้

“โครงสร้างภาษีปัจจุบัน ทำให้ยาสูบยังมีฐานะแข็งแกร่ง 100% ปี 2563 มีกำไรกว่า 900 ล้านบาท เพราะนโยบายรัดเข็มขัด ลดค่าใช้จ่าย แต่ถ้าขยับภาษีอัตราเดียวที่ 40% ยาสูบจะขายไม่ได้ ต้องปิดโรงงานไปเลย เพราะต้องเป็นการขึ้นราคาบุหรี่ เพื่อหาเงินมาจ่ายภาษี คงอยู่ไม่ได้”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน